จากกรณีรถไฟชนสนั่นรถบัสจะไปทำบุญทอดกฐิน บริเวณสถานีรถไฟคลองแขวงกลั่น หมู่ 7 บางเตย อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เบื้องต้น ยืนยันเสียชีวิต 18 ราย บาดเจ็บ 42 รายนำตัวส่งโรงพยาบาล ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-ลูกโชเฟอร์รถบัสกฐินมรณะ ขออย่าแช่งพ่อ – เหยื่อเผยเพลงดังกลบเสียงเตือน พี่สาวดีเจรับถูกถล่ม
-แม่ดีเจบัสมรณะซัดคนด่าลูก แจงเปิดเพลงดังตามใจคนจ้าง เจ้าของรถเผยขายขาดให้โชเฟอร์แล้ว
ล่าสุดวันที่ 13 ต.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี รายงานว่า ในเวลา 14.00 น. นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมคณะเดินทางมาที่วัดบางปลานัก ต.บางเตย อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา โดยนายนิรุฒ ได้ถวายสังฆทานพระสงฆ์ 5 รูป และเณร 1 รูป พร้อมทอดผ้าบังสกุล 18 ผืน หลังจากนั้นได้เผารายชื่อผู้เสียชีวิตทั้ง 18 ราย ก่อนกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลแก่ผู้เสียชีวิตทั้ง 18 คน
นายนิรุฒ กล่าวว่า ได้มาทำบุญถวายสังฆทานอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิต โดยวานนี้ (12 ต.ค.63) ตนและทีมงานได้ตระเวนไปร่วมงานศพของผู้เสียชีวิตทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยเข้าไปพูดคุยกับญาติซึ่งส่วนใหญ่ก็เข้าใจว่าการรถไฟไม่ได้ทำอะไรผิด โดยตนได้มอบเงินส่วนตัวช่วยเหลือเบื้องต้นตามหลักมนุษยธรรม
กรณีญาติบางส่วน ระบุว่า เป็นการประมาทร่วมนั้น ยังไม่สามารถตอบได้ อยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งยังไม่สรุปออกมา แต่เบื้องต้นการรถไฟแห่งประเทศไทย จะช่วยเหลือตามสมควร ทั้งค่ารักษาพยาบาลและค่าทำศพ โดยจะพิจารณาเป็นราย ๆ ซึ่งส่วนนี้ไม่ใช่เงินเยียวยา เพราะยังไม่มีข้อสรุปว่า การรถไฟเป็นฝ่ายผิด
ทั้งนี้สิ่งที่ต้องทำเรื่องแรก คือ การสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องว่า ปัญหาอยู่ที่ไหน เพราะทางที่ตัดกับรางรถไฟมี 2 ประเภท คือ ทางรถไฟที่ถูกต้องตามกฎหมาย และทางที่ผิดกฎหมาย หรือทางลักผ่าน โดยทางที่ถูกกฎหมาย จะมีกระบวนการชัดเจน และผู้ขออนุญาตตัดถนนผ่านมีหน้าที่ทำเครื่องกั้น หรือสัญญาณต่าง ๆ ขึ้นมา
แต่ทางลักผ่าน ที่ผิดกฎหมาย ไม่ได้ขออนุญาต ต้องคุยกันให้ชัดว่าควรมีหรือไม่ เพราะเป็นทางที่มีอุบัติเหตุซ้ำซ้อนอยู่หลายจุด โดยทางลักผ่าน 600 กว่าจุดในประเทศไทย ก็เป็นทางที่ไม่เหมาะสม จึงไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งหลังจากนี้จะดูเป็นเคสไปว่าควรปิดหรือไม่
ส่วนจุดที่เกิดเหตุ ซึ่งก็เป็นทางลักผ่าน จากการตรวจสอบไม่เคยมีการขออนุญาตตัดถนนผ่าน ตอนนี้อยู่ระหว่างการประชุมว่า จะดำเนินการอย่างไร ซึ่งทางที่ดีผู้ที่ทำถนนควรไปขออนุญาตการรถไฟให้ถูกต้อง เพื่อเข้ากระบวนการพิจารณาว่าทางดังกล่าวสมควรที่จะใช้เป็นถนนผ่านทางรถไฟหรือไม่
