พิสูจน์แล้ว! ปืนลูกซองยิง "เสือดำ" เป็นของเจ้าสัว อาจเชื่อมโยงคดียิง "ช้างป่า" กุยบุรี

ความคืบหน้ากรณี นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อิตาเลียนไทย และพวก ร่วมกันล่าสัตว์ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร โดยเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ

วันนี้ (16 ก.พ.61) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่ป่า อ.ภูเรือ จังหวัดเลย โดยพบว่าพื้นที่ป่าผืนนี้ บริษัท ซี.พี.เค.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ครอบครองอยู่ โดยมีนายเปรมชัยเป็นกรรมการ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบ ว่ามีการเปลี่ยนเส้นทางน้ำและปิดกั้นทางสาธารณะหรือไม่ คาดสามารถสรุปได้ภายใน 7 วัน ทั้งนี้จากข้อมูล พบว่า บริษัท ซี.พี.เค. เคยได้รับสัมปทานเช่าพื้นที่นี้เมื่อปี 2552-2556 แต่หลังจากนั้น มีการยกเลิกสัมปทาน และยื่นเอกสารสิทธิ์ในการครอบครองแทน ซึ่งไม่สามารถทำได้ จากหลักฐานเบื้องต้น ไม่พบว่า นายเปรมชัย มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะการครอบครองกระทำในนามนิติบุคคล อย่างไรก็ตาม ได้แจ้งให้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบ เนื่องจากเป็นการบุกรุกป่าเพื่อการค้า

ด้าน พล.ต.ต. ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง บอกถึง ความคืบหน้าการตรวจสอบรถยนต์ของนายเปรมชัย อาวุธปืน และซากสัตว์ ว่าจากการตรวจสอบตัวรถ ไม่มีเขม่าดินปืน ส่วนอาวุธปืนลูกซอง ยิงเข้าหัวเสือดำ จุดสำคัญ สอดคล้องกับปืนของเปรมชัยที่พบในที่เกิดเหตุ

นอกจากนี้ จะนำปืนและกระสุนที่ตรวจค้นได้จากบ้านพัก นายเปรมชัย ไปเปรียบเทียบกับการยิงช้างในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อช่วงปี 2557 เนื่องจากทราบว่า ปืนที่พบในบ้าน เป็นปืนขนาดเดียวกันกับที่ใช้ยิงช้างตายในขณะนั้น หากผลการตรวจสอบตรง ก็สามารถตั้งข้อสงสัยเชื่อมโยงเหตุการณ์ได้ แต่เบื้องต้น ยังไม่มีหลักฐานว่านายเปรมชัย เดินทางไปจ.ประจวบฯ ในช่วงนั้น