เมื่อวันที่ 20 ก.ย.63 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณสะพานมัฆวาน เส้นทางถนนราชดำเนินมุ่งหน้าลานพระบรมรูปทรงม้า เเละอยู่ใกล้กับทำเนียบรัฐบาล จะเห็นได้ว่ายังไม่มีกลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนผ่าน เจ้าหน้าที่นำแบริเออร์คอนกรีต และลวดหนาม มาติดตั้ง รวม 5 ชั้น เพื่อป้องกันผู้ชุมนุมเข้าพื้นที่ ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายการชุมนุมต้องอยู่ห่างทำเนียบรัฐบาล 50 เมตร และเขตพระราชฐาน 150 เมตร ท่ามกลางสื่อมวลชนเข้ามารอเก็บภาพจำนวนมาก โดยมีรถหน่วยเเพทย์กู้ชีพจำนวน 1 คัน มาสแตนบายรอหากเกิดเหตุฉุกเฉิน
ขณะที่น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง เป็นตัวแทน ไปยื่นหนังสือที่ทำเนียบองคมนตรี ทั้งนี้มีการประกาศขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปิดทางให้ เพื่อได้เดินเข้าไปพร้อมสื่อมวลชน ไปยื่นหนังสือ 10 ข้อเรียกร้อง อย่าได้มีการจับกุม หรือต้องมีการปะทะ
ทั้งนี้ มีการประกาศให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่เคลื่อนขบวนมา นั่งลงกลางถนน บริเวณหน้าศาลฎีกา ตำรวจยอมเปิดทางให้ตัวแทน น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ให้เข้าไปยื่นข้อเรียกร้อง 10 ข้อ ได้ ซึ่ง พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ได้ออกมาเป็นตัวแทนในการเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมแทน ซึ่งหลังจากที่มอบหนังสือเสร็จแล้ว กลุ่มผู้ชุมนุมจึงเคลื่อนขบวนกลับไปที่ตั้งที่ สนามหลวง เพื่อกำหนดท่าทีและกิจกรรมต่อไป
หลังจากที่มีการยุติการชุมเเกนนำกลุ่มเเนวร่วมธรรมศาสตร์เเละการชุมนุม ได้วิ่งไปปักธงสีเเดงไว้กลางท้องสนามหลวง เเล้วร้องเพลง เเละถ่ายรูปร่วมกัน เพื่อเป็นการปิดฉากการชุมนุม
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้พูดคุยกับ "รุ้ง" น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล เปิดเผยว่า การชุมนุมในครั้งนี้ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก ดังนั้นทางกลุ่มไม่มีความต้องการจะให้เกิดการปะทะ จึงไม่เคลื่อนมวลชนเข้าใกล้เขตพระราชฐาน เเต่ได้ส่งตัวเเทนยื่นหนังสือ ซึ่งตอนที่ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล มารับหนังสือ ก็มีการพูดคุยกัน จะนำไปทำเรื่องต่อที่สำนักงานตำรวจเเห่งชาติ พร้อมทั้งได้รับปากว่าสามารถตรวจสอบความคืบหน้าได้ ซึ่งตนก็ได้กล่าวบนเวทีปราศรัยเเล้วว่า หากไม่มีความคืบหน้า "จะได้เห็นดีกัน"
ส่วนในเรื่องของหมายจับหรือคดีความ "คาดว่าหลังจากนี้ก็คงจะโดน เเต่ส่วนตัวไม่เคยกลัว เพราะเคยโดนมาหลายคดีเเล้ว อีกทั้งเรามองถึงเป้าหมาย ว่าเราอยากพูดอะไร อยากสื่อสารอะไร เเละเราอยากให้สังคมมีความเปลี่ยนเเปลงอย่างไร ซึ่งการดำเนินคดีกับเเกนนำ หรือผู้ชุมนุม เป็นการจำกัดสิทธิ์เเละเสรีภาพของประชาชน"
จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้นำอุปกรณ์เจาะคอนกรีต ขุดเจาะพื้นสนามหลวง เพื่อเตรียมนำหมุดคณะราษฎร ขนาด 11.6 นิ้ว ปักลงบริเวณดังกล่าว โดยการทำกิจกรรมดังกล่าว ทางแกนนำ เช่น นายอานนท์ นำภา, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ เพนกวิน และแกนนำคนอื่น ๆ มาร่วมกิจกรรม ตามกำหนดการที่นัดหมายไว้
ภายหลังจากที่แกนนำประกาศยุติการชุมนุม ก่อนที่คณะราษฎรที่มาร่วมชุมนุมจะทยอยเดินออกจากสนามหลวงและเดินทางกลับบ้าน แต่ยังพบว่า ที่บริเวณท้องสนามหลวงยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 50 คน รวมตัวกันอยู่ที่บริเวณจุดที่มีการปักหมุดลงพื้นที่สนามหลวงฝั่งประตูทางออก ด้านมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยประชาชนบางส่วนยืนดูหมุด โดยมีการนำแผงเหล็กมากั้นรอบหมุดเป็นแนววงกลมเอาไว้ ขณะเดียวกันมีประชาชนบางส่วนยืนต่อแถวทยอยเข้าบันทึกภาพคู่กับหมุดของคณะราษฎรเป็นที่ระลึก
ในเวลา 11.30 น. ระหว่างนั้นได้มีเจ้าหน้าที่เทศกิจ กรุงเทพมหานคร จำนวนกว่า 10 ราย เดินทางมาที่บริเวณปักหมุด โดยอ้างว่ามาเพื่อดูความเรียบร้อยและตรวจหาวัตถุระเบิด ทำให้ผู้ร่วมชุมนุมที่อยู่หมุดเกิดความไม่พอใจ เนื่องจากกังวลว่าจะรื้อถอนหมุดของคณะราษฎร โดยเจ้าหน้าที่บอกว่าจะทำการตรวจหาระเบิด ปฏิบัติหน้าที่ดูความเรียบร้อย แต่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยินยอม พร้อมบอกเจ้าหน้าที่ว่า หากต้องการตรวจหาวัตถุระเบิดจริง ให้นำเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิดมาด้วย และสั่งห้ามไม่ให้รื้อถอนหมุดของคณะราษฎรโดยเด็ดขาด
ภายหลังจากที่มีการเจรจากับทุกฝ่ายนานกว่า 15 นาที กระทั่งเจ้าหน้าที่เทศกิจ ยอมถอยออกจากบริเวณที่มีการปักหมุดและเดินทางออกจากท้องสนามหลวงไป
ต่อมาเวลาประมาณ 11.45 น. "เพนกวิน" พริษฐ์ ชิวารักษ์ , "รุ้ง" ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล และแกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ เดินทางมายังจุดที่มีการปักหมุดบริเวณท้องสนามหลวง ภายหลังจากทราบว่า มีเจ้าหน้าที่เทศกิจ กรุงเทพมหานคร เตรียมเข้ามาตรวจหาวัตถุระเบิด ที่บริเวณปักหมุดจนทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนไม่พอใจ เกรงจะรื้อถอนหมุด จากนั้นแกนนำได้เข้าไปนั่งอยู่โดยรอบหมุด เพื่อดูหมุดว่ามีความเสียหายหรือมีร่องรอยพยายามรื้อถอนหรือไม่
"เพนกวิน" พริษฐ์ ชิวารักษ์ นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และแกนนำเยาวชนปลดแอก ระบุว่า ภายหลังจากทราบว่ามีเจ้าหน้าที่มาที่จุดปักหมุด จึงรีบเดินทางมาทันทีพร้อมกลุ่มแนวร่วมแกนนำ เพื่อมาดูความเรียบร้อยและสังเกตการณ์ พื้นที่สนามหลวงแห่งนี้เป็นของประชาชนทุกคน ไม่ใช่ของใครเพียงหนึ่ง จึงเป็นสิทธิ์และเสรีภาพของประชาชนที่จะนำหมุดมาปักได้
