จากกรณี “ป้าติ้น” เรวดี หาแก้ว ถูกหวย 30 ล้าน และถูกเพื่อนรัก “ป้าดา” สุดารัตน์ น้อยนิด นำลอตเตอรี่ไป ขณะนี้เรื่องอยู่ระหว่างการฟ้องร้องในชั้นศาล โดย ป้าติ้น ได้ซื้อหวยที่คำชะโนด และถูกรางวัลที่ 1 จำนวน 30 ล้านบาท งวดปี 2560 และได้ฝากลอตเตอรี่ไว้กับ นางจรูญ หรือ “ป้าติ๋ว” จนต้องแจ้งความดำเนินคดีกันอีกครั้ง ก่อนที่ ป้าติ๋ว จะแจ้งความกลับ เอาผิด “ป้าติ้น” ฐานกุเรื่อง และแจ้งความเท็จทำให้ได้รับโทษทางอาญา
วันนี้ ( 20 ก.พ. 61) “รายการต่างคนต่างคิด” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ อมรินทร์ทีวี ช่อง 34 ทุกวันจันทร์ -ศุกร์ เวลา 18.50 น. ได้เชิญ
นางเรวดี หาแก้ว “ป้าติ้น” ผู้อ้างว่าถูกรางวัลที่หนึ่ง 30 ล้าน ,
ผศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงศ์ พูตระกูล ประธานกรรมการสถาบันอาชญวิทยาและบริหารงานยุติธรรม ม.รังสิต และ
นางจรูญ “ป้าติ๋ว” ผู้ถูกกล่าวหาขโมยรางวัลที่หนึ่ง 30 ล้าน มาพูดคุยในรายการ ภายใต้หัวข้อ “ติ้น” สู้ศึกถูกจับกุเรื่อง หวย 30 ล้าน
นางเรวดี หาแก้ว หรือ “ป้าติ้น” ผู้อ้างว่าถูกรางวัลที่หนึ่ง 30 ล้าน กล่าวว่า ตนหุ้นเงินกันซื้อหวยกับป้าติ๋ว มีการเซ็นชื่อสลักหลัง ก่อนถูกรางวัลงวด 1 เม.ย.60 ได้ฝันว่า “จับปลา” จึงตีเป็นเลข 785 จับ 7 ปลา 8 มือ 5 แล้วไปหาซื้อเลข 785 โดยไปคำชะโนดกับ “ป้าติ๋ว” เพราะไม่อยากไปกับ “ป้าเล็ก” และ ป้าติ๋ว มาอ้อนวอนให้ไปซื้อหวยด้วยกัน เพราะซื้อหวยด้วยกันที่กทม.วันที่ 28 มี.ค. 7 ชุดแล้ว กระทั่งได้เลข 392785
ส่วนกรณีที่ ป้าติ๋ว บอกว่า เหลือเงิน 400 บาท ไม่พอซื้อเลขชุด 5 ใบ นั้น ป้าติ้น กล่าวว่า ในตอนแรกสามีของป้าติ๋ว ให้เงินมา 1,500 บาท ลูกให้อีก 1,000 บาท ป้าติ้นนำไปจ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน 1,200 บาท ต้องเหลือเงิน 1,300 บาท ระหว่างทางซื้อมะขามเทศ 1 กก. ราคาประมาณ 50-80 บาท ยังเหลือเงินซื้อหวยชุด 5 ใบได้ และตอนซื้อ ป้าติ๋ว ควักแบงค์ 500 ออกมา โดยตนเองควักใส่ไป 400 ซึ่งราคาลอตเตอรี่ชุดนั้น 1,200 บาท ป้าติ๋ว บอกเงินไม่พอจึงไปตาม ป้าเล็ก มาหุ้นอีก แต่เผอิญหาตัวไม่เจอเลยบอกว่าไม่เอา และพากันไปซื้อกับคนขายอีกเจ้าหนึ่ง มีเลขชุด 785 ทั้งหมด จึงหุ้นกันซื้อมา 5 ใบ ในราคา 500 บาท และยังบอกให้ ป้าติ๋ว ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายไว้ตอนซื้อสลาก
