เปิดใจ! "มด ณปภัช" เคลียร์ดราม่า งานหดจนต้องผันตัวไปทำงานประจำ (คลิป)

20 ก.พ. 61
เดินทางเส้นใหม่มาได้สักระยะหนึ่งแล้ว สำหรับนักแสดงสาว "มด ณปภัช" ที่ผันตัวเองจากนักร้องนักแสดงชื่อดังไปทำงานประจำเป็นแอร์โฮสเตส สายการบินดัง ซึ่งหลายคน ยังอดสงสัยไม่ได้ว่า เพราะเหตุใด เธอถึงทิ้งชื่อเสียงที่สร้างมานานกว่า 10 ปี ไปง่ายๆ นอกจากนี้ ยังมีอีกเรื่องที่คนสนใจไม่แพ้เรื่องงาน คือหัวใจของสาวมด ที่ตอนนี้เป็นสีชมพู เพราะมีหนุ่มข้างกายคนใหม่ ดีกรีเป็นถึงสจ๊วต แถมหล่อล่ำมาก หลายคนสงสัยว่ากับหนุ่มคนเก่าเลิกไปตอนไหน แบบนี้คบซ้อนหรือเปล่า
ผู้สื่อข่าวพูดคุยกับ "มด ณปภัช"
วันนี้ (19 กุมภาพันธ์ 2561) ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี บุกไปถึงบ้านสาวมด เพื่อให้เธอได้เคลียร์ทุกข้อสงสัยที่หลายคนอยากรู้เริ่มจากเรื่องงานกันก่อนค่ะ "คือก่อนหน้านี้คุณแม่เคยบอกเราแล้วว่า ให้ลองไปหาอะไรทำ เราก็ยังบอกว่าขอคิดก่อน ซึ่งแม่ก็แนะนำมาว่า ลองไปสมัครแอร์ดูสิเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเราก็มีความชอบตั้งแต่เด็ก แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไร จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้อยู่ดีๆ ก็คิดขึ้นมาแล้วก็ตัดสินใจไปสมัคร สาเหตุมันก็ไม่ได้มีอะไรมาก เราเหมือนอยากลองอะไรใหม่ๆ แล้วอยากมีความมั่นคงในชีวิตมากขึ้น" เหมือนทำตามคำสั่งของแม่หรือเปล่า "ไม่มีใครบังคับมดได้ เรามีความรู้สึกว่าถ้าอยากจะเริ่มทำอะไรไม่สมควรเริ่มทำจากคนอื่น เราควรอยากจะเริ่มทำด้วยตัวเอง คือถามว่าฟังแม่ไหม ก็ฟัง แต่ว่าถ้าใจเราไม่อยากเริ่มทำ พอไปทำมันก็จะรู้สึกว่าไม่ใช่ เราอยากให้ทุกคนเข้าใจว่า ไม่ใช่เพราะแม่บังคับมันเป็นเพราะตัวเราตัดสินใจเอง" ยากไหมกว่าจะได้มาเป็นแอร์โฮสเตส "ง่ายก็ว่าง่าย ยากก็ว่ายาก ส่วนที่ยาก ก็คือตอนช่วงเทรนเพราะว่ามันเป็นอะไรที่ใหม่กับเรา" หลายคนคิดว่าเป็นดาราก็ได้เงินดีอยู่แล้วทำไมถึงผันตัวมาทำงานประจำ "การเป็นดาราเหมือนว่าจะง่ายกว่าทำงานเสร็จก็ได้เงินก้อนนั้นเลย แต่ว่าถ้าเป็นมนุษย์เงินเดือน ก็ต้องรอสิ้นเดือน ถึงจะได้เงินเดือน แต่ลองสมมติเคสที่แย่ที่สุด ถ้าสมมติเดือนนั้น ดารามีงานเดียว เงินเดือนเท่ามนุษย์เงินเดือนเลยนะ แล้วถ้าเดือนนั้นไม่มีงานเลยแย่กว่ามนุษย์เงินเดือนอีกนะ คือการเป็นดาราช่วงขึ้นมันก็ขึ้นมันก็ได้เยอะ แต่ถ้าเกิดช่วงลงมันก็คือลง อันนี้พูดเป็นภาพกว้างให้คนเข้าใจง่าย คือไม่ผิดที่คนจะเข้าใจยังงั้น แต่อย่าลืมว่ากว่าดาราจะได้งานๆ หนึ่ง มันจะมีระหว่างทางอยู่ที่ดูยาก "
"มด ณปภัช"