นอกจากนี้ "เพนกวิน" ยังพูดสาปแช่ง บุคคลที่จะมารื้อถอนหรือบุคคลที่สั่งการรื้อถอน ขอให้มีอันเป็นไป ไม่มีความเจริญ พร้อมยังบอกอีกว่า ถ้าหากมีคนมารื้อถอนหมุดที่สนามหลวงออกจริง คณะราษฎรก็จะดำเนินการหล่อหมุดและนำมาปักไว้ใหม่อีกครั้ง ยืนยันว่าไม่มีความกังวลใด ๆ เพราะการปักหมุดที่สนามหลวงแห่งนี้ เป็นเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนที่สามารถทำได้
พลตำรวจตรีปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงรายงานความคืบหน้ากรณีกิจกรรมชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ หลังจากที่แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้ประกาศยุติการชุมนุม พร้อมนัดชุมนุมใหญ่อีกครั้งในวันที่ 24 กันยายน 63 ว่า ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ไปรับหนังสือข้อเรียกร้องกับกลุ่มผู้ชุมนุมในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ ไม่ได้ไปในฐานะตัวแทนสำนักงานองคมนตรี ตามที่เป็นข่าว
เมื่อรับหนังสือข้อเรียกร้องมาแล้ว จะได้ส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามจุดประสงค์ของแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมต่อไป ซึ่งเป็นไปตามลำดับขั้นตอนตามกฎหมายปกติ ยืนยันว่าจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด ไม่มีชักช้า ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมเองก็คงเกิดความสบายใจที่เห็นตำรวจออกมารับหนังสือ ทำให้ไม่เกิดการชุมนุมที่ต่อเนื่อง และไม่มีการสร้างเงื่อนไขใด ๆ เพิ่มเติมอีก
หลังจากที่แกนนำประกาศยุติการชุมนุม ตำรวจมีหน้าที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้ชุมนุมได้เดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย ซึ่งทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล จะได้ทำการประเมินสถานการณ์ หากไม่มีอะไรที่ต้องกังวล จะออกคำสั่งให้ตำรวจทำการเก็บอุปกรณ์กีดขวางต่าง ๆ และให้ออกจากพื้นที่ภายในเย็นวันนี้ และจะเริ่มทำการเปิดถนนให้สัญจรตามปกติ
ส่วนการฝังหมุดลงไปที่พื้นสนามหลวง ที่ถูกขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ต้องให้กรุงเทพมหานคร และกระทรวงศึกษาธิการ ที่เป็นผู้ดูแลพื้นที่ ทำการพิจารณาว่า ผิดกฎหมายหรือไม่ หากพบว่าผิดกฎหมาย สามารถแจ้งความได้ที่ สน.ชนะสงคราม ซึ่งหมุดที่แกนนำได้ฝังลงไปที่พื้น ถือว่าเป็นส่วนที่เกินมา ไม่ได้มีมาตั้งแต่แรก ซึ่งทางตำรวจมองว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
การกระทำของแกนนำในครั้งนี้ อาจจะเข้าข่ายผิดกฏหมาย โดยแยกเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1 ออกจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไปที่สนามหลวง แล้วทำการชุมนุมโดยที่ไม่แจ้งให้เจ้าหน้าที่ได้รับทราบ ส่วนที่ 2 เข้าไปในสนามหลวงแล้วทำการค้างแรม พร้อมอยู่เกินเวลา ส่วนที่ 3 ทำการปักหมุด ไม่ใช่สิ่งที่มีมาตั้งแต่แรก ถือเป็นส่วนเกิน