ทั้งนี้ หลังซื้อลอตเตอรี่แล้วยังไม่ได้แบ่งกันไป เพราะคิดว่า น่าจะไม่ถูกรางวัล และตนเป็นคนง่ายๆ เมื่อซื้อเสร็จก็เดินไปต่อแถวเพื่อรอไหว้ ซึ่ง ป้าติ๋ว ก็บอกให้ตนแบ่งหวยไปเลย จึงบอกว่า ให้รวมกันกับหวยที่ซื้ออีก 7 ชุดก่อนค่อยแบ่งกัน โดยจำเลขหวย 392785 ที่ซื้อได้
ส่วนประเด็นที่ขอเบอร์คนขายหวยนั้น ป้าติ้น บอกว่า ไม่รู้นึกอย่างไร คุยกันแล้วถามว่า เป็นคนจังหวัดไหน คนขายบอกว่าเป็นคนชัยภูมิ เลยถามมีเบอร์โทรไหมขอหน่อย เพราะเห็นเป็นคนอีสานเหมือนกัน และหลังหวยออก รู้ว่าถูกรางวัลได้โทรไปตามเบอร์ที่ให้ไว้ ไม่มีผู้รับสาย มีการปิดเบอร์หนีไป จึงคิดว่า ที่โทรไม่ติดเพราะมีใครสักคนโทรไปบอกให้ปิด ไม่รับสาย เพื่อไม่ให้มีพยาน เพราะฝ่าย ป้าติ๋ว เองก็มีเบอร์ดังกล่าวด้วย
แม้ว่า ป้าติ๋ว จะแสดงความบริสุทธิ์ใจ ด้วยการให้กู้เบอร์โทรศัพท์ที่มี แต่ ป้าติ้น ก็ได้พาทหาร ซึ่งระบุว่า เป็นเพื่อนกัน พาไปเอาเงินค่าหวย 1,500 บาท ที่ค้างอยู่คืน จากนั้น ยังไลน์ไปหา ป้าติ๋ว ว่า “จะโกงอีกหรือ” และได้คุยเรื่องหวยที่ซื้อด้วยกันว่า ให้เอามาให้ แต่ ป้าติ๋ว บอกว่าไม่มี จึงให้เอาโทรศัพท์มาเพื่อนำไปกู้ข้อมูลที่ถ่ายรูปไว้ ซึ่งทีแรก ป้าติ๋ว ไม่ยอมให้ แต่ลูกสาวเป็นคนจัดการนำมาให้และพาลงบันทึกประจำวันที่ สน.บางชัน จากนั้น ได้เห็นข้อมูลจาก ป้าติ๋ว พบว่า เป็นข้อมูลไลน์ ไม่ใช่ภาพถ่ายหวย
ทั้งนี้ ความเป็นไปได้ในการถูกรางวัลที่ 1 ถึง 2 ครั้งนั้น
ผศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงศ์ พูตระกูล ประธานกรรมการสถาบันอาชญวิทยาและบริหารงานยุติธรรม ม.รังสิต กล่าวว่า โดยธรรมชาติโอกาสถูกรางวัลที่ 1 ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แค่เลขท้าย 3 ตัวยังยาก บางคนทั้งชีวิตไม่เคยถูกรางวัล คดีนี้ ป้าติ้น ซื้อมาและไม่ได้เก็บไว้กับตัวถึง 2 ครั้ง มีข้อสังเกตอยู่ 2-3 ประการคือ
ประการแรก เรื่องขอเบอร์คนขายลอตเตอรี่ ถึงเบอร์จะปิดแต่ซิมการ์ดสามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นของใคร
ประการสอง พยานหลักฐาน ทางเทคโนโลยีสามารถกู้ภาพคืนจากเครื่องได้
เท่าที่เห็นคดีนี้ ต้องมีคนพูดจริง กับคนพูดไม่จริง ซึ่ง ป้าติ๋ว ได้แจ้งความกองปราบฯ ว่า ป้าติ้น แจ้งความเท็จ และข้อมูลจาก ป้าติ้น ที่กล่าวมาทั้งหมด จะเป็นหลักฐานให้กับตำรวจ เช่น มีการถ่ายภาพลอตเตอรี่ไว้ มีการบันทึกเบอร์โทรของคนขายลอตเตอรี่ ในวันและเวลาดังกล่าว หากกู้ภาพแล้วไม่มี เบื้องต้น อาจเกิดจากความคลาดเคลื่อนในข้อมูลของ ป้าติ้น เอง หรือพูดไม่ตรงทั้งหมด
