เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 21 ตุลาคม 2563 ที่ศาลเยาวชนและครอบครัว จังหวัดกาญจนบุรี ศาลนัดสืบพยาน คดีที่นายสมนึก ทองมา หรือ ครูชลธี ธารทอง ครูเพลงชื่อดัง อายุ 83 ปี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางศศิวิมล ทองมา หรือ ครูปุ้ม อายุ 53 ปี อดีตภรรยาที่อยู่กินกันมา 30 ปี เป็นจำเลย โดยครั้งนี้เป็นการฟ้องหย่า แบ่งสินสมรส ขับไล่ส่งมอบทรัพย์สิน โดยครูชลธีได้เดินทางมายังศาลพร้อมทนาย “ดนุเดช ศิริวงษ์ตระกุล” โดยมีน้องเขยครูชลธี ซึ่งเป็นผู้เห็นบาดแผลที่ครูชลธีอ้างว่าโดนครูปุ้มทำร้าย นอกจากนี้ยังมี “นก บริพันธ์ ชัยภูมิ” นายกสมาคมนักเพลงลูกทุ่งแห่งประเทศไทย มาเป็นพยานฝ่ายโจทก์ ในฐานะที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนทั้งคู่ทะเลาะกันในงานคอนเสิร์ต 8 ทศวรรษตำนานแห่งสายน้ำ ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2561
ซึ่งก่อนจะมีการสืบพยานฝ่ายโจทก์ ได้เกิดเหตุชุลมุนขึ้นเล็กน้อย เมื่ออยู่ๆ ครูปุ้มเดินทางมาที่ศาล ทั้งที่ศาลนัดสืบพยานจำเลยในวันที่ 22 ต.ค. 2563 โดยครูปุ้มได้พา “ทนายธีระพงษ์ ปีตวัฒน์” ซึ่งเป็นทนายความส่วนตัวมาด้วย ทำให้ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน ก่อนที่ครูปุ้มจะเปิดฉากต่อว่าครูชลธี แนะให้ถอยเพราะตนมีหลักฐานทุกอย่าง กระทั่งสุดท้ายศาลต้องเรียกให้ทั้งคู่เข้าไปไกล่เกลี่ยกันในห้องพิจารณาคดี แต่ตกลงกันไม่ได้จนลากยาวหลายชั่วโมง กว่าจะเริ่มสืบพยานฝ่ายโจทก์ได้ กว่าจะแล้วเสร็จก็ปาเข้าไปเวลา 18.30 น. ปรากฎว่าไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จ โดยศาลนัดสืบพยานจำเลย ในวันที่ 22 ต.ค. 2563 ซึ่งครูปุ้มต้องเดินทางมาศาลอีกครั้ง
ด้านครูชลธียืนยันไม่มีความกังวลเรื่องคดี แม้จะยังตกลงกันไม่ได้เพราะครูปุ้มต้องการทรัพย์สินทั้งหมด รวมถึงลิขสิทธิ์เพลงของตนด้วย
“วันนี้ก็สนุกดี เหนื่อยหน่อย เป็นการสืบพยานที่ทรหดมาก ตั้งแต่เช้ายันมืดเลย วันนี้ก็เป็นเรื่องของการซักระหว่างสองทนาย ว่าต้นเหตุมันเป็นอะไรยังไง ก็สืบไป พยานของผมก็คือคนที่ยืนข้างๆ ผมนี่แหละ(นก บริพันธ์) พยานคนสำคัญ”
เผยรู้อยู่แล้วว่าวันนี้ครูปุ้มจะมาที่ศาลด้วย
“ทราบว่าเขาต้องมา เขาต้องมาสังเกตการณ์อยู่ดี ก็เลยไม่ได้รู้สึกตกใจที่เห็นเขามา ก็มีการโต้เถียงกันนิดหน่อย พอเป็นกระษัย (หัวเราะ) ก็เรื่องไม่รู้ใครถูกใครผิดอะไร เรื่องการไปโพสต์ในโซเชียล ซึ่งก็บอกเขาว่าไม่น่าไปโพสต์เลย เสียหายหมด เขาก็หัวเราะ เขาบอกไม่ได้เจตนา”