ทั้งนี้ตามหลักเมื่อขออนุญาตตัดผ่านถนนได้แล้ว ทางท้องถิ่นหรือหน่วยงานที่ขออนุญาตต้องเป็นผู้จัดสรรงบประมาณมาสร้างไม้กั้น หรือทำสัญญาณ ไม่ใช่ตัดถนนแล้วมาบอกว่า ไม่มีงบประมาณสร้างไม้กั้น โดยก่อนหน้านี้แม้จะเป็นทางที่ไม่ถูกต้อง การรถไฟแห่งประเทศไทย ก็ยังนำป้ายเตือนต่าง ๆ ไปติดไว้ให้ เพื่อแจ้งเตือนประชาชนที่ขับรถผ่าน
นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา มองว่า กรณีที่ผู้ว่าการการรถไฟ เดินทางไปที่วัดบางปลานัก จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อทำบุญทอดผ้าบังสุกุล เขียนชื่อคนตายลงในกระดาษแล้วเผา และถวายสังฆทาน เป็นเพราะว่าต้องการให้วิญญาณคณะทำบุญทอดกฐินได้รับบุญกุศล จากที่ได้อุทิศไปให้หมายความว่า ผู้เสียชีวิตมีเจตนาเดินทางไปทำบุญกฐินที่วัดบางปลานัก ผู้ว่าการการรถไฟฯ ก็คงจะอยากให้ดวงวิญญานได้มารับบุญกฐินด้วย
ส่วนเรื่องดวงวิญญานจะมารับบุญได้หรือไม่ ขึ้นอยู่ว่าดวงวิญญาณรู้หรือไม่ว่าเสียชีวิตแล้ว เพราะการตายโหง ถ้ายังไม่มีการเรียกวิญญาณ หรือเชิญวิญญาณ วิญญาณก็ยังไม่รู้ว่าตาย การทำพิธีดังกล่าวก็ไม่เกิดผล เพราะวิญญาณจะกลายเป็นสัมภเวสี เร่ร่อน ไม่สามารถรับบุญใหญ่ที่ผู้ว่าการการรถไฟทำให้
ส่วนเรื่องที่หลายคนมองว่า ทำไมการทำบุญใหญ่ต้องมีการตายหมู่ เป็นเพราะอาถรรพ์หรือไม่ ตนยืนยันว่าไม่ใช่อาถรรพ์ แต่เป็นเพราะความประมาท อย่าไปคิดว่าการไปแสวงบุญทำดีจะปลอดภัย อย่าคิดว่าบุญความดีจะคุ้มครองเราได้ ถ้าเราประมาท สิ่งที่คุ้มครองเราได้คือความไม่ประมาท ต่อให้สร้างวัดทำบุญร้อยล้านพันล้าน แต่ตัวเราประมาท บุญที่เราทำก็ไม่ช่วยให้รอดพ้นจากอุบัติเหตุได้
ทั้งนี้อยากฝากถึงคนที่ขับรถโดยสาร อย่าไปคิดว่าไปทำบุญใหญ่จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาคุ้มครองตัวเรา ใครที่คิดแบบนั้นคิดผิด คนขับเองเป็นคนคุ้มครองคนที่นั่งไปด้วย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้คุ้มครอง แต่คนขับรถเป็นคนคุ้มครอง จึงอยากเตือนว่าอย่าประมาทเด็ดขาด
ตั้งแต่ช่วงบ่ายที่จุดเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนของนายบุญส่ง สวนยิ้ม คนขับรถบัส เดินทางมาดูที่เกิดเหตุ โดยนายอนันตโชติ ป้องแก้ว อายุ 49 ปี กล่าวว่า ตนตั้งใจมาดูที่เกิดเหตุ เพราะอยากเห็นสถานที่จริง คิดว่านายบุญส่งอาจไม่เห็นรถไฟเพราะเป็นทางขึ้นเนิน เหตุการณ์นี้ก็ผิดด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย จะโทษคนขับรถบัสอย่างเดียวไม่ได้ เพราะทางรถไฟก็ไม่มีไม้กั้น ส่วนการที่จะกล่าวว่ารถไฟวิ่งบนรางของตัวเอง รถบัสก็วิ่งบนถนนของตัวเองเช่นกัน
นายอนันตโชติ กล่าวต่อว่า นายบุญส่งขับรถบัสมากว่า 30 ปีแล้ว ปกติไม่ขับรถเร็ว และไม่เคยเกิดอุบัติเหตุหนัก โดยรถที่เกิดเหตุทราบว่าเพื่อนขอซื้อต่อมาแล้ว แต่ไม่ทราบรายละเอียด
ทั้งนี้การที่สังคมโจมตีว่า คนขับรถบัสเป็นฝ่ายผิด เหมือนเป็นการโยนความผิด ตนอยากให้มาดูสถานที่จริง และยืนยันว่าเพื่อนตนไม่ขับรถเร็ว โดยความเร็ว 40 กม./ชม. น่าจะเป็นความเร็วที่วิ่งบนถนน แต่ช่วงข้ามทางรถไฟไม่สามารถวิ่งเร็วขนาดนั้นได้อย่างแน่นอน
