ถอดยศ “เชาวริน ลัทธศักย์ศิริ” เรียกคืนเครื่องราชฯ

1 ต.ค. 63

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดยศตำรวจ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อดีตตำรวจ 10 นาย ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักย์ศิริ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2557 ซึ่งเป็นวันที่มีคําพิพากษาถึงที่สุด

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดยศตํารวจ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ความว่า มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดยศอดีตข้าราชการตํารวจ ออกจากยศตํารวจ ตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติตํารวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ประกอบระเบียบสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ว่าด้วยการถอดยศตํารวจ พ.ศ. 2547 ข้อ 1 (2) (4) และ (6) และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ได้รับพระราชทานทุกชั้นตรา ตามข้อ 6 ข้อ 7 (2) (4) และ (8) ของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ. 2548 จํานวน 10 ราย ดังนี้

1. ร้อยตํารวจโท วันชนะ ผลพลังกุล ตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม 2549 ซึ่งเป็นวันที่ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เนื่องจากกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรง กรณีกระทําผิดอาญาฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน พยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อนและร่วมกันมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควรโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นจัตุรถาภรณ์ช้างเผือกและจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย

2. พันตํารวจโท สมเกียรติ ทองสอาด ตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2557 ซึ่งเป็นวันที่ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เนื่องจากกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรงฐานเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับผลประโยชน์อันมิควรได้และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก และจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย

3. ร้อยตํารวจโท เชาวริน ลัทธศักย์ศิริ ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2557 ซึ่งเป็นวันที่มีคําพิพากษาถึงที่สุด เนื่องจากกระทําความผิดอาญาฐานฉ้อโกงประชาชน และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก มหาวชิรมงกุฎ ประถมาภรณ์ช้างเผือก ประถมาภรณ์มงกุฎไทย ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย ตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย และเครื่องราชอิสริยาภรณ์รามกีรติลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ

4. ร้อยตํารวจโท สุชาติ สุดบุรินทร์ ตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2557 ซึ่งเป็นวันที่ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เนื่องจากกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรงฐานกระทําการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โดยมีพฤติกรรมหรือพฤติการณ์เป็นข้าราชการจําหน่ายและมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจําหน่ายและมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นเบญจมาภรณ์มงกุฎไทยและเหรียญจักรมาลา

5. พันตํารวจเอก สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2558 ซึ่งเป็นวันที่ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เนื่องจากกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรงฐานกระทําการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โดยกระทําผิดอาญาฐานร่วมกันลักทรัพย์ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นประถมาภรณ์มงกุฎไทย ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย ตริตาภรณ์ช้างเผือก และเหรียญจักรมาลา

6. พันตํารวจโท ธรรมวัฒน์ หิรัณยเลขา ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน 2558 ซึ่งเป็นวันที่ศาลออกหมายจับ เนื่องจากต้องหาคดีอาญาฐานร่วมกันดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สําเร็จราชการแทนพระองค์และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่ทําให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตําแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ตนมิได้มีตําแหน่งหรือหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสําหรับตนเองหรือผู้อื่น และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก และจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย

7. พันตํารวจเอก ไพโรจน์ โรจนขจร ตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2558 ซึ่งเป็นวันที่ศาลออกหมายจับ เนื่องจากต้องหาคดีอาญาฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สําเร็จราชการแทนพระองค์และเป็นเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่ทําให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตําแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ตนมิได้มีตําแหน่งหรือหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสําหรับตนเองหรือผู้อื่น และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย และจัตุรถาภรณ์ช้างเผือก

8. พันตํารวจโท จีรวัฏฐ์ บุญวัฒนาภรณ์ ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน 2558 ซึ่งเป็นวันที่ศาลออกหมายจับ เนื่องจากต้องหาคดีอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นมีอาวุธและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้เฉพาะแต่การสงครามที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวโดยไม่มีเหตุอันสมควรและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก และจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย

9. พันตํารวจโท ธนบัตร ประเสริฐวิทย์ ตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม 2559 ซึ่งเป็นวันที่ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เนื่องจากกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรงฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้ กระทําการอันได้ชื่อว่าประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง กระทําหรือละเว้นการกระทําใดๆ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก และจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย

10. พันตํารวจเอก เอกนรินทร์ ภุมม์สิมมานนท์ ตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2559 ซึ่งเป็นวันที่มีคําพิพากษาถึงที่สุด เนื่องจากกระทําผิดอาญาฐานลักทรัพย์และทําร้ายร่างกายและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย และเหรียญราชการชายแดน

ทั้งนี้ อดีตข้าราชการตํารวจทั้ง 10 รายดังกล่าว เป็นผู้ถูกถอนชื่อออกจากรายชื่อผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตามประกาศสํานักนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องแล้วประกาศ ณ วันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2563 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