เกี่ยวกับคดีที่เกิดการแจ้งความกลับกันไปมา
ผศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงศ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็น
“ระบบกล่าวหา” คือ ป้าติ้น เชื่อว่าถูกรางวัลที่ 1 และมีคนเอาลอตเตอรี่ไป เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะรวบรวมหลักฐาน ส่วนกรณี ป้าติ๋ว แจ้งความกลับ พนักงานสอบสวนก็ต้องรวบรวมพยานหลักฐานอีกว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร สามารถเช็กต้นขั้วสลากได้ว่า มีการจ่ายมายังสถานที่นั้นหรือไม่ อีกประการ สามารถเช็กชื่อคนที่ไปขึ้นเงินรางวัลงวดนั้นได้ว่ามีใครบ้าง
ทั้งนี้ การขึ้นเงินรางวัลยังมีประเด็น “นอมินี” โดย ป้าติ้น กล่าวหาว่า ป้าด้า ให้คนนำลอตเตอรี่ไปขึ้นให้ ซึ่งภายหลังพิสูจน์แล้วว่า คนขึ้นเงินรางวัลไม่มีส่วนเชื่อมโยงกับ ป้าดา เลย และยังกล่าวหา ป้าติ๋ว ว่า มีนอมินีอีก เรื่องนี้ ป้าติ้น กล่าวว่า ตนจำเลขชุดที่ซื้อมา 5 ใบ ได้หมด เพราะซื้อเอง โดย ป้าติ๋ว เป็นคนถ่ายรูป
ป้าติ้น บอกว่า ได้โทรไปหาคนที่นำสลากถูกรางวัลไปขึ้นเงินที่ จ.เชียงใหม่ บอกว่าถูกเพื่อนเอาสลากไปขึ้นเงิน และขอร้องให้ช่วย ทีแรกลุงคนนี้รับปากว่าจะช่วย แต่ภายหลังขอปรึกษาทนายก่อน จึงคิดว่าเป็นการรับจ้างขึ้นเงิน โดยทราบชื่อคนถูกรางวัลจากสำนวนของตำรวจว่ามีคน 3 คน นำสลากของตนชุด 1-14 ครึ่งใบ 15-16 เต็มใบ 17-18 เต็มใบ รวม 2 ใบครึ่ง ไปขึ้นรางวัล คนแรกอยู่เชียงใหม่ อีก 2 คน อยู่ ชลบุรี กับกรุงเทพฯ
ผศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงศ์ กล่าวว่า ทุกอย่างที่ ป้าติ้น พูดมาสามารถตรวจหาความเชื่อมโยงการขึ้นเงินได้ทุกคน เพราะธรรมชาติคนถูกรางวัลที่ 1 ต้องอยากไปขึ้นเงินด้วยตัวเอง อาจเป็นไปได้ว่า เป็นนอมินี ต้องมาดูว่าคนที่กล่าวอ้างเป็นใคร นาย ก. นาย ข. นาย ค.เกี่ยวข้องกับรางวัลอย่างไร พนักงานสอบสวน มีหลักฐานเชื่อมโยงกันหรือไม่ ยกตัวอย่าง คนที่มาขึ้นเงินแทนอย่างน้อยต้องติดต่อกันทางโทรศัพท์ ได้เงินมาแล้วเข้าบัญชีใคร โอนเงินอย่างไร
สำหรับกรณีที่
