กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ ได้ประสานไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างสำเร็จ ควบคุมตัวนายอนุภาพ โจปัญญา อายุ 45 ปี ชาวเขาเผ่าลีซอ
โดยนายอนุภาพ เป็นเจ้าของธุรกิจร้านขายของประเภทกิฟต์ชอป ตั้งอยู่ด้านหลังตลาดธานินทร์ ต.ช้างเผือก ในตัวเมืองเชียงใหม่ ไปขุดหาซากศพของลูกสาววัย 7 วัน ที่ผู้ต้องหานำไปฝังไว้ในป่าท้ายหมู่บ้านใหม่สันโค้ง หมู่ 9 ต.ลวงเหนือ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ขุดศพเด็ก 7 วันโดนฆ่าฝังดิน พ่อรับอยากได้ลูกชายวางแผนกรอกยาล้างห้องน้ำอำพราง
เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 24 ก.ย.63 พ.ต.ท.จักรี วงศ์คำ รอง ผกก.สภ.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ พร้อมด้วยพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้คุมตัวนายอนุภาพ โจปัญญา อายุ 45 ปี ชาวเขาเผ่าลีซอ ผู้ต้องหาคดีใช้น้ำยาล้างห้องน้ำกรอกปากลูกสาววัย 7 วันเสียชีวิต ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
โดยเริ่มจากที่ร้านกิฟต์ชอปตึกแถวด้านหลังตลาดธานินทร์ ในตัวเมืองเชียงใหม่ ที่ห้องนอนชั้น 3 ขณะที่ผู้ต้องหาเข้าไปอุ้มลูกสาวอายุ 7 วันในมุ้ง ก่อนที่จะนำขึ้นรถกระบะส่วนตัวขับออกไปข้างนอก แล้วใช้น้ำยาล้างห้องน้ำกรอกปากลูกสาวตัวเองจนเสียชีวิต ที่ริมถนนย่านเจ็ดยอดในตัวเมืองเชียงใหม่ โดยผู้ต้องหาได้แสดงการทำแผนอย่างไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด
จากนั้นได้พาไปทำแผนยังจุดที่นำลูกสาวไปกรอกน้ำยาล้างห้องน้ำ บริเวณลานจอดรถร้านอาหารบริเวณปากซอยโพธาราม ต.ช้างเผือก โดยจุดนี้ผู้ต้องหาได้วางลูกไว้ที่เบาะหน้ารถ จากนั้นได้นำน้ำยาล้างห้องน้ำกรอกปากของลูก ขว้างขวดน้ำยาล้างห้องน้ำทิ้ง แล้วขับรถหนีไปที่พื้นที่ ต.ลวงเหนือ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่
พ.ต.ท.จักรี เปิดเผยว่า สำหรับสาเหตุนั้นมาจากการที่ผู้ต้องหาอยากมีลูกชาย แต่ลูกที่เกิดมากลับเป็นผู้หญิง จึงก่อเหตุฆ่าลูกของตัวเอง ขณะนี้ตำรวจได้รตั้ง 2 ข้อหาหนักคือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และซ่อนเร้นอำพรางศพ
ขณะที่บรรดาเพื่อนบ้านเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า นายอนุภาพ ผู้ต้องหารายนี้เป็นคนรักครอบครัวมาก นิสัยดี มีอัธยาสัยดีต่อเพื่อนบ้านทุก ๆ คน ไม่นึกว่าจะเป็นฆาตกรฆ่าลูกสาวตัวเองเพียงแค่อยากได้ลูกชายเท่านั้น
หลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จสิ้น พนักงานสอบสวนได้คุมตัวผู้ต้องหากลับมาสอบสวนที่ สภ.ช้างเผือก โดยผู้ต้องหาได้ขอพบกับภรรยาเจ้าหน้าที่จึงเชิญภรรยาเข้ามา เมื่อพบหน้าภรรยา ผู้ต้องหาได้พูดขอโทษ แต่ทางภรรยาก็ได้ลุกขึ้นแล้วก็เดินออกไปทันที จากนั้นพนักงานสอบสวนให้ผู้ต้องหาชี้ของกลางที่ใช้ก่อเหตุ และสอบสวนร่วมกับทนายความอาสา ก่อนที่จะนำตัวไปขออนุญาตฝากขังต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงก่อนเที่ยงวันที่ 25 ก.ย.63
นายเอก (นามสมมติ) หลานชายนายอนุภาพ เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า น้าของตนนั้นมีความต้องการอยากได้ลูกชายมาสืบสกุล ซึ่งท้องที่ 1 และ 2 ก็เป็นผู้หญิง และท้องที่ 3 มีความตั้งใจอย่างมากว่าจะเป็นผู้ชาย เพราะถึงขั้นไปปรึกษาแพทย์ได้มีการแนะนำการกิน การออกกำลังกาย แต่รู้สึกว่าการตั้งท้องครั้งนี้เหมือนกับตัวน้าชาย ยังไม่พร้อม แต่ภรรยาน่าจะเผลอหรือว่าไม่ให้ความร่วมมือ ซึ่งผู้ต้องหานั้นก็เคยเครียดถึงขั้นเข้าพบจิตแพทย์ รพ.สวนปรุง จ.เชียงใหม่
ขณะที่ภรรยาของผู้ต้องหา ซึ่งเป็นแม่ของลูก ได้เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวน สภ.ช้างเผือก โดยก่อนที่จะขึ้นไปให้ปากคำ ได้แวะดูสภาพของสามีที่ที่นอนอยู่ในห้องขัง พร้อมกับเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า อยากจะให้สามีได้รับกรรมตามที่กระทำลงไป
โดยก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงเช้าสามีได้มาขออุ้มลูกสาววัย 7 วัน ขณะที่กินนมอยู่กับตนเลยบอกว่าจะพาไปหาญาติผู้ใหญ่ เมื่อสามีกลับมาบอกว่าได้ฆ่าลูกไปแล้ว ตนช็อกและรู้สึกเสียใจมาก จึงแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