ตอนนี้อยู่ตัวหรือยังกับการเป็นแอร์โฮสเตส "ใช้คำว่าเราเพิ่งเริ่มต้นดีกว่า คนอาจจะคิดว่าการที่เรามาสมัครแอร์โฮสเตสเรามีเครดิตการเป็นดาราอยู่แล้ว แต่สำหรับเรา เราไม่ได้คิดยังงั้น เราไปสมัครเราไม่ได้บอกใคร บอกแค่ทางบริษัทกับที่บ้าน ยืนยันว่า สมัครอย่างถูกต้องไม่มีเส้นสาย ผ่านขั้นตอนเหมือนกับคนอื่นๆ ไม่ได้มีอภิสิทธิ์ใดๆทั้งสิ้น " การมาทำแอร์โฮสเตสก็ทำให้หลายคนคิดว่าทางช่องไม่ป้อนงานให้หรือเปล่า "ทางช่องป้อนงานค่ะ แต่อย่างที่มดบอกว่า เราโตแล้ว เราเป็นลูกคนเดียว เพราะฉะนั้นความรับผิดชอบมันอยู่ที่เรา เรามีหน้าที่ที่ต้องดูแลพ่อแม่ดูแลครอบครัว ด้วยความที่ทำงานตั้งแต่เด็ก มันเลยทำให้เรามีความคิดว่าถ้าในอนาคตเรายังหาความมั่นคงให้กับตัวเองไม่ได้ แล้วเราจะดูแลใครได้ จุดนั้นมันก็เลยทำให้เราคิดว่าอยากจะทำอะไรที่มั่นคง " แบบนี้จากกันด้วยดีไหม "ยังไม่ได้จาก ยังมีสัญญาอยู่ อีก 2 ปี เราเข้าไปคุยกับบริษัทได้คุยกับพี่โด่งเราบอกกับพี่โด่งว่าตอนนี้จะยังไม่รับงานละครเราอยากจะเอาทางด้านนี้ให้คงที่มั่นคงก่อนแล้วในอนาคตค่อยว่ากัน แต่อันนั้นคือการคุยก่อนที่เราจะติด แต่พอเราได้ไปทำงานแล้วมาดูตารางการบินรู้สึกว่ามันบินเยอะ ก็เลยได้คุยกับคุณแม่ก็เลยมีการตัดสินใจว่าต่อไปนี้จะรับเป็นจ๊อบๆไป เป็นงานที่จบในหนึ่งวัน เป็นงานระยะสั้นไม่ใช่ระยะยาว เพราะถ้าระยะยาวก็จะมีผลกระทบต่องานของเราเพราะเราเป็นแอร์โฮสเตส ทางบริษัทก็มีกฎของเขาเหมือนกัน ที่เราต้องปฏิบัติตามกฎตรงนั้น " ทางบริษัทรู้หรือยังว่าล่าสุดเราตัดสินใจแบบนี้ " เรายังไม่ได้มีเวลาว่างเข้าไปคุย " ถ้าหมดสัญญาแล้วก็คือไม่ต่อ ? " เป็นเรื่องของอนาคตค่ะ ตอนนี้มดก็ยังตอบไม่ได้เหมือนกัน เรายังไม่อยากตอบอะไรตอนนี้ขอให้ถึงเวลาตอนนั้นก่อนมีบทสรุปก่อนแล้วเราค่อยตอบดีกว่า เราโฟกัสกับปัจจุบัน แต่ผู้หญิงที่ช่องก็เข้าใจเราหมดทุกคน " อนาคตวาดไว้ยังไงบ้าง " เราก็เป็นแอร์โฮสเตสด้วย งานในวงการบันเทิงเราก็ไม่ทิ้ง เราก็ยังรับงาน แต่ก็ต้องดูเป็นจ๊อบๆไป "
"มด ณปภัช" กับเพื่อนใหม่
ถามถึงความรักกับหนุ่มคนใหม่บ้าง " ก็ดีค่ะ " เขาเป็นสจ๊วตด้วย เลยเป็นส่วนหนึ่งที่เรามาทำงานนี้หรือเปล่า " ไม่เกี่ยวๆ อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ใช้คำว่าเป็นเพื่อนกันก่อนเราเป็นเพื่อนกันก่อน ก่อนที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ขึ้นมาซึ่งระหว่างตอนที่เราเป็นเพื่อนกันต่างคนก็ต่างมีแฟนนะ แต่เหมือนกับว่าเราก็มีปัญหาของเรา ซึ่งมีมาเป็นระยะนานแล้ว เขาก็มีปัญหากับคนของเขา เลยกลายเป็นว่าอยู่ดีๆทั้งคู่ก็โสด มันไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็ไม่โสด แล้วก็มาคุยกันมันไม่ใช่ " เราคุยกันมานานเท่าไหร่แล้ว "มันนับไม่ได้เพราะว่าเราเป็นเพื่อนกันมาก่อน มันนับยากมากเลย เพราะว่ามันเหมือนเป็นจังหวะชีวิต จะมาก็มา " ได้เจอครอบครัวของทั้งคู่หรือยัง " เขาเจอคุณพ่อคุณแม่เราแล้ว แต่ทางครอบครัวเขาเรายังไม่ได้มีโอกาสไปเจอเพราะว่าด้วยเวลาของทั้งคู่ยังไม่ว่าง " คุณแม่เราไฟเขียวไหม " โอเคค่ะ " ถ้าผ่านด่านแม่ก็เหมือนผ่านทุกด่านแล้วเนอะ " ยังๆ เดี๋ยวก่อน ใจเย็นๆ เราเป็นคนที่มีความรักแล้วก็ค่อนข้างอิน พูดตรงๆว่าเราเป็นคนอินกับความรักมากเราเป็นคนเต็มที่กับเรื่องนี้แต่ว่าก็ต้องดูกันไปเรื่อยๆ เราชอบคนที่เสมอต้นเสมอปลายคุณแม่ก็เป็นอย่างนั้นด้วยเหมือนกัน เพราะฉะนั้นก็ต้องเสมอต้นเสมอปลายกันต่อไป "

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