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ทนายความ เคยเป็นทนายให้กับ ป้าติ้น แต่ภายหลังขอถอนตัวไปเป็นทนายให้กับ ป้าติ๋ว และจะเอาผิด ป้าติ้น ด้วยนั้น ป้าติ้น อธิบายว่า นายอัจริยะ เป็นคนทำเองว่า หลังสลากมีรอยขูดฆ่า แต่กองสลากออกมาให้ข่าวว่าไม่มี ซึ่งข้อเท็จจริง ตนได้เซ็นต์ชื่อไว้ในหลังสลากชุด 17-18-19-20 หากมองด้วยตาเปล่าจะเห็นตัวหนังสือ กับรอยขีดสลาก และเลขเก้ายังอยู่ ลักษณะงอหัวเข้ากับหางตรง ซึ่ง ผศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงศ์ กล่าวว่า กรณีกองพิสูจน์ชี้แจงออกมาแล้วว่า ไม่มีการแก้ไขสลาก หากไปถึงศาลจะมีน้ำหนักและรับฟังในส่วนนี้ เพราะถือเป็นผู้เชี่ยวชาญคดี มีประสบการณ์ และไม่มีส่วนได้เสียกับผู้เสียหาย
ด้าน นางจรูญ หรือ“ป้าติ๋ว” ผู้ถูกกล่าวหาขโมยรางวัลที่หนึ่ง 30 ล้าน กล่าวว่า ตนมีเงินติดตัว 2,500 บาท ในวันนั้น จ่ายค่าแท็กซี่ไป 120 ค่าตั๋วเครื่องบิน 1,200 ตอนรถทัวร์จอดเติมน้ำมัน ป้าติ้น ได้มาขอยืมเงินไปซื้อหมูหวาน 100 ซึ่งขณะนั้น ตนมีแบงก์พัน จึงให้นำไปแลกมา แล้วยังขอยืมอีก 500 ก่อนเหลือเงิน 680 บาท นำไปซื้อข้าว 20 มะขามเทศ 100 หมูปิ้ง 20 สุดท้ายเหลือเงินแค่ 540 เมื่อไปถึงวัดคำชะโนด ได้ทำบุญ และซื้อหวยเลข 802 สองใบ 550 หนึ่งใบ 76 71 หนึ่งใบ แล้วป้าติ้น มาขอยืมอีก 100 ก่อนจะบอกให้แบ่งหวยชุด 23 ใบ คนละครึ่ง ตนจึงบอกไปว่าไม่มีเงิน แต่ ป้าติ้น บอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวหวยออกค่อยมาจ่าย ซึ่งภายหลังตนจะเอาเงินเข้าไปจ่ายคืนให้ แต่ ป้าติ้น มีแผนบอกว่า แม่หกล้ม ต้องไปเยี่ยมในวันที่ 31 มี.ค.
ในวันที่ 29 มี.ค.60 ได้ไปคำชะโนด และซื้อหวยกับ ป้าติ้น รวม 4 ใบ ไม่มีการถ่ายรูปลอตเตอรี่ไว้ ซึ่งตนได้ให้ ป้าติ้น ดูข้อมูลในโทรศัพท์แล้วต่อหน้าทนาย และเจ้าหน้าที่จากศูนย์ทรูฯ ก็ยังไม่เชื่อ ส่วนที่ ป้าติ้น เคยมีเรื่องกับ ป้าดา แล้วหาหลักฐานมาเล่นงาน ป้าติ๋ว กล่าวว่า เพิ่งรู้จักกับ ป้าติ้น หลังมีคดีกับ ป้าดา โดย ป้าติ้น อยากรู้เรื่องราวของ ป้าดา จึงมาตีสนิทสอบถามข้อมูล ขณะที่ตนรู้จักกับป้าดามานาน 10 ปี
ทั้่งนี้ ป้าติ๋ว คาดว่า สาเหตุที่ ป้าติ้น ฟ้องตนเป็นเพราะ
“หิวเงิน เป็นหนี้เป็นสินเยอะ เลยมาแจ้งความเอาเงินเพื่อน” โดยจะขอสู้คดี ไม่ยอมอีกต่อไป ซึ่ง ป้าติ๋ว กล่าวว่า ตำรวจได้พิสูจน์แล้วว่า ป้าติ้น เป็นคนไปจ้างคนขายหวยที่ จ.อุดร ให้ช่วย และจะแบ่งเงินให้ 1 ล้านบาท แต่คนขายหวยไม่เล่นด้วย ได้ไปแจ้งความว่า “ไม่มีส่วนรู้เห็นกับ เรวดี หาแก้ว” คนนี้