พยัคฆ์ไม่มีวันพ่าย! 'สามารถ พยัคฆ์อรุณ' วันที่มวยแพ้ แต่หัวใจยืดหยัดสู้คำด่า "ล้มมวย ขายชาติ"

28 ก.พ. 61
Real Hero ตัวจริงไม่ใช่การแค่พิชิตแล้วได้รับชัยชนะ แต่อาจหมายถึงคนที่เคยอยู่ในจุดสูงสุดแล้วตกลงไปในเหวแต่ยังมีหัวใจยืดหยัดอยู่ได้...  วันนี้ "อมรินทร์ทีวี" พาไปเปิดใจ "สามารถ พยัคฆ์อรุณ" นาทีแห่งชัยชนะหลังจากคว้าแชมป์มวยสากลโลกครั้งแรกสำเร็จ และความเจ็บปวดจากการถูกสังคมตัดสินว่า "ล้มมวย" ตราหน้าว่า "ขายชาติ" เขาก้าวข้ามเรื่องราวต่างๆ ดั่งพยัคฆ์ที่ไม่มีวันพ่ายได้อย่างไร  "บรรยากาศวันนั้นมันก็ตื่นเต้นอ่ะนะ เพราะเป็นครั้งแรกของเราที่ได้ขึ้นชิงแชมป์โลก ถามว่าคนเยอะมั้ย วันนั้นคนเต็มสนามครับ สมัยนั้นยังต้องซื้อตั๋วดูกัน ไม่ได้ดูฟรีนะครับ มันก็เป็นไฟต์ที่เราประทับใจด้วยครับ วันนั้นผมชกกับ กัวดาลูเป้ พินเตอร์ นักมวยชาวเม็กซิกัน จริงๆ พวกนี้เราเห็นฟอร์มเขามาก่อน เรารู้จักชื่อเขา เราเห็นเขาต่อยมาก่อนที่เราจะหันมาต่อยมวยสากล ตอนที่บอกว่าเราจะต้องขึ้นชิงแชมป์กับเขา เราก็รู้สึกเกรงเหมือนกัน เพราะประวัติเขาก็ไม่ธรรมดา เขาเป็นแชมป์มาตั้ง 2-3 สมัย เราก็ยังเกรงศักดิ์ศรีเขาเหมือนกัน แล้วประวัติเขาก็เคยชกคู่ต่อสู้ตายมา 2 คน แต่ตอนที่ประกบ เราก็ยัง 50-50 ว่าเราจะชนะเขาได้ไหม แต่เราก็มาได้เปรียบเขาที่ เราหนุ่มกว่าเขา เพราะตอนนั้นผมเพิ่งจะ 23 ปี ส่วนเขาก็ 28 -29 ปี นี่แหละ แต่ก่อนที่เขาจะมาต่อยกับผม เขาก็เพิ่งได้แชมป์โลกมา ก็ถือว่า เขายังสดครับ" สามารถโค่นแชมป์โลกได้ ณ ตอนนั้นรู้สึกอย่างไร "ตอนนั้นดีใจมากที่สุด เพราะตอนเราเป็นแชมป์เปี้ยนมวยไทย เราก็อาจจะเป็นแค่แชมป์เส้นแรก คือแชมป์เส้นแรก เราก็ดีใจ เพราะเป็นความใฝ่ฝันของนักมวยทุกคนที่อยากเป็นแชมป์ แต่พอมาเส้นสอง เส้นสาม เส้นสี่ มันก็เริ่มเฉยๆ แต่พอเรามาต่อยสากลแล้วได้แชมป์เปี้ยนโลก รู้แต่เราดีใจสุดๆ ภูมิใจที่สุดครับ วันนั้นต่อยที่หัวหมาก บรรยากาศก็คนเต็มสนามจนล้นครับ แล้วมวยไทยในรายการต่อยวันนั้นก็เป็นรายการใหญ่เหมือนกัน"