โดยที่จุดเกิดเหตุ ใกล้สถานีรถไฟคลองแขวงกลั่น ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายสันต์ เกษมสุข อดีตผู้ใหญ่บ้าน เปิดเผยว่า วันศุกร์ที่ 16 ต.ค.63 หมู่บ้านจะร่วมกันจัดงานทำบุญที่จุดเกิดเหตุ เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลแก่ผู้ล่วงลับ โดยจะมีการสวดมาติกา ทอดผ้าบังสกุล ตามหลักความเชื่อของชาวบ้าน เพราะบางส่วนห่วงเรื่องดวงวิญญาณว่า จะไม่ได้รับการปลดปล่อยหากไม่ได้ทำบุญส่งไปให้ โดยก่อนหน้านี้ได้ประชาสัมพันธ์ รวมถึงชักชวนญาติผู้เสียชีวิตมาร่วมงานด้วย ไม่ต้องจัดเตรียมสิ่งใดมา เพราะชุมชนจะจัดการให้ทั้งหมด
ทั้งนี้บริเวณจุดเกิดเหตุ ช่วงกลางคืนจะไม่ค่อยมีคนขับรถผ่านเหมือนที่ผ่านมา คาดว่าคนในชุมชนบางส่วนน่าจะกลัว ต้องใช้เวลาอีกระยะจึงจะดีขึ้น
นอกจากนี้นายสันต์ ตั้งข้อสังเกตว่า ปกติรถที่ขับขึ้นไปบนรางรถไฟบริเวณรางที่ 1 หรือ 2 ก็น่าจะเห็นว่ามีรถไฟกำลังขับเข้ามาที่ราง 3 และถอยกลับหรือหยุดทัน ตนก็สงสัยว่าเหตุใดคนขับรถบัสจึงไม่เห็น คาดว่าอาจจะมีบางอย่างบังตา หรือดลใจไม่ให้หันไปดู
ที่ผ่านมาทุกวันปีใหม่ หมู่บ้านจะจัดทำบุญที่สถานีรถไฟ อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้วิญญาณผีตายโหงเป็นประจำทุกปี หลังจากนี้ต้องอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้ผู้ล่วงลับจากเหตุรถบัสด้วย
บรรยากาศที่โรงพยาบาลพุทธโสธร อ.เมือง ฉะเชิงเทรา ซึ่งผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์รถไฟชนรถบัสบางส่วนยังรักษาตัวอยู่ ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางหนูพิน ภูกิ่งดาว อายุ 58 ปี แม่ของนางรัชดาพร ศรีเสนา อายุ 36 ปี ผู้ได้รับบาดเจ็บ กล่าวว่า ลูกสาวของตนกะโหลกยุบ ซี่โครงซ้ายร้าว แก้มซ้ายแตก ยังพูดคุยไม่ได้ ทำได้เพียงพยักหน้า แต่ขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว
โดยลูกสาวตนทำงานโรงงาน เดินทางมาทำบุญพร้อมครอบครัว พ่อ แม่ และลูกสาววัย 9 ขวบ ตนทราบข่าวหลังเกิดเหตุรีบเดินทางมาจากต่างจังหวัดทันที โดยพบว่านายไคล ศรีเสนา อายุ 39 ปี ลูกเขย เสียชีวิต ส่วน ด.ญ.พรนิภา ศรีเสนา อายุ 9 ขวบ หลานสาว ได้รับบาดเจ็บเอ็นขาขวาฉีก และศีรษะแตกเย็บ 2 เข็ม
สอบถามหลานสาว เล่าว่า ช่วงเกิดเหตุหลานนั่งอยู่ด้านหน้าริมหน้าต่าง หลังคนขับ ส่วนลูกสาวนั่งบริเวณกลางรถ และลูกเขยนั่งด้านหลัง หลานสาวไม่เห็นรถไฟ รู้ตัวอีกทีคือรถชนพลิกคว่ำแล้ว เห็นคนตายในรถจำนวนมาก และเห็นขาคนห้อยลงมา หลานต้องคลานออกมาจากหน้าต่าง พร้อมตะโกนร้องหาพ่อ โดยที่ไม่รู้ว่าพ่อเสียชีวิตคาที่อยู่ที่เบาะด้านหลังรถ
โดยตอนนี้ลูกสาวตนอาการดีขึ้นแล้ว แต่ยังไม่ทราบว่าสามีเสียชีวิตเช่นเดียวกับหลานสาว เพราะตนไม่กล้าบอกกลัวอาการจะทรุดหนัก ในวันนี้ได้ไปทำพิธีเรียกขวัญให้ลูกสาว เพราะก่อนหน้านี้รู้สึกว่าลูกสติไม่อยู่กับเนื้อตัว
ทั้งนี้ก่อนเกิดเหตุลูกชายของตน ถามลูกสาวซึ่งเป็นพี่แล้วว่า จะไปทำบุญหรือไม่ เพราะลูกชายรู้สึกมีลางสังหรณ์แปลก ๆ ไม่อยากให้ไป แต่ลูกสาวยังยืนยันที่จะไปจนเกิดเหตุดังกล่าว โดยตนเสียใจมาก เพราะสงสารหลาน ไม่รู้ว่าจะบอกหลานอย่างไรว่า พ่อเสียชีวิตแล้ว