วันนี้การไกล่เกลี่ยไม่จบเพราะตกลงทรัพย์สินไม่ลงตัว
“ไกล่เกลี่ยตั้งแต่เช้ายันบ่ายโมง ท่านผู้พิพากษา พยายามจะไกล่เกลี่ยให้ได้ ผมก็บอกว่า ท่านครับ ผมตั้งใจมาหย่า ไม่ได้ตั้งใจมาไกล่เกลี่ย หรือว่าเลิกรา จะมาหย่าโดยเฉพาะเลย ไม่ต้องไกล่เกลี่ยครับ เสียเวลาเปล่า คือผมอยู่ด้วยกันไม่ได้ก็คืออยู่ไม่ได้ คนอยู่ด้วยกันไม่ได้ก็ต้องแยกทางกันเท่านั้นเอง อย่าไกล่เกลี่ยเลยครับ ผมก็บอกท่านผู้พิพากษาตรงๆ”
“เขา(ครูปุ้ม)ต้องการสมบัติ ทรัพย์สิน คือผมก็ยินยอมสุดๆ แล้วนะ เขาต้องการอะไรเราก็ให้มากกว่าอยู่แล้ว ส่วนแบ่งเราก็เอามาน้อยอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังไม่เอาอยู่ดี (แสดงว่าครูปุ้มต้องการส่วนแบ่งมากกว่านั้น?) ใช่ เขาต้องการมากกว่า คือจะเอาทั้งหมดเลย จะเอาลิขสิทธิ์เพลงผมด้วย แล้วเรื่องอะไรล่ะ ผมแต่งมาตั้งแต่หนุ่มจนแก่ จะมาเอาไปทั้งหมด เรื่องนี้ก็ยอมไม่ได้สิ ผมต้องการแบ่งทรัพย์สินให้ตามสมควร แล้วก็หย่าขาดจากกันเลย ต่างคนต่างไป หย่ากันดีๆ แล้วค่อยมาเผาผีกันใหม่ อย่ามาอาฆาตมาดร้ายกัน”
เชื่อที่ครูปุ้มต้องการทั้งหมดขนาดนั้นเพราะมีคนยุยงอยู่เบื้องหลัง
“ไม่รู้เขา ผมว่าเขามีแบ็คอยู่ข้างหลังมั้ง ก็เล่นตามบท (หมายถึงมีมือที่สามคอยยุยง? ใช่ๆ ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ จะใช่หรือเปล่าไม่รู้ ก็ไม่ว่ากัน”
ในส่วนของคดีไม่มีอะไรต้องกังวล
“ไม่กังวลหรอกครับ เพราะศาลคือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ยุติธรรม ก็ว่าไปตามเนื้อผ้า ไม่กังวล ทนายท่านไม่ได้บอกว่าชนะหรือไม่ชนะ ท่านก็ว่าไปตามรูปแบบของการว่าความ แต่โดยส่วนตัวผมมั่นใจมาก เพราะจากการให้การ ให้ปากคำเท่าที่ทนายซักผม ผมก็พูดไปเยอะพอสมควร พูดตรงประเด็นกับทางท่านผู้พิพากษา ท่านก็บอกว่าหัวข้อที่จะทำให้หย่าร้างกันก็คือด่าถึงบุพการีอะไรอย่างนี้เป็นต้น แล้วก็ด่ารุนแรง ทำให้เสียเกียรติ เสื่อมเสีย ก็บังเอิญเรื่องพวกนี้อยู่ในใบว่าความพอดี คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันตรงพอดี”
ยันไม่ได้หย่าเพื่อจะไปหาสาวรุ่นลูกที่ชื่อ “เกด”
“ก็ตามสายตาคนมองบางคนแหละ ไม่ใช่ทุกคนหรอก จริงๆ แล้วทุกอย่างไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอก ไม่ใช่ (ยืนยันว่าความสัมพันธ์ครูชลธีกับเกดไม่ใช่เรื่องชู้สาวเหรอ?) อันนี้ผมว่าดูกันเองก็รู้นะว่าไม่ใช่ ไม่มีปัญหาหรอกครับ คนเข้าใจผิดก็แล้วแต่ใครจะเข้าใจ แต่พวกเราอยู่กันอย่างพี่ อย่างน้อง”
ย้ำข่าวที่ว่าตนจะหย่ากับครูปุ้ม แล้วไปแต่งกับ
