จากกรณี พ.ต.ท.สำราญ สุขโต รอง สว.สส. สภ.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งจากเรือประมงพบศพลอยทะเลบริเวณเกาะคราม ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ห่างออกจากชายฝั่งไปประมาณ 20 ไมล์ทะเล ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 24 ต.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อพูดคุยกับ นายประยุทธ ทั่งทอง พ่อของนายกอล์ฟ ผู้สูญหาย กล่าวว่า เมื่อวันที่พบศพปริศนาที่เกาะคราม ตนก็ได้ไปดูศพด้วยตัวเอง และตนก็คาดว่าศพดังกล่าวน่าจะเป็นศพลูกชาย เนื่องจากศพมีเชือกสีแดง คล้ายเชือกคาดตระกรุดที่ลูกชายเคยสวมติดเอวตอนมีชีวิต แต่ตนก็ยังไม่ยืนยัน 100% เนื่องจากตนต้องรอผลตรวจดีเอ็นเอที่จัดเชนอีกครั้ง
ทั้งนี้ตนก็ไม่ทราบว่าลูกชายเคยมีปัญหากับคนในอู่เรือหรือไม่ เพราะลูกชายดพิ่งไปซ่อมเรือที่อู่ดังกล่าวได้ประมาณ 15 วัน ตนอยากขอบคุณทีมข่าวที่มาