ผลสำรวจคะแนนนิยมล่าสุดระบุ เอ็มมานูเอล มากร็อง ผู้สมัครวัย 39 ปี ซึ่งถูกยกให้เป็นเต็ง 1 ที่จะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบชี้ขาดในวันอาทิตย์ (7 พฤษภาคม) น่าจะได้คะแนนโหวตจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวฝรั่งเศสถึงร้อยละ 62 ขณะที่คู่แข่งของเขาอย่างนางมารีน เลอ แปง น่าจะได้คะแนนโหวตราวร้อยละ 38
ผลสำรวจคะแนนนิยมดังกล่าวซึ่งเผยแพร่ออกมาในวันศุกร์ (5 พ.ค.) และจัดทำโดยสำนักวิจัยเอลาเบ ร่วมกับสถานีโทรทัศน์ บีเอฟเอ็มทีวี รวมถึง สื่อแถวหน้าอย่าง “เลอ เอ็กซ์เพรสส์” ระบุว่า คะแนนนิยมในตัว มากร็องได้ปรับเพิ่มขึ้นอีกราว 3 เปอร์เซ็นต์ หลังเสร็จสิ้นการดีเบตประชันวิสัยทัศน์กับนางเลอ แปงเมื่อวันพุธ (3 พ.ค.) ส่งผลให้ล่าสุดคะแนนนิยมในตัวมากร็องเพิ่มเป็นร้อยละ 62 ขณะที่คะแนนนิยมของเลอ แปง ซึ่งทำได้ไม่ดีนักในการดีเบตได้ปรับร่วงลงมาร้อยละ 3 จากร้อยละ 41 เหลือเพียงร้อยละ 38
นักวิเคราะห์ระบุว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบชี้ขาดที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ (7 พ.ค.)นี้ ถือเป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญที่สุดของฝรั่งเศสในรอบหลายทศวรรษ เนื่องจากผลการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีส่วนสำคัญต่อการกำหนดอนาคตของฝรั่งเศสในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของกลุ่มยูโรโซนและสหภาพยุโรป ท่ามกลางปัญหาภายในของฝรั่งเศสทั้งอัตราการว่างงานที่พุ่งสูงกว่าร้อยละ 10 และภัยคุกคามจากการก่อการร้ายที่เพิ่มสูงขึ้น
ก่อนหน้านี้ ผลสำรวจความคิดเห็นชี้ชัด เอ็มมานูเอล มากร็อง เป็นฝ่ายชนะขาดในศึกดีเบตประชันวิสัยทัศน์เมื่อวันพุธ (3 พ.ค.) เหนือมารีน เลอ แปง ก่อนถึงศึกเลือกตั้งผู้นำฝรั่งเศสรอบชี้ขาด
ผลสำรวจความคิดเห็นของสถานีโทรทัศน์ บีเอฟเอ็มทีวี พบข้อมูลว่า ราว 63 เปอร์เซ็นต์ของผู้รับชมศึกดีเบตประชันวิสัยทัศน์ระหว่างมากร็อง กับ เลอ แป็ง ระบุว่า มากร็องตอบคำถามและแสดงวิสัยทัศน์ในประเด็นต่างๆ ได้โดดเด่นมากกว่าตลอดระยะเวลา 2 ชั่วโมงของการดีเบต และสมควรได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนต่อไปของฝรั่งเศส ขณะที่ในส่วนของนางเลอ แปงนั้น ผู้ชมทางโทรทัศน์ส่วนใหญ่ลงความเห็นว่า เธอใช้เวทีดีเบตครั้งนี้โจมตีมากร็องมากเกินไป จนลืมที่จะนำเสนอนโยบายของตัวเอง
คลิปวิดีโอ จากรอยเตอร์