เมื่อวันที่ 16 ก.ย.63 นายอภิเดช หมื่นน้อย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำพอง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 8 ขอนแก่น กำลังอาสาสมัคร ช่วยกันนำน้ำมันบรรจุใส่ขวดเครื่องดื่มชูกำลัง เพื่อจะนำไปปักเป็นแนวกันไม่ให้หมีควายได้หลบหนีออกจากไร่มันสำปะหลังและป่าชุมชน
ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ได้ติดตามหมีควาย จนมาเจอที่บริเวณบ้านโนนทองหลาง ตำบลสีชมพู อำเภอสีชมพู จังหวัดขอนแก่น ในช่วงเที่ยงวันที่ผ่านมา จึงได้ทำแนวล้อมไว้ เนื่องจากหมีควายไม่ชอบแสงไฟ พร้อมกับจัดกำลังประจำจุด เพื่อไม่ให้หมีควายออกนอกเขต ก่อนที่จะมีการเข้ายิงยาสลบหมีควาย
ในส่วนการปฎิบัติการติดตามหมีควายในวันนี้ นายสุธรรม วงษ์จันทร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูเวียง ในฐานะหัวหน้าชุดปฎิบัติการ ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 8 ขอนแก่น ซึ่งในวันนี้ได้เตรียมชุดยิงยาสลบ และชุดคุ้มกันกระจายในพื้นที่ป่าดังกล่าว โดยเริ่มปฎิบัติการตั้งแต่เวลา 07.30 น.
หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูเวียง เปิดเผยว่า ในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้วางแผนส่งชุดยิงยาสลบเข้าเคลียร์พื้นที่ป่าช้า เพื่อจับเป็นจำนวน 3 ชุด ชุดละ 5 คน โดยแต่ละชุดจะมีสัตวแพทย์ยิงยาสลบจำนวน 2 กระบอก และจะมีสัตวแพทย์ยิงยาสลบอีก 3 กระบอก ประจำตามจุดรอบป่าช้าในแนวที่คาดว่าหากหมีควายหลบหนีออกมา จะพบกับทีมเจ้าหน้าที่ยิงยาสลบทั้ง 3 ชุดดังกล่าว โดยไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปภายในป่าช้าเด็ดขาด
นายอนันต์ ปิ่นน้อย ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 8 กล่าวว่า การปฎิบัติการตามล่าตัวหมีควายที่ออกมาทำร้ายชาวบ้านที่อำเภอสีชมพู จังหวัดขอนแก่น จนได้รับบาดเจ็บ 4 ราย เจ้าหน้าที่ได้มีการประชุมวางแผนการปฎิบัติงาน และลงพื้นที่ต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่า 10 วัน จนเริ่มมีกำลังอ่อนล้า แต่ด้วยนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและอธิบดีกรมอุทยานฯ ได้เน้นย้ำให้ติดตามจับตัวหมีให้ได้ หรือผลักดันเข้าป่า จึงจะสามารถยกเลิกภารกิจได้ เพราะเป็นห่วงว่าหมีจะมาทำร้ายชาวบ้านจนได้รับอันตราย
หลังสิ้นเสียงปืน หมีควายได้วิ่งออกจากจุดถูกยิงยาสลบ แล้วลงไปในสระน้ำของชาวบ้าน ก่อนที่จะพยายามปีนขึ้นมา โดยสัตวแพทย์พยายามจะเข้าไปยิงยาสลบซ้ำ แต่กลับถูกหมีควายวิ่งไล่จนต้องกระโดดลงน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด เจ้าหมีจึงกระโดดไปอีกฝั่งหนึ่ง เจ้าหน้าที่ที่เหลือจึงยิงยาสลบใส่อีกครั้ง จนกระทั่งหมีแน่นิ่งลงไปด้วยฤทธิ์ยาสลบ หลังเหตุการณ์สงบทีมสัตวแพทย์จึงเข้าตรวจสอบหมีและนำใส่เปลแบกออกมาขึ้นรถ นำไปที่เขตเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าฯ อำเภอภูเขียว จ.ชัยภูมิ
เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายจึงต้องทำงานกันอย่างหนักตลอด 24 ชั่วโมง จนช่วงบ่ายวันนี้เจ้าหน้าที่รู้พิกัดหมี จึงวางกำลังกันเข้าพื้นที่กดดันและปิดล้อมจนนำไปสู่การจับตัวหมีได้ หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะนำตัวหมีไปยังศูนย์เพาะเลี้ยงสัตว์ป่าภูเขียว เพื่ออนุบาลจนกว่าหมีจะกลับมามีสภาพเป็นปกติ จึงจะตรวจสอบว่าหมีตัวดังกล่าวเป็นหมีเลี้ยงหรือหมีป่าต่อไป