โซเชียลรุมด่ายับ! เจ้าของร้านกาแฟเชียงใหม่ แชร์คุณสมบัติ "หนุ่มนักศึกษา" สมัครงาน เหมือนอยากประจาน (คลิป)

15 ก.พ. 61
จากกรณี เพจเฟซบุ๊คดัง โพสต์เรื่องราวของนักศึกษาหนุ่มคนหนึ่ง ที่ส่งจดหมายแนะนำตัวไปสมัครงานพาร์ทไทม์ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ แต่ปรากฏว่า ถูกเจ้าของร้านตอบปฏิเสธการรับเข้าทำงาน พร้อมวิจารณ์คุณสมบัติของนักศึกษาหนุ่มรายนี้ในเชิงลบอย่างรุนแรง อีกทั้งเผยแพร่ลงในโซเชียลมีเดีย คล้ายกับต้องการประจานนักศึกษาคนดังกล่าว หลังเรื่องราวถูกเผยแพร่ มีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นเชิงตำหนิเจ้าของร้านกาแฟ เป็นจำนวนมาก จึงเกิดการตอบโต้ด้วยถ้อยคำเผ็ดร้อน ก่อนที่เพจเฟซบุ๊คของร้านดังกล่าวจะปิดไป
ข้อความของเจ้าของร้านกาแฟ
วันนี้ (15 ก.พ.61) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่า นักศึกษาหนุ่มคนดังกล่าว ชื่อว่า “น้องแจ็ค” อายุ 21 ปี เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยชื่อดัง ในจังหวัดเชียงใหม่ และทำงานเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ ตำแหน่งบาริสต้า ในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
"น้องแจ็ค" นักศึกษาปี 4
น้องแจ็ค เปิดเผยว่า ตนเห็นประกาศรับสมัครงานของร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ย่านถนนนิมมานเหมินทร์ ในเพจรับสมัครงาน โดยให้ผู้ที่สนใจส่งจดหมายแนะนำตัวเองไปสมัครงาน จึงทดลองส่งไปช่วงเย็นวันที่ 13 ก.พ.61 เป็นงานพาร์ทไทม์ ตำแหน่งบาริสต้า เพราะต้องการทำงานเพิ่มอีกแห่งหนึ่ง นอกเหนือจากที่ทำงานอยู่  ปรากฏว่า ช่วงคืนวันเดียวกันนั้น ทางเจ้าของร้านกาแฟได้ตอบกลับอีเมลล์มา พร้อมคำวิจารณ์ คุณสมบัติของตัวเองอย่างรุนแรง ซึ่งยอมรับว่า รู้สึกย่ำแย่มาก แต่ก็ไม่ได้คิดตอบโต้ใดๆ
อีเมลล์ตอบกลับจากร้านกาแฟ
กระทั่งวันรุ่งขึ้น ได้พบว่าเจ้าของร้านการแฟ นำอีเมลล์ตอบกลับของตน ไปโพสต์ลงในโซเชียลมีเดีย พร้อมทั้งแสดงความคิดเห็นในเชิงดูถูกเหยียดหยาม เหมือนเป็นเรื่องตลก โดยตนรู้สึกว่าการกระทำดังกล่าวไม่ถูกต้อง จึงได้โพสต์ชี้แจงไปบ้าง จึงกลายเป็นเรื่องราว มีผู้ให้ความสนใจเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก
จดหมายแนะนำตัวเองในการสมัครงาน
ทั้งนี้ยอมรับว่าการทำจดหมายแนะนำตัวเองที่ส่งไปสมัครงานนั้น อาจยังมีข้อบกพร่องอยู่ไม่น้อย แต่อย่างไรก็ตามหากทางเจ้าของร้านเห็นว่า ตนไม่มีคุณสมบัติ ที่จะทำงานนี้ก็สามารถปฏิเสธได้อย่างสุภาพ หรือ ไม่ต้องติดต่อกลับมาเลยก็ได้ และไม่จำเป็นต้องใช้ถ้อยคำในเชิงดูถูกเหยียดหยามกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีการนำไปโพสต์เผยแพร่ในโซเชียลมีเดียอีกด้วย น้องแจ็ค ยังบอกด้วยว่า มีผู้แนะนำให้ไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน และดำเนินคดี รวมถึง พ่อของตนก็เป็นตำรวจและทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ก็ได้แนะนำให้แจ้งความ แต่ตนได้ตัดสินใจแล้วว่า จะไม่แจ้งความใดๆ กับทางเจ้าของร้านกาแฟ เพราะถือว่า เรื่องราวในครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่จะเตือนให้ตัวเองพัฒนาตนให้ดีขึ้น

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