"แจ๋ว วิภารัตน์" ภรรยาโรเบิร์ต สายควัน เผยกับอมรินทร์ทีวี "โรเบิร์ต สายควัน" มาหาในชุดโรงพยาบาล และอยู่ด้วยทั้งคืนพยายามพูดแต่เสียงเบามากจนไม่ได้ยิน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "บอล เชิญยิ้ม" อยากช่วยคนปลดหนี้ ให้เลขเด็ด "โรเบิร์ต สายควัน"
- “บอล” คนกลางเคลียร์มรดก หน้าโลงศพ “โรเบิร์ต สายควัน” ฝั่งญาติขอโทษปรับความเข้าใจแล้ว!
"แจ๋ว วิภารัตน์" ภรรยาโรเบิร์ต สายควัน เปิดใจหลังเคลียร์ปมดราม่ากับญาติฝั่งสามี พร้อมเผยความรู้สึกการใช้ชีวิตในวันที่ไร้คู่ชีวิตที่อยู่ด้วยกันมาตลอดว่า "หลังจากที่เมื่อคืนได้นั่งเคลียร์กันพี่ก็รู้สึกสบายใจขึ้นสบายใจมากเหมือนเราปลดระวางปลดล็อก พี่เบิร์ตเขาก็คงรู้สึกเหมือนพี่อ่ะค่ะ รู้สึกดีใจ ถามว่าติดใจอะไรไหม ไม่ติดใจอะไรค่ะ เราก็อยากปล่อยวาง เราก็อยากอยู่อย่างสงบ อยู่ของเราเงียบๆ แบบนี้ค่ะ เราใช้ชีวิตแบบบ้านๆ เงียบๆ ไม่อยากยุ่งเรื่องที่มันวุ่นวาย โดยที่เราเครียดด้วยหลายอย่างมันทับถมกันมาหลายวัน รู้สึกว่าร่างกายเราเริ่มแย่แล้ว ก็ทานข้าวได้นิดหน่อยรู้สึกว่ามันไม่ได้แล้วพะอืดพะอมไปต่อไม่ได้เลยทำให้ร่างกายเราแย่และมันเครียดค่ะ"
"ถึงพี่โรเบิร์ต เราเสียใจที่เขาปล่อยให้เราอยู่แบบนี้ทำไมเขาปล่อยให้เราอยู่แบบนี้ไม่บอกเราซักคำ ทิ้งเราไม่บอก ให้เราอยู่ตามลำพังเคยสัญญาอะไรกับเราไว้หลายๆ อย่าง เช่น ต่อไปเราไม่รับงานเยอะแล้วนะตัวเอง เราจะมีแค่นี้ก็พอ แค่นี้ไม่ต้องมีอะไรมากมายกว่านี้แล้ว คุยกันไว้แบบนี้ รับงานน้อยลงแล้วก็ไปทำบุญกันไปต่างจังหวัดพักผ่อนบ้าง แต่มันก็ไม่เป็นอย่างที่เราหวังไว้ ตั้งแต่เริ่มไม่สบายเราก็รู้แล้วว่ามันเริ่มแย่แล้วก็เลยบอกให้เขารับงานน้อยลง เราคนธรรมดาไม่เป็นหนี้เป็นสินแค่นี้ก็อยู่ได้แล้ว แต่มันก็ไม่ใช่อย่างที่เราคิดค่ะ เขาก็ปล่อยเราไปทิ้งเรา"
"แต่ก็ตัวเขาก็ไปสบายแล้วไม่เจ็บไม่ปวดก็ดีตรงนั้น แต่สำหรับความรู้สึกของเราที่ต้องอยู่ต่อไปคนเดียว คนเดียวมันก็ทรมานแต่ก็ยังไหวค่ะ ยังดีที่มีน้องๆ คอยให้กำลังใจ คอยบอกว่าพี่อย่าทิ้งพวกผมไปนะผมอยู่ตรงนี้กันนะ"
"สำหรับเรื่องหนี้ต่างๆ หมดไปตั้งนานแล้วค่ะ รถเราซื้อเป็นเงินสดนะคะ ส่วนบ้านก็เรียบร้อยแล้วก่อนหน้าที่เขาไม่สบายที่เขารักษาตัวช่วงที่เป็นมะเร็ง เราก็คุยกันว่าเมื่อก่อนก็ยังผ่อนอยู่ซึ่งมันผ่อนหนักมากเราตัดตรงนี้ไปก่อนไหม เผื่อว่าดีขึ้นเราก็ไม่รู้จะได้ทำงานอีกตอนไหนอาจจะต้องรักษาตัวยาวเราตัดตรงนี้ไปไว้รักษาตัวเอง เพราะเราไม่ได้ใช้เงินเกินตัวก็จะได้เหลือเงินส่วนหนึ่งไว้รักษาตัว เรามีรถสองคันมีของพี่คันหนึ่ง พี่โรเบิร์ตคันหนึ่ง แต่ว่าซื้อเงินสดทั้งคู่ พี่ก็คิดว่าน่าจะขายแล้วเอาตังค์แบ่งให้ลูก ส่วนบ้านหลังนั้นก็ให้ลูกไปแล้ว ส่วนเรื่องมรดกอะไรก็เดี๋ยวรอให้พี่บอลจัดการ เพราะว่าพี่โรเบิร์ตเขารักพี่บอลมากเหมือนน้องชาย ไว้ใจมาก มันมากกว่าคำว่าเจ้านายเพื่อนร่วมงาน คือเขารักกันมากๆ"
"พี่เขาก็มาหาที่ห้องค่ะ เรารู้ ก็จะพูดกันบอกพี่บอลว่าเมื่อคืนนะอยู่กับพี่โรเบิร์ตทั้งคืนนะเขามาในชุดโรงพยาบาลนะคะ เขามาเหมือนปกติใช้ชีวิตปกติแล้วเรารู้ว่าเป็นเขานะ ไม่รู้ว่าเราคิดไปเองหรือเปล่าแต่ความรู้สึกเราสัมผัสได้ว่าเขามาอยู่กับเรา หรือทำให้เรารู้สึกว่ามีเสียงมา คือปกติเขาจะขาดแว่นตากับโทรศัพท์ไม่ได้จะต้องอยู่ติดตัวตลอดทีนี้วันที่เขาป่วยหนักแว่นตากับโทรศัพท์เขาอ่ะจะอยู่กับพี่พอ คืนที่สามพี่ก็เลยเอาแว่นตากับโทรศัพท์มาวางไว้บนโต๊ะ เพราะรู้ว่าเขาต้องมาเอาแน่ น่าจะประมาณตีสองตีสาม เขาก็มารื้อสายชาร์จโทรศัพท์ คือรู้สึกได้ยินเสียง พี่ก็อืมสงสัยมาแล้ว มาแล้วใช่ไหม ไม่ได้คุยกันมันเหมือนเขาพูดอะไรอ่ะมันไม่ได้ยิน เขาพูดเบามาก เขานั่งชันเข่าอยู่ข้างๆ และพูดเบา เราจึงไม่ได้ยินฟังไม่ชัดว่าเขาพูดอะไร แต่เรารู้ว่าเขามาแล้ว สิ่งที่เห็นคือเห็นเป็นลางๆ เลยหน้าปกติและรู้สึกได้ว่าเขาเครียด ก็อาจจะเป็นที่ว่าเราคิดมากไปแต่ก็อธิบายไม่ถูกเนอะความรู้สึกเรามันบอกว่าเขามาแล้ว"
"ถามว่าคิดถึงไหม เราก็คิดถึงเขามากๆ แต่ก็ต้องค่อยๆ ทำใจเพราะเราเคยมีกันอยู่แค่สองคนเราอยู่กันสองคนแบบนี้ตายาย ไปไหนก็ไปด้วยกันตลอดไม่เคยมีคนอื่นมาอยู่ด้วย นั่งกินข้าวสองคน หลังเลิกงานมาชอบกินข้าวตอนตีสาม หลังเลิกงานพี่ก็ต้องทำกับข้าวให้เขาแล้วก็ลงมากินด้วยกัน ตั้งแต่อยู่กันมาพี่ไม่เคยมีแม่บ้านพี่เป็นคนดูแลเขาเป็นคนทำงานบ้านซักผ้า ดูแลบ้านทำอาหารเตรียมชุดทำงาน และชงนมไว้แก้วหนึ่งไว้ให้เขากินก่อนไปทำงาน เลิกงานเราก็ต้องมาเตรียมอาหารเพราะเขาเป็นคนไม่ชอบกินข้าวนอกบ้านต้องกลับมากินที่บ้านเรา ก็เลยรู้สึกว่าต่อไปนี้เราจะทำกับข้าวให้ใคร จะรีดผ้า ตากผ้าให้ใคร ก็ต้องทำใจค่ะ"