รวบเด็ก 17 ปีนหน้าต่างคอนโดฯ หาสาวทิ้ง กกน.หนี แม่โต้ลูกไม่ได้ข่มขืน แค่ผ่านทางกลับห้อง (คลิป)

กรณีเมื่อวันที่ 20 ก.ย.63 ช่วงเวลาประมาณ 03.45 น. น.ส.สุมิตรา โตส้ม อายุ 46 ปี พนักงานบัญชีบริษัทเอกชน ได้โทรศัพท์แจ้งนิติบุคคลของคอนโดฯ ที่เจ้าตัวพักอาศัย ว่ามีผู้ชายคนหนึ่งบุกรุกเข้ามาภายในห้องพัก ในสภาพสวมเสื้อเสื้อยืด แต่ไม่สวมใส่กางเกงใน ขอให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขึ้นมาช่วยดูแล

จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ผู้บุกรุกเป็นเด็กวัยรุ่นอายุ 17 ปี ที่อาศัยอยู่ห้องติดกัน ปีนเข้ามาทางหน้าต่างผ่านระเบียงห้อง พยายามดึงผ้าห่มของ น.ส.สุมิตรา วัยรุ่นชายจึงวิ่งหนีออกจากห้องไป ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี กำลังอยู่ในระหว่างหาหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อดำเนินคดีต่อไป

ล่าสุดวันที่ 21 ก.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางไปพูดคุยกับ น.ส.สุมิตรา โตส้ม อายุ 46 ปี พนักงานบัญชีบริษัทเอกชน ที่ยังคงมีอาการผวาอยู่ เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ตนพักอยู่ภายในคอนโดฯ แห่งหนึ่งย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี โดยในวันที่ 19 ก.ย.63 ตนได้นอนดูโทรทัศน์และหลับอยู่บนโซฟาห้องนั่งเล่น ตั้งแต่เวลา 00.00 น. 

จนในเวลาประมาณ 03.30 น. ขณะที่ตนกำลังนอนห่มผ้าอยู่ แต่ตนก็รู้สึกตัวตื่น เนื่องจากรู้สึกว่าผ้าห่มถูกดึงออกหลายครั้ง พร้อมกับมีเสียงดังมาจากใต้โซฟา เมื่อตนลืมตาดูก็เห็นเป็นเงาคล้ายคนนอนอยู่บนพื้น ในตอนแรกตนคิดว่าเป็นผี ตนจึงขยับตัวไปเปิดไฟข้างโซฟา จึงพบว่าเป็นเด็กวัยรุ่นชาย ไม่ใส่กางเกงใน

ตนรู้สึกตกใจ จึงตะโกนถามไปว่า "เป็นใคร เข้ามาทำไม เข้ามาได้ยังไง" ตนจำไม่ได้ว่าอีกฝ่ายตอบกลับมาหรือเปล่า แต่ตอนนั้นรีบวิ่งไปคว้ามีดทำครัว พร้อมร้องตะโกนให้คนช่วย เมื่อวิ่งกลับออกมาในห้องนั่งเล่น ตนก็ไม่พบกับวัยรุ่นชายคนดังกล่าวแล้ว พบเพียงกางเกงในสีน้ำเงินทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า

ในเวลา 03.45 น. ตนได้โทรศัพท์แจ้งเหตุกับนิติฯ คอนโดฯ จากนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 3 คน พร้อมช่างประจำตึก 1 คน ก็ได้ขึ้นมาหาตน ตนได้ชี้รอยเท้าให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดู พบว่าภายในห้องแต่งตัวของตนมีรอยเท้าปีนเข้ามาจากบริเวณระเบียงห้องข้าง ๆ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจึงไปเคาะถามห้องข้าง ๆ พบว่าลูกชายของเจ้าของห้องข้าง ๆ ไม่อยู่ภายในห้องพัก แม่ของเด็กวัยรุ่นจึงโทรศัพท์ตามตัวลูกชายให้ขึ้นมา ซึ่งตนไม่เคยทราบมาก่อนว่าห้องข้าง ๆ มีลูกชาย

ตนได้เคลียร์กับอีกฝ่ายเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในตอนแรกวัยรุ่ยชายคนนี้ปฏิเสธ แต่ก็ยอมรับผิดเนื่องจากหลักฐานรอยเท้านั้นชัดเจน โดยอีกฝ่ายขอโทษและได้อ้างว่า วัยรุ่นต้องการออกมาสูบบุหรี่ที่ระเบียง แต่กลับเข้าห้องตัวเองไม่ได้ จึงปีนเข้าห้องของตน ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี

อีกฝ่ายขอตนว่าอย่าแจ้งความ แต่ตนก็ได้เดินทางไปแจ้งความที่ สภ.ปากเกร็ด ในเวลา 07.00 น. ของวันที่ 20 ก.ย.63 แล้วไปให้ปากคำเพิ่มเติมในเวลา 19.00 น. วันเดียวกัน โดยตนได้แจ้ง 2 ข้อหา ได้แก่ บุกรุกยามวิกาล และอนาจาร

แม้อีกฝ่ายจะมาขอโทษหรือเจรจาอะไรเพิ่มเติม ตนก็ยังยืนยันจะขอดำเนินคดี อีกฝ่ายจะอ้างว่าเข้าห้องตัวเองไม่ได้แล้วมาเข้าห้องตนนั้นไม่ได้ ตนเคยดูข่าวหลายคดีที่ยอมความกัน สุดท้ายคนร้ายก็คือคนเดิม

ตนไม่อยากเชื่อใจใคร ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดจริงเท็จแค่ไหน ตนยังคงกลัวและผวาอยู่ เวลาออกจากห้องก็กลัวคนจะมาทำร้าย เวลาอาบน้ำก็ต้องปิดไฟกลัวมีคนมาส่อง ตนกลัวถึงขั้นต้องพกมีดปลอกผลไม้ติดตัวไว้ตลอด เวลานอนก็ต้องล็อกประตูหน้าต่างทุกบาน เพราะตนเข็ดคิดว่าอาศัยอยู่ในห้องชั้น 23 แล้วจะไม่มีใครเข้ามา จึงไม่ได้ล็อกหน้าต่าง แต่ก็เกิดเหตุขึ้นจนได้ ตนจึงอยากให้กฎหมายเป็นตัวตัดสิน

ขณะเดียวกัน ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางอุษา (นามสมมติ) อายุ 37 ปี แม่ของวัยรุ่นชายวัย 17 ปี ผู้ก่อเหตุ ยืนยันว่าลูกชายไม่มีเจตนาจะทำอะไรไม่ดี ทุกอย่างเป็นเรื่องเข้าใจผิด ปกติแล้วตนจะอาศัยอยู่ในห้องพักเพียงลำพัง แต่ทุกสุดสัปดาห์ลูกชายของตนที่อาศัยอยู่กับลุง จะเดินทางมาหาตนจาก จ.สุพรรณบุรี ซึ่งล่าสุดลูกชายของตนเพิ่งเดินทางมา ก่อนเกิดเหตุได้เพียง 1 วัน

เหตุทั้งหมดเกิดจากการที่ตนห้ามลูกชายไม่ให้สูบบุหรี่ภายในห้องพัก ซึ่งตนห้ามมาตลอดจนทะเลาะกันบ่อยครั้ง โดยในคืนเกิดเหตุ หลังจากที่ตนเข้านอนแล้ว ลูกชายของตนที่เข้านอนไปแล้ว สวมเสื้อยืดและกางเกงในตัวเดียว ก็ได้ปีนหน้าต่างห้องนอนออกไปสูบบุหรี่บริเวณระเบียง แต่เมื่อสูบบุหรี่เสร็จแล้ว ลูกชายตนมุดกลับเข้าห้องได้แต่ตัว แต่หัวนั้นติดอยู่ภายนอกรอดกลับเข้ามาไม่ได้

ลูกชายได้พยายามโทรศัพท์หาตนแล้ว แต่ตนหลับอยู่จึงไม่ได้รับสาย จึงเสี่ยงที่จะลองเปิดหน้าต่างของห้องข้าง ๆ พบว่าเปิดได้ เพราะไม่ได้ล็อก ลูกชายจึงมุดปีนเข้าไป กะว่าจะขอออกจากห้องเพื่อนบ้านมาเคาะเรียกตน ทั้งนี้ ลูกชายตนที่อยู่ในสภาพสวมเสื้อยืด และกางเกงในตัวเดียว ก็รู้สึกอาย หากต้องออกไปนอกห้องในสภาพนั้น จึงเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นของเพื่อนข้างห้อง เพื่อจะหาอะไรมาปกปิด

โดยลูกชายตนหันไปเห็นผ้าห่มที่ น.ส.สุมิตรา ห่มอยู่บนโซฟา จึงพยายามดึงผ้าห่มมาคลุมตัว โดยไม่รู้ว่า น.ส.สุมิตรา นอนอยู่ใต้ผ้าห่ม เมื่อดึงไปดึงมา น.ส.สุมิตรา ก็ได้ดึงผ้าห่มจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ น.ส.สุมิตราเปิดไฟแล้ววิ่งไปคว้ามีด ลูกชายของตนจึงรีบวิ่งไปที่ประตูห้อง แล้ววิ่งหนีออกมาลงไปทางบันไดหนีไฟ หากางเกงจากถังขยะมาใส่ จนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอกภัยไปเจอตัวที่บริเวณชั้น 1

อย่างไรก็ตาม ตนยินดีรับผิดชอบความเสียหายทุกอย่าง หากภายในห้องของ น.ส.สุมิตรา มีอะไรเสียหาย ตนไม่คิดว่า น.ส.สุมิตรา จะแจ้งความ จากนี้ตนกับลูกชายจะไปขอโทษและคุยอีกครั้ง ตนเข้าใจอกผู้หญิงด้วยกัน แต่ตนก็อยากให้เข้าใจฝ่ายตนด้วย เพราะลูกชายไม่ได้เป็นเด็กไม่ดี เป็นเพียงเด็กที่ติดเพื่อนติดเกมเท่านั้น ไม่เคยก่อเหตุข่มขืนหรืออนาจาร ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี