เร่งช่วยเหลือ "น้องแสตมป์" เด็ก 6 ขวบ พ่อถูกต้นไม้ทับเสียชีวิตขณะเฝ้าศพแม่

ผวจ.ลงพื้นที่ตรวจสอบ กรณี "น้องแสตมป์" เด็กชาย 6 ขวบ ซึ่งพ่อถูกต้นไม้ซึ่งหักโค่นจากแรงพายุโนอึลทับเสียชีวิต ขณะเฝ้าศพแม่ที่วัด 

จากกรณีเกิดเหตุสลด สามีซึ่งกำลังนั่งเฝ้าศพภรรยาในศาลภายในวัดหาดส้มแป้น และเกิดฝนตกลมพัดแรงเนื่องจากพายุโนอึล จึงได้ชวนเพื่อนไปนั่งก่อไฟกินกาแฟด้านหลังจุดที่ตั้งศพ ก่อนจะโดนต้นไม้ขนาดใหญ่ที่หักโค่นจากแรงพายุล้มทับเสียชีวิตนั้น 

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ที่ศาลาวัดหาดส้มแป้น หมู่ 3 ต.หาดส้มแป้น อ.เมืองระนองซึ่งเป็นสถานจัดงานสวดอภิธรรมศพนางสาวลภัสดา ศรีวิชัย อายุ 29 ปี สอบถามนายบุญช่วย พงศ์จันทร์ อายุ 69 ปี พ่อของผู้เสียชีวิตเล่าให้ฟังว่า เมื่อช่วงประมาณเกือบเที่ยงคืนของวันที่ 20 ก.ย. ที่ผ่านมา ลูกชายคือนายอเนกพงศ์ พงศ์จันทร์ อายุ 29 ปี ได้นั่งเฝ้าศพภรรยาพร้อมกับเพื่อนและญาติอีกหลายคนซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ลมพัดแรง ลูกชายจึงได้ชวนเพื่อนอีก 2 คน ไปนั่งก่อไฟที่เพิงพักด้านหลังของศาลาเพื่อดื่มกาแฟแก้หนาว

ซึ่งในระหว่างนั้นที่ 3 คนนั่งอยู่ในเพิงพักโดยด้านหลังเป็นเนินขามีต้นไม้ขนาดใหญ่จำนวนมาก จู่ ๆ ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ดินอุ้มน้ำไว้ไม่ไหวได้หักโค่นลงมาทั้งราก เพื่อน 2 คนที่นั่งอยู่ด้านหน้าเพิงพักกระโดดออกมาได้ทัน ส่วนลูกชายตนเองอยู่ด้านในจึงกระโดดหนีออกมาไม่ทัน ถูกต้นไม้ล้มทับเสียชีวิตทันที ต่อมาทุกคนก็ช่วยกันตัดต้นไม้เพื่อนำร่างลูกชายออกมา ส่วนญาติก็ไปรับเด็กชายวัย 6 ขวบลูกของผู้เสียชีวิตมาไหว้ศพแล้วรีบพากลับบ้าน เพราะยังเด็กมากญาติยังไม่อยากให้เด็กรับรู้อะไรมา

ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นวานนี้(21 ก.ย.) นายจตุพจน์ ปิยัมปุตระ ผู้ว่าว่าราชการจังหวัดระนอง ได้เดินทางไปที่ศาลาวัดหาดส้มแป้น ซึ่งเป็นสถานที่ไว้ศพของ 2 สามีภรรยาซึ่งตั้งอยู่คู่กัน พร้อมได้สอบถามเรื่องรวมที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากครอบครัวผู้เสียชีวิต ก่อนเดินทางไปยังบ้านพักอาศัยเพื่อดูความเป็นอยู่ของครอบครัวผู้เสียชีวิต

ผวจ.ระนอง กล่าวว่า ขณะนี้ได้เร่งให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวรีบเร่งดำเนินการในการให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตโดยเฉพาะเรื่องเงินช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในส่วนของเรื่องเด็กเบื้องต้นมีการประสานไปยังโรงเรียนของเด็กทราบว่าสามารถให้เด็กเรียนจบถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ได้ฟรีโดยมีสวัสดิการต่าง ๆ ให้ แต่เพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำซ้อนจากหลายหน่วยงานที่จะเข้าช่วยเหลือทั้งในระยะสั้นและระยาวจึงต้องมีการเรียกประชุมหน่วยงานทั้งหมดอีกครั้งเพื่อการทำงานช่วยเหลือไม่ซ้ำซ้อนกัน ไม่ทำให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตต้องเสียโอกาสในการได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐ เพราะปู่ย่าที่ดูแลเด็กก็เป็นผู้สูงอายุมีรายได้เพียงเล็กน้อยจากการทำสวนและเบี้ยเงินคนชรา 

ด้านนางเกรียนพงศ์ จันทร์อายุ 69 ปี แม่ของผู้เสียชีวิตบอกว่ายังรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องสูญเสียทั้งลูกชายและลูกสะใภ้เป็นห่วงแต่น้องแสตมป์ หลานชายวัย 6 ขวบที่ยังไม่เข้าใจว่าพ่อแม่ตายเป็นอย่างไรยังคงวิ่งเล่นตามปกติ อยากให้หลานได้เรียนเท่าที่เรียนได้ หากหน่วยงานในจังหวัดสามารถช่วยให้หลานได้เรียนจะเป็นเรื่องดีมาก ส่วนความเป็นอยู่ก็คงต้องทำสวนเพิ่งเงินผู้สูงอายุทั้งของตนเองและสามีในการเลี้ยงดูหลาน วันนี้ท่านผู้ว่าราชการมาดูที่บ้านเห็นว่าบ้านอยู่กันอย่างลำบากท่าผู้ว่าจะส่งเจ้าหน้าที่มาช่วยซ่องแซมบ้านให้เพื่อให้ปู่ย่าและหลานได้อยู่ในบ้านได้อย่างสะดวก