“เกด” นักข่าวเขียนเองตนไม่ได้พูด
“อันนี้นักข่าวเอาไปเขียนเอง ผมไม่ได้พูด (จะไม่มีการแต่งงานกันใช่มั้ย?) ไม่หรอก ตอนนี้ผมอยู่กับญาติของผม คนที่ดูแลผมก็มีแต่ญาติผมทั้งนั้นแหละ”
วันที่ 22 ต.ค. 63 เป็นทางฝ่ายครูปุ้มที่ต้องมาสืบพยานฝ่ายจำเลย งานนี้ครูชลธีเผยจะตามมาด้วย
“ผมก็ต้องมาสังเกตการณ์ว่าเขาพูดยังไงกันบ้าง เราก็นั่งดู เอาจริงๆ ผมไม่ต้องมาก็ได้ จากนั้นศาลท่านจะตัดสินวันไหนก็ต้องรอหน่อย (เห็นว่าครูปุ้มจะเอาลูกครูชลธีมาเป็นพยานด้วย?) ไม่ทราบครับ ผมยังไม่เจอลูกเลย ส่วนเรื่องที่ลูกเข้าข้างเขา(ครูปุ้ม) ผมไม่แปลกใจหรอก เพราะเด็กมันหัวอ่อน พูดยังไงมันก็ปลิวไปตามลิ้น ไม่แปลกใจหรอก เพราะลูกผมก็เป็นลูกผมอยู่ดี สายเลือดมันตัดไม่ได้ขายไม่ขาด เขาจะไปเป็นพยานให้ใครมันเรื่องของเขาครับ”
ขณะที่ “นก บริพันธ์” ในฐานะพยานให้กับครูชลธี เปิดเผยว่า...
“เมื่อสัปดาห์ก่อน ผมได้พบกับครูชลธี ธารทอง ในวันบันทึกเทปรายการ ชุมทางดาวทอง ที่สตูดิโอช่อง 7 ครูชลธีได้มานั่งปรับทุกข์ถึงกรณีฟ้องหย่าภรรยา โดยครูชลธีขอให้ผมที่อยู่ในที่เกิดเหตุช่วยเป็นพยานยืนยันว่า ในวันงานคอนเสิร์ต 8 ทศวรรษฯ ปี 2561 นั้น ครูชลธีได้ถูกภรรยาชวนทะเลาะ ด่าทอต่อหน้าลูกศิษย์และศิลปินที่มาร่วมงานจริง ยืนยันว่าผมไม่ได้ออกโรงเพื่อมาปกป้องครูชลธีเพราะได้รับผลประโยชน์ใดๆ ลิขสิทธิ์เพลงที่นำมาใช้ในรายการผมก็จ่ายค่าลิขสิทธิ์เต็ม”
“เรื่องของครูชลธี ผมแยกเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งคือ หน้าที่การงาน ครูชลธีท่านมีความสามารถด้านการแต่งเพลง จนได้รับเกียรติการยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ เป็นครูเพลงที่ลูกศิษย์ศิลปินเคารพรัก ท่านไม่ควรถูกด่าทอทำร้ายร่างกายในที่สาธารณะ ซึ่งถ้าเป็นเหตุสามีภรรยาด่าทอทะเลาะกันที่บ้านผมจะไม่ยุ่งเลย ส่วนสองคือ ความรัก ผมไม่ได้ยุให้สามี-ภรรยาเลิกกัน แต่เมื่อหมดรักไม่อาจจะอยู่ร่วมกันได้แล้วก็ควรให้อิสระต่อกัน ส่วนการเจรจาแบ่งทรัพย์สินนั้นผมไม่ขอยุ่ง ปล่อยให้เป็นเรื่องของทั้งสองท่านที่จะตกลงกัน”
สำหรับครูชลธีและครูปุ้ม มีปัญหาคาราคาซังกันมานานหลายปี ซึ่งครูปุ้มเคยออกมาแฉว่าครูชลธีไปคบเด็กคราวลูกที่ชื่อ น.ส.สกุลนัฐธิดา แจ้งประสงค์ หรือ เกด อายุ 30 ปี ก่อนที่ครูชลธีจะออกมาโต้กลับว่าไม่เป็นความจริง ความสัมพันธ์กับเกดเป็นแค่ครูกับศิษย์เท่านั้น พร้อมเผยตนโดนครูปุ้มทำร้ายจนเลือดออกเป็นขันๆ เรียกว่าซัดกันไปมาจนปัญหาบานปลาย จนนำมาสู่การฟ้องร้องดังกล่าว
Advertisement