กรณีเจ้าหน้าที่เรือนจำ จ.นนทบุรี เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ชาตรี ศรีไชยเดช รอง สว.(สอบสวน) สภ.รัตนาธิเบศร์ อ.เมืองนนทบุรี ว่านายชัยพร เขียวสะอาด หรือ บี อายุ 37 ปี ชาวบ้าน ต.บางคูรัด อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ผู้ต้องขังของเรือนจำ จังหวัดนนทบุรี โดยถูกคุมขัง อยู่ในเรือนจำจังหวัดนนทบุรี ได้หลบหนีขณะรักษาตัวผ่าตัดไว้ติ่งที่ รพ.พระนั่งเกล้า อ.เมืองนนทบุรี
โดยวันที่ 19 ต.ค.63 นายชัยพร ได้ป่วยไส้ติ่งแตก เจ้าหน้าที่เรือนจำ ได้นำตัวส่ง รพ.พระนั่งเกล้า ผ่าตัดรักษาและนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ เรือนจำจังหวัดนนทบุรี เฝ้าตลอด 24 ชม. และใส่โซ่ตรวนข้อเท้าทั้ง 2 ข้างล็อกติดไว้กับเตียง
กระทั่งเวลา 03.30 น. วันที่ 22 ต.ค.63 นายชัยพร ได้อาศัยจังหวะเจ้าหน้าที่เรือนจำสับเปลี่ยนเวร หลบหนีออกจากโรง พยาบาล จึงได้เข้าแจ้งความและประสานเจ้า หน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ เพื่อให้ช่วยติดตาม ตัวจับกุมนายชัยพร ผู้ต้องหา เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เคยจับกุมตัวนายชัยพร ก่อนหน้านี้
ถัดมาวันที่ 23 ต.ค.63 ตำรวจสืบทราบว่านายชัยพร ได้หลบซ่อนตัวอยู่แถวซอยงามวงศ์วาน 47 แยก 38 แขวงทุ่ง 2 ห้องเขตหลักสี่ กรุงเทพฯ จึงได้นำกำลังเข้าจับกุม แต่นายชัยพรไหวตัวทันวิ่งหลบหนีเข้าป่ากก เจ้าหน้าที่เรือนจำและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังปิดล้อมจนสามารถจับกุมตัวนายชัยพร โดยใช้เวลาร่วม 1 ชม. เพราะนายชัยพรมีปืนอยู่ในมือ
หลังจับกุม นายชัยพร รับสารภาพว่า หลังจากหลบหนีได้เดินทางไปขอเงินน.ส.อร ลูกสาว อายุ 19 ปี ในพื้นที่แขวงตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ จำนวน 1,000 บาท หลังจากนั้นได้ไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนและญาติ แต่ถูกปฏิเสธจึงมาหลบอยู่ในซอยดังกล่าว จนมาเจอตำรวจขณะกำลังเดินมาซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อได้วิ่งหนีเข้าไปซ่อนตัวในป่ากก แต่หนีไม่รอดถูกเจ้าหน้าที่จับกุมในที่สุด
ล่าสุดวันนี้ 24 ต.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปพูดคุยกับ นายเอม อายุ 20 ปี พี่ชายคนละพ่อของ น.ส.อร บอกว่า วันเกิดเหตุได้รับแจ้งจากทางเรือนจำว่า นายชัยพร ผู้เป็นพ่อ ป่วยเข้ารับการผ่าตัด จึงได้เดินทางไปเยี่ยมในวันที่ 20 ต.ค.63 ก็ไม่พบว่าผิดสังเกตหรือพ่อจะหลบหนี
กระทั่ง เวลา 04.00 น. วันที่ 22 ต.ค.63 นายชัยพร ได้นั่งแท็กซี่มาหาน้องอรที่บ้านพัก สวมเสื้อยืดสีดำ สวมกางเกงของโรงพยาบาลเข้ามาหา ที่ข้อเท้าทั้ง 2 ข้างยังมีโซ่ตรวนอยู่ เพียงแต่โซ่ถูกตัดออกจากกันแล้ว ตอนนั้นน้องอรมาเรียกตน เห็นนายชัยพร มือข้างหนึ่งถือโซ่เดินไม่ถนัด มาขอเงินตนกับน้องอร จึงให้ไป 1,000 บาท จากนั้นนายชัยพร ก็ไปหยิบกางเกงยีนส์ของชาวบ้านที่ตากอยู่ไปเปลี่ยน แล้วก็ขึ้นรถแท็กซี่หนีไป ตนยืนยันไม่ยุ่งเกี่ยวกันนานแล้ว ไม่มีใครอยากยุ่ง เพราะนายชัยพร สร้างแต่คดี จึงต่างคนต่างอยู่ดีกว่า
นอกจากนี้ ทีมข่าวทราบว่าหลัง นายชัยพร ไปพบลูกสาว แล้ว เวลา 08.30 น. นายชัยพร ได้นั่งแท็กซี่มาที่บ้านน้าชายที่นับถือกัน ในเขตพื้นที่แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ และได้ขโมยโทรศัพท์หลบหนีไป
ทีมข่าวจึงลงพื้นที่ไปพบกับ นายปราโมท แสงสี อายุ 66 ปี ที่อยู่บ้านเดียวกับ นายจำนงค์ คนที่นายชัยพรมาหา บอกกับทีมข่าวว่า นายจำนงค์ไม่อยู่ แต่วันที่ 22 ต.ค.63 ที่ผ่านมา ตนและนายจำนงค์ออกไปวัด ไม่มีใครอยู่บ้าน และไม่ได้ล็อกบ้านไว้ นายชัยพร จึงอาศัยขึ้นไปหยิบมือถือนายจำนงค์ ที่วางไว้บนห้อง และหลบหนีไป
นายปราโมท บอกว่า นายชัยพร เคยเป็นเด็กที่แขวงวัดอรุณมาก่อน จากนั้นย้ายไปอยู่ที่อื่น 20 ปี และจะไป ๆ มา ๆ เท่าที่ตนรู้จักและเห็นนายชัยพรมาตั้งแต่ยังเด็ก นายชัยพรมีประวัติลักขโมยของมาตลอด
สำหรับนายชัยพร เป็นผู้ต้องหาสำคัญที่เป็นข่าวโด่งดังในคดีลักทรัพย์ในห้องพักครู โรงเรียนวัดละหาร ต.ละหาร อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ได้ทรัพย์สินไปเป็นทองรูปพรรณ เครื่องเพชร เงินสด รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท และถูกจับกุมตัวได้วันที่ 31 ส.ค.63 ก่อนถูกนำตัวส่งฟ้องศาลก่อนถูกนำตัวเข้าเรือนจำจังหวัดนนทบุรี ไปเมื่อวันที่ 1 ก.ย.63 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้นายชัยพร ยังมีประวัติก่อเหตุลักทรัพย์บ้านพักครู และเพิ่งพ้นโทษออกจากเรือนจำ จ.นครปฐม เมื่อเดือนก.ค.63 ภายหลังตระเวนก่อเหตุพื้นที่หลาย โดยถูกศาลตัดสินจำคุก 8 ปี กระทั่งมาหนีออกจากโรงพยาบาลขณะพักรักษาตัวหลังผ่าตัดไส้ติ่ง ก่อนจะถูกตามจับได้ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ ได้ควบคุมตัวนายชัยพรไปฝากขังที่ศาล จ.นนทบุรี โดยยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเนื่องจากคดีเก่าศาลยังไม่ได้ตัดสิน แต่นายชัยพร มาป่วยไส้ติ่งแตกเสียก่อน จนมาเกิดเรื่องหลบหนีขึ้น ขณะนี้สถานะนายชัยพร คือ "ผู้ต้องขัง" ยังไม่เรียก "ผู้ต้องหา"
โดยคดีเดิมที่ค้างอยู่ คือ ข้อหาลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด เพื่อการพา ทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม