จากกรณีเหตุท่อก๊าซระเบิดที่ ต.เปร็ง อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ จนทำให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเรือนบริเวณโดยรอบรัศมีกว่า 800 เมตร ซึ่งมีผู้บาดเจ็บ 62 ราย เสียชีวิต 3 ราย
ในที่เกิดเหตุพบว่าเป็นท่อส่งก๊าซขนาดใหญ่ที่ฝังอยู่ใต้ดิน ได้เกิดระเบิดขึ้นทำให้ไฟลุกไหม้บ้านเรือนประชาชนที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง ได้รับความเสียหายกว่า 10 หลังคาเรือน ทรัพย์สินได้รับความเสียหายจำนวนมาก
วันที่ 23 ต.ค. 63 ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสภาวิศวกรเเห่งประเทศไทย เดินทางลงพื้นที่มาตรวจสอบ กล่าวว่า ท่อส่งก๊าซของ ปตท. ถือว่าได้มาตรฐาน วางตามเเนวของสายไฟฟ้าเเรงสูง ตามภาพที่เห็นมีการระเบิดด้านบน เเสดงให้เห็นว่าในท่อมีเเรงดันสูงมากในการส่งก๊าซไปยังที่ต่าง ๆ ซึ่งเหตุที่เกิดขึ้นยังไม่สามารถระบุสาเหตุได้ จากภาพที่ปรากฎเปลวไฟขนาดใหญ่ลุกโชนอยู่บนอากาศ เนื่องจากก๊าซที่มีน้ำหนักเบา ได้พุ่งขึ้นไปกระทบกับสายไฟฟ้าเเรงสูง ทำให้กิดประกายไฟลุก
โดยปกติการวางท่อนี้จะต้องเป็นเขตพื้นที่ปลอดภัย ไม่มีที่อยู่อาศัยหรือการขุดเจาะ เเต่กรณีนี้ไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดอะไรขึ้น ปตท. ต้องหาคำตอบให้ได้ 3 ข้อ คือ
1. อายุการใช้งานจองท่อเเละความชำรุดของอุปกรณ์
2. สิ่งที่ไปกระทบทำให้ท่อเกิดความฉีกขาดมาจากสาเหตุใด
3. กระทรวงพลังงานและผู้ที่เกี่ยวข้อง ต้องออกมาเปิดเผยว่าลักษะท่อแบบนี้ ในประเทศไทยมีการวางอยู่จุดใดบ้าง มีการบำรุงรักษาอย่างไร และมีการป้องกันอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยเเบบนี้
ด้าน นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด กล่าวว่า ตนขอแสดงความเสียใจกับผู้สูญเสีย ซึ่งมาตรการหลังจากเกิดเหตุ มีการปิดพื้นที่ปิดวาล์วส่งก๊าซทั้งหมด ตอนนี้จึงไม่มีก๊าซเข้ามาเพิ่มแล้ว ขณะเดียวกันก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่วัดปริมาณแก๊สในพื้นที่ และพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปะทุขึ้นอีก สาเหตุต้องรอผู้เชี่ยวชาญมาวิเคราะห์อีกครั้ง ส่วนในเรื่องการเยียวยา ได้ส่งทีมงานสำรวจความเสียหาย จะเยียวยาทั้งบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเสียจนไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ จะซ่อมแซมให้ และจัดหาที่อยู่ที่เหมาะสมระหว่างซ่อมเเซม
สำหรับการรับผิดชอบ ในส่วนของผู้เสียชีวิต จะเยียวยารายละ 5,000,000 บาท, ผู้ป่วยสาหัสรายละ 500,000 บาท, ผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษาตัวที่โรงพยาบาล รายละ 200,000 บาท, ผู้ป่วยที่กลับบ้านได้ รายละ 50,000 บาท