โดนกันอีกแล้ว! เหยื่อแชร์ออนไลน์ รอบนี้เป็นชาวโคราชกว่า 100 ราย โดนหลอกให้ลงเงินออมอ้างผลตอบแทนสูงถึง 60% พฤติกรรมตามสูตร ช่วงแรกจ่ายจริง หลัง ๆ จ่ายลม สุดท้ายสูญเงินกว่า 30 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครราชสีมา นางกัลยากร จันทร์สุข อายุ 54 ปี นางสมพร เลียบกระโทก อายุ 50 ปี และนางกานต์สินี พันธ์เสาร์ อายุ 55 ปี พร้อมกลุ่มผู้เสียงหายจำนวน 30 คน ได้นำหลักฐานพร้อมด้วยเอกสารใบแจ้งความ เข้าร้องเรียนต่อนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พ.ต.อ.ประสิทธิ์ เปรมกมล ผกก.สภ.ครบุรี และนายวิจิตร กิจวิรัตน์ นายอำเภอครบุรี กรณีนำเงินและทองคำไปลงทุนกับ น.ส.สุนันท์ หรือแม่แพรว สังข์ทองกลาง อายุ 40 ปี ชาว ต.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ที่อ้างว่าจะให้ผลตอบแทนสูงถึง 60% ของเงินลงทุน โดยเปิดเป็นการออมแบบเปิดขายหุ้นออมทองและออมเงินตามลูกค้าจะเลือก และจะสรุปยอดให้ลูกค้าทุกเดือน แต่กลับไม่ได้เงินตอบแทนกลับมา เมื่อทวงถามก็บ่ายเบี่ยงอ้างติดช่วงการระบาดของโควิด-19 จึงแน่ใจว่าถูกหลอก และรวมตัวกันเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ครบุรี เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 63 ที่ผ่านมา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องกับแชร์ออนไลน์
- สาวผูกคอตาย เครียดหนี้แชร์ออนไลน์ 2 แสนถูกยิงขู่ - เท้าโต้โหด ขออโหสิ ยกหนี้ให้
- ผู้ช่วยพยาบาลสาวตั้งตัวเป็น 'ท้าวแชร์' หอบเงิน 30 ล้านหนี
โดยรูปแบบการหลอกลวงจะโฆษณาผ่านทางเฟซบุ๊ก หรือให้กลุ่มลูกค้าบอกต่อกันว่า ได้เงินตอบแทนจริงสูงถึงร้อยละ 60 จนมีคนหลงเชื่อเสียเงินรายละตั้งแต่ 10,000-600,000 บาท หรือบางรายเสียเป็นล้านบาท ช่วงเดือนแรก ๆ ก็ได้ผลตอบแทนจริงอย่างเช่นลงทุนไป 10,000 บาท ก็จะได้เงินต้นพร้อมดอกเบี้ย 16,000 บาท จึงทำให้กล้าที่จะเสี่ยงลงทุนเพิ่ม ซึ่งเงินส่วนใหญ่ก็เป็นเงินเก็บและเงินที่ได้จากการขายพืชผลทางการเกษตร หรือบางรายก็ไปกู้มาเพื่อหวังมาเอาดอกเบี้ย แต่หลังจากมีกลุ่มลูกค้าเข้ามาออมเงินกันเป็นจำนวนมาก เมื่อทวงถามก็บ่ายเบี่ยงที่จะไม่จ่ายค่าตอบแทน อ้างว่าเป็นช่วงการระบาดของโควิด-19 ซึ่งมีคนที่ถูกหลอกกว่า 200 ราย มูลค่าความเสียหาย 20-30 ล้านบาท
พ.ต.อ.ประสิทธิ์ เปรมกมล ผกก.สภ.ครบุรี เปิดเผยว่า น.ส.สุนันท์ กับพวกรวม 6 คน ได้มีการโฆษณาชวนเชื่อผ่านทางเฟซบุ๊กชื่อ "ช่างรุ่งเรืองคนรักรถ" ให้ประชาชนทั่วไปนำเงินสดหรือทองคำมาออมโดยให้ดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 60 ต่อเดือน ทำให้มีผู้เสียหายเป็นจำนวนมากสูญเงินนับสิบล้านบาท ขณะนี้ได้แจ้งความดำเนินคดีไปแล้วจำนวน 3 ราย ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 ล่าสุดได้มีการสอบปากคำพยานไปแล้ว 130 ปาก ยังเหลืออีก 10 ปาก ซึ่งในตัวผู้ต้องหาทางตำรวจได้ติดตามรู้ตัวทั้งหมดแล้ว คาดในเร็ววันจะดำเนินคดีได้ทั้งหมด
ในส่วนการติดตามทรัพย์สินได้อายัดเงินในธนาคารผู้ต้องหาไว้หมด รวมไปถึงทรัพย์สินอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นทองคำ ตั๋วจำนำ ที่ดิน รถจักรยานยนต์ รถยนต์ อย่างไรก็ตาม ฝากเตือนประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งนี้ ให้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติม เพื่อจะได้ดำเนินคดียกขบวนการต่อไป
ขณะที่นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ระบุว่าจะส่งเรื่องและข้อมูลทั้งหมดไปให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบเพื่ออายัดทรัพย์สินคืนให้กับพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนและได้รับผลกระทบในเรื่องนี้ รวมถึงอาจจะต้องให้ประชาชนยื่นเรื่องให้กองปราบเพื่อนำเข้าสู่คดีพิเศษต่อไป