สไตล์การชกในแบบเฉพาะตัวของ "สามารถ" ที่ประทับคนไทย "ก็ถ้าพูดถึงไฟต์ที่ผมหลบหมัด ถามว่าประทับใจคนไทยไหม ประทับใจคนไทย แต่ไม่ประทับใจผม เพราะผมว่าผมต่อยไม่ดี ถ้าไม่ได้ชุดนั้นคนก็ต้องด่าผมอีก หาว่าผมพยายามเลี้ยงเขาไว้ให้ครบ 12 ยก แต่จริงๆ เราก็ต่อยเต็มที่ แต่ไฟต์นั้นเราอาจจะเก็บตัวไม่เต็มร้อย มันหยุดไปนานด้วย" "ฮีโร่" ของ "สามารถ" คือใคร "จริงๆ ถ้าตอนนั้นฮีโร่ของผมในมวยสากลก็จะเป็นมวยต่างประเทศ อย่างคนแรกที่ผมชอบสไตล์การชกของเขา เพราะเขาต่อยได้สวยงามคือ มูฮัมหมัด อาลี เนี้ยคือ ฮีโร่ของผม อยากจะเป็นแบบเขา อยากจะเป็นแชมป์โลกแบบเขาและต่อยแบบเขา ฮีโร่คนที่สองคือ ซู การ์เรย์ เลียวนาร์ด ก็คือเราชอบมวยแนวนี้ สวยงามครับ" ในขณะที่ "สามารถ" ก็เป็น "ฮีโร่" ของใครอีกหลายคนเช่นกัน "ก็ภูมิใจนะครับที่เราเป็นแบบอย่างให้คนรุ่นหลัง ที่มองเห็นว่าเราเป็นฮีโร่ ไม่ว่าจะเรื่องการชกมวย หรือเรื่องการวางตัวในสังคม เราก็ดีใจตรงนั้นที่เราเป็นฮีโร่ของเด็กอีกหลายๆ คนครับ" ถ้าเด็กรุ่นหลังอยากจะเป็นได้แบบ "สามารถ พยัคฆ์อรุณ" ต้องทำยังไง "ที่จะก้าวมาเป็นแบบพี่นี่นะ...โห มันต้องหลายอย่าง ทั้งฝีมือ ทั้งสายตา ทั้งวาสนา มันต้องบรรจบกันหลายอย่างถึงจะขึ้นมาเป็นแบบนี้ได้ มันต้องมีฝีมือ ดวง, วาสนาและผู้จัดการที่ดี ต้องมีองค์ประกอบหลายอย่างครับ" มีวิธีรับมือกับข่าวนอกสนามยังไงบ้าง "จริงๆ ผมจะเฉยๆ กับข่าว ช่วงที่ต่อยสากลผมจะสนิทกับนักข่าวเกือบทุกฉบับ เวลาเราไปต่อยนักข่าวก็จะติดตามเราไปด้วย ก็จะไปเกาะติดทุกครั้งเรื่องซ้อม เรื่องการเป็นอยู่ เราเฉยๆ กับข่าวยุคนั้นครับ แต่มันก็จะมีอยู่ข่าวเดียว ที่แรงที่สุด (ทำหน้าเครียด) ก็ช่วงที่เสียแชมป์โลก ตอนนั้นสื่อทุกฉบับก็จะลงหาว่าเราล้มมวย ขายชาติ เราก็จะมีความรู้สึกผิดหวังกับนักข่าวมาก จนถึงขนาดที่ว่า เคยเจอหน้ายกมือไหว้ มาเจอกันหลังจากลงข่าวเราแบบนั้น คือ เจอหน้าก็ไม่มองหน้ากัน ไม่คุยกัน ก็มีหลายฉบับที่เราไม่มองหน้า ไม่ให้ความนับถือ คือ เขารู้หมดว่าเราเป็นยังไง สภาพเป็นยังไง แต่หลังจากที่เราเสียแชมป์โลกมาก็มาเขียนหาว่าเราล้มมวย ขายชาติ มันแรงอยู่ครับ"

สามารถ พยัคฆ์อรุณ

หลังจากนั้นเรามีวิธีจัดการตัวเองให้ก้าวข้ามเรื่องดั่งกล่าวไปได้ยังไง "มันต้องใช้เวลาครับ หลังจากที่ผมเสียแชมป์โลกกลับมา ผมก็ไปบวชเกือบๆ 2 เดือน เราก็ใช้ระยะเวลาตรงนั้นปรับปรุงจิตใจเราให้ดีขึ้น หลังๆ มาเราก็เลยเฉยกับข่าว" นานแค่ไหนเราจึงกลับมาชกมวยอีกครั้ง "หลังจากนั้นก็อีกประมาณ 1 ปี ที่เรากลับมาชกมวยไทยต่อ เรื่องอาชีพก็ปรับตัวได้ เดิมทีเราก็มาจากมวยไทยจนเราหันไปต่อยสากล เราก็ต้องปรับพื้นฐาน แบบว่า เออ เรามีรองเท้านะ ตอนนี้เราต่อยสากลอยู่ จะมีความรู้สึกตรงนั้น มันก็เลยเฉยๆ แต่ถ้าถามว่าชอบอะไรมากกว่ากันระหว่าง มวยสากลกับมวยไทย คือ เรามาจากมวยไทย เราชอบมวยไทยมากกว่า เพราะมวยไทยมันออกท่าได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะ ถีบ หมัด เท้า เข่า ศอก มันคือลูกถนัดของเราอยู่" เล่าเหตุการณ์ที่แพ้น็อค เสียแชมป์โลกในครั้งนั้นให้เราฟังได้ไหม "ไฟต์นั้น จริงๆ แล้วผมไม่ได้อยากจะชก แต่สัญญาที่เซ็นต์กันไว้แล้วเราก็จำเป็นต้องชก เพราะถ้าถามว่าไฟต์นั้นผมซ้อมเท่าไร ผมซ้อมไปแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ คือใจเราไม่อยากชกอยู่แล้ว เพราะตอนนั้นหลังจากที่ผมกลับมาต่อยก็คือตอนที่ผมหันมาร้องเพลง เล่นหนัง แล้วเราก็กลับไปต่อยใหม่ ช่วงหลังๆ มันก็มีหลายอย่างที่ทำให้เรารู้สึกว่า เอ้อ อย่าต่อยมันเลยดีกว่า วันนั้นก็ต่อยให้มันจบเกมส์ไปแค่นั้นเองครับ เราไม่ได้คิดถึงผลแพ้-ชนะ เพราะถ้าเราคิดถึงผลแพ้-ชนะ เราคงซ้อมหนักกว่านั้น แต่งวดนั้นเราซ้อมแบบขอไปที ซ้อมต่อยแบบขอให้มันผ่านไปแค่นั้นเองครับ" จาก "นักมวย" ไปเป็น "นักร้อง" ได้ยังไง "ก็คงดวงด้วยมั้ง รู้สึกจะชนะน็อค เจริญทองมั้ง ทางแกรมมี่ก็ติดต่อมาให้ไปเทสเสียง เราก็ถือว่ามันมีโอกาสก็ลองดู แต่ผมไม่เคยร้องเพลง เราก็ไม่ได้คิดว่าจะดัง ก็คือคิดแค่ลองดู ถ้าไม่ดังเราก็กลับมาต่อยมวยต่อ แต่มันคงเป็นจังหวะดวงด้วยแหละที่ออกมาแล้วถูกตลาด มันเลยมีชุดสอง ชุดสาม ชุดสี่ต่อมาเรื่อยๆ" ปัจจุบันหันมาเปิดยิมสอนต่อยมวย? "สำหรับเรื่องยิมที่มาทำตรงนี้ ก็คือ เมื่อก่อนก็ไม่ได้คิดจะมาทำยิม แต่ผมเหลือที่ดินอยู่ 1 ไร่ ตอนนั้นผมไปต่างประเทศปีละ 2-3 ครั้ง เราก็จะเดินสายไปสัมมนา จนเรามีความรู้สึกว่า เรามาเปิดยิมของเราเองเลยดีกว่าเพราะที่ดินเรามีอยู่แล้ว แรกๆ ก็ตั้งใจว่าเปิดสอนเด็กไทยอย่างเดียว หลังๆ มาก็ต้องมาทำมวยอาชีพด้วย แล้วก็มีฝรั่งเข้ามาเรียนด้วย เราก็ต้องทำไปให้ครบวงจรเลยครับ ปีนี้ก็เปิดมาเป็นปีที่ 8 แล้วครับ ถ้าผมไม่มีงานอะไรผมก็จะอยู่ดูเองครับ ปกติเราก็จะอยู่ค่ายทุกวัน เวลามวยซ้อม เราก็จะมานั่งดูครับ เมื่อก่อนเราก็ยังสอนเอง แต่มาระยะหลังให้ครูมวยสอนแล้วเรายืนดู" อยากฝากอะไรถึงคนที่กำลังสนใจเรื่องการออกกำลังกาย ด้วยวิธีการต่อยมวย "ก็ขอเชิญเลยนะครับ ใครที่คิดว่าเรียนมวยแล้วมันอันตราย หรืออยากพาลูกหลานมาเรียนแต่กลัวลูกหลานเจ็บ อันนี้ผมกล้ายืนยันเลยครับ เรียนมวยไม่มีคำว่าเจ็บ เพราะเราเรียนไว้เพื่อป้องกันตัว ไม่ได้เรียนเอาขึ้นไปต่อย แล้วมันก็มีประโยชน์หลายอย่าง ถ้าผู้หญิงส่วนมากร่างกาย รูปร่างก็จะเฟิร์มขึ้น ได้ออกกำลังกาย อย่างน้อยเราก็เป็นมวย มันต้องสอนให้เป็นครับ ก็เชิญนะครับ ใครอยากเรียนมวยก็มาที่ สามารถ พยัคฆ์อรุณ ยิมได้ครับ แถวสายไหมซอย 31 " แล้วอยากฝากอะไรถึงแฟนคลับที่ยกให้เราเป็นฮีโร่ "นั่นมันก็เป็นอดีตนะครับ แต่ก็ฝากขอบคุณทุกคนที่ยังเป็นแฟนมวย เป็นแฟนคลับของสามารถ พยัคฆ์อรุณ เราก็พยายามจะทำให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะอยู่ในวงการเพลง วงการหนัง หรือวงการมวย เราก็พยายามทำตัวให้เสมอต้นเสมอปลายครับ" ค่ายมวย สามารถพยัคฆ์อรุณยิม หรือ "Samart Payakaroon Gym"

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวบันเทิง เป็นกระแส