คุณฟ้า นภัส ปราณีตพลกรัง ผู้สื่อข่าวอมรนิทร์ทีวี รายงานบรรยากาศที่ท้องสนามหลวง กลับสู่สภาวะปกติเเล้ว ซึ่งเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ทหารกว่าร้อยนาย นำรถบรรทุกน้ำยาฆ่าเชื้อ 6 คัน ระดมทำความสะอาดรอบพื้นที่ เพื่อป้องกันโควิด-19 ขณะเดียวกัน "หมุดคณะราษฎร" มีคนทยอยมาถ่ายรูปอย่างต่อเนื่อง
โดยมีกำลังทหาร จำนวน 100 นาย มาพร้อมกับอุปกรณ์ทำความสะอาด ใช้รถฉีดน้ำ บรรทุกน้ำยาฆ่าเชื้อ จำนวน 6 คัน ทำความสะอาดพื้น นอกจากนี้ยังฉีดตามรั้ว เเละจุดสัมผัสต่าง ๆ เพื่อป้องกันการเเพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19
ทางด้านการจราจร ถนนบริเวณใกล้เคียงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เเละพระบรมมหาราชวัง ขณะนี้เปิดการจราจรได้ตามปกติทุกเส้นทางเเล้ว สภาพการจราจรค่อนข้างคล่องตัว ส่วน "หมุดคณะราษฎร" พบว่ายังคงมีประชาชนทยอยเดินทางมาชมเเละถ่ายรูปกันอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีคนนำพวงมาลัยมาวางคู่กับหมุดด้วย ซึ่งถึงเเม้ว่าตั้งเเต่ช่วงเย็นมาจนถึงตอนนี้ จะมีฝนตกลงมา เเต่ประชาชนก็ยังเดินทางมาถ่ายรูป ท่ามกลางสายฝน
จากการสำรวจบริเวณโดยรอบลานพระบรมรูปทรงม้า ในเวลา 08.30 น. พบว่า สถานการณ์ยังคงปกติ ไม่มีความวุ่นวาย ไม่มีกลุ่มผู้ชุมนุมจากพื้นที่ท้องสนามหลวงเดินทางมา และยังคงไร้วี่แววการเคลื่อนย้ายขบวนของเหล่าแกนนำมายังพระบรมรูปทรงม้า
ขณะเดียวกันมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 200 นาย กระจายกำลังประจำจุดแนวกั้นปิดถนนช่วงถนนพระราชดำเนินนอกและถนนศรีอยุธยา เพื่อวางกำลังเตรียมพร้อมรับมือกับกลุ่มผู้ชุมนุม หากมีการเคลื่อนย้ายและพยายามเข้ามายังลานพระบรมรูปทรงม้า พร้อมกันนี้มีรถตู้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่จอดอยู่บริเวณถนนราชดำเนินนอกประมาณ 30 คัน ซึ่งเป็นรถตู้ของกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่มาเตรียมพร้อมวางกำลังดูแลความเรียบร้อย
คุณจ๋าย อิชณน์กร นักร้องนำของวงไททศมิตร เปิดเผยให้ฟังว่า ในวันนี้มีงานติดต่อมาเยอะมาก แต่ตนก็ไม่รับเลย ยอมทิ้งงาน เพื่อมาร่วมชุมนุมกับน้อง ๆ เพราะรู้สึกว่าเป็นอีกหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ ตนจะไม่มีทางพลาดวันสำคัญแบบนี้ วันนี้มากัน 8 คน เกือบครบวง โดยตนไปทุก ๆ ที่อยู่แล้ว ตั้งแต่ที่ธรรมศาสตร์แล้ว ตนพยายามจะไปให้ได้ทุกที่ บางที่ตนก็ขึ้นไปเล่นดนตรีให้น้อง ๆ ฟังด้วย
ทั้งนี้ตนแสดงจุดยืนของตัวเองชัดเจนมากมาโดยตลอด ทั้งในสื่อโซเชียลฯ หรือการใช้ชีวิต ตนมองว่าไม่ใช่เรื่องผิด ตราบใดที่เราทำตามภายใต้รัฐธรรมนูญและกฎหมาย ที่เป็นสิทธิ์และเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ที่ผ่านมาก็ไม่เคยกระทบกับวงดนตรีเลย ยังมีคนจ้างงานเหมือนเดิม ไม่ได้ถูกแบน
ด้าน ฟลุ๊ค เดอะสตาร์ ก็เป็นคนหนึ่งคนในวงการบันเทิงที่แสดงจุดยืนของตัวเองชัดเจนมาโดยตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา บอกเลยว่า วันนี้คงอยู่กันยาว ๆ ผลสรุปจะจบอย่างไรตนไม่รู้ แต่สิ่งสำคัญก็คือเด็ก ๆ ได้สื่อสารสิ่งที่เขาต้องการออกไปแล้ว แล้วตนคิดว่าหากมีการเรียกร้องมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็จะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ แต่ตนก็ไม่ได้ใจร้อนที่จะให้เห็นผลวันนี้พรุ่งนี้ เพราะตนเห็นมานาน ทุกการเปลี่ยนแปลงต้องใจเย็น ๆ
คุณฟลุ๊ค บอกทิ้งท้ายว่า ตนรู้สึกชื่นใจที่มีวันนี้ เพราะก่อนหน้านี้เวลาตนแสดงจุดยืนก็จะถูกโจมตี แต่สุดท้ายสิ่งที่ตนเชื่อมานาน วันนี้มีคนสนับสนุนจำนวนมาก และทุกคนก็ได้เข้าใจในความคิดของตนมากขึ้นด้วย หลายคนก็เข้ามาขอโทษตนที่เคยต่อว่าในครั้งก่อนอีกด้วย
กรณีที่สถานีวิทยุแห่งหนึ่ง ต.ลาดสวาย อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ถูกใช้เป็นสถานที่เผาหุ่นฟาง 7 ตัวที่มีภาพของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ลงพื้นที่มายังที่เกิดเหตุอีกครั้ง โดยหลังจากทำพิธีเผาหุ่นฟาง ได้มีการเก็บข้าวของ และโต๊ะหมู่บูชาแล้ว
พระบุญมี ป้อมหมั่น พระลูกวัดคลองชัน จ.ปทุมธานี ที่เป็นพระสงฆ์ในพิธี ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวอมรินทร์ทีวีว่า อาตมาได้ไปสวดทำพิธีบังสุกุล โดยมีพระสงฆ์จากวัดคลองชัน จ.ปทุมธานี 8 รูป และพระสงฆ์จากวัดอื่น 1 รูป รวม 9 รูป ซึ่งมีชาวบ้านมานิมนต์ไป
ในการทำพิธีมีการสวดมนต์อยู่ 2 บทสวด คือ 1.บทสวดเจริญพุทธมนต์ เป็นการสวดเหมือนการทำบุญทั่วไป 2.บทสวดอนิจจา เป็นการสวดให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งผู้เสียชีวิตที่อาตมาสวดให้นั้น ทางโยมก็มีการตั้งรูปภาพไว้ประมาณ 7 คน โดยใช้เวลาสวดไม่ถึงชั่วโมง ก็เป็นอันเสร็จพิธี
พระบุญมีเล่าต่อว่า ที่พระสงฆ์ไปทำพิธีสวดดังกล่าวนั้น เพราะโยมมานิมนต์ไป หลังจากสวดมนต์เสร็จอาตมาก็เดินทางกลับวัด ไม่ได้อยู่ถึงตอนที่โยมมีการเผาหุ่นฟาง 7 ตัวแต่อย่างใด และทางพระสงฆ์ก็ไม่ทราบมาก่อนว่า โยมจะมีการเผาหุ่น 7 แบบนี้
พระบุญมี ยืนยันอีกว่า ทางพระสงฆ์ที่ไปสวดมนต์ทำพิธี ก็ไม่มีใครเดินทางไปร่วมม็อบต่ออีกด้วย เพราะไม่ใช่กิจของสงฆ์ และตนก็ไม่กังวลเรื่องกระแสโตมตีว่าตนไปยุ่งเรื่องการเมือง เนื่องจากอาตมาไปสวดตามนิมนต์ของญาติโยมเท่านั้น
ขณะที่ พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ขอบคุณเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เตรียมการอำนวยการและปฏิบัติงานในการติดตาม อำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยการชุมนุมให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และขอบคุณผู้เข้าร่วมชุมนุม ที่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ และร่วมกันชุมนุมอย่างสันติวิธี
ขณะเดียวกันสื่อต่างประเทศ ก็ได้รายงานความเคลื่อนไหวของการชุมนุมของเยาวชน โดยระบุว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงออกอย่างอดกลั้น และโอนอ่อน ระหว่างการชุมนุมที่ต้องเผชิญหน้ากับฝูงชนจำนวนมาก ส่วนฝ่ายผู้ชุมนุมเองก็มีการเตือนให้เคลื่อนไหวอย่างสันติวิธีเช่นกัน
