รองผู้ว่า จ.ตาก สั่งเสริมลวดหนาม เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังจุดล่อแหลมชายแดน 24 ชม. หวั่นผู้ติดเชื้อจากฝั่งเมียนมาลอบเข้าไทย
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในเมียนมาที่ยังรุนแรง เนื่องจากมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนขับรถยนต์บรรทุกสินค้าไปมาของเมียนมา ทำให้จังหวัดเมียวดีต้องใช้เครื่องตรวจเชื้อเพื่อหาพันธุกรรมเชื้อไวรัสโควิด-19ไปตั้งที่ด่านเพื่อตรวจกลุ่มที่เดินทางไป-มา
ขณะที่ทางฝ่ายไทยได้ให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทั้งทหารฝ่ายปกครองตำรวจออกตรวจตามแนวชายแดน 24 ชั่วโมง
โดยเมื่อช่วงเย็นวานนี้ 7 ต.ค. 63 นายสมชัย กิจเจริญรุ่งโรจน์ รองผวจ.ตาก และนายแพทย์ปุริฉัตร ยิ่งรังสรรค์
รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตาก
แถลงรายละเอียดกรณีพบชายไทยอายุ 54 ปี อาชีพนักธุรกิจส่วนตัว
มาจากเมืองย่างกุ้ง และกลับประเทศไทยผ่านด่านพรมแดนไทย-เมียนมา 2 บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 2 ท้ายบ้านวังตะเคียนใต้ ตำบลท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก และผ่านการคัดกรองของเจ้าหน้าที่เมื่อวันที่22ก.ย.63 โดยไม่มีอาการอะไรและร่างกายปกติดี แต่เจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวไปกักตัว Local Quarantine ที่กองร้อยอส.จังหวัดตาก เขตอ.เมืองตาก เป็นเวลา 14 วัน ตามมาตรการควบคุมโรค
ระหว่างที่กักตัวได้มีการเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดตากแพทย์จากโรงพยาบาลสมเด็กพระเจ้าตากสินมหาราช คอยดูแลตลอดและทำการตรวจเชื้อโควิด-19กับชายไทยคนดังกล่าว ครั้งแรกวันที่ 25ก.ย. แต่ไม่พบเชื้ออาการทุกอย่างปกติจนกระทั่งมาตรวจซ้ำอีกครั้งเมื่อ 5 ต.ค.63 ปรากฏผลเป็นบวกพบเชื้อโควิด19 ขณะนี้ถูกส่งตัวไปรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อ.เมือง
จ.ตาก
นายแพทย์ปุริฉัตร กล่าวว่าวันที่ตรวจพบเชื้อโควิด-19 ชายคนดังกล่าวยังมีอาการปกติ ไม่มีจาม ไม่มีไอ และไม่มีไข้สูง แต่เมื่อพบเชื้อต้องทำการรักษาและการกลับมาของชายดังกล่าวอย่างเป็นระบบ จึงไม่สร้างปัญหาการกระจายของโรคโควิด-19
นายสมชัยกล่าวว่าทางไทยยังคงให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดมากขึ้น 24ชั่วโมง แต่เนื่องจากพื้นที่ชายแดนกว้างเป็นระยะทาง 542 กิโลเมตรทำให้ดูแลไม่ทั่วถึง ซึ่งจังหวัดจะประสานแก้ไขปัญหาด้วยการจะนำลวดหนามหีบเพลงไปเสริมในจุดที่ล่อแหลมต่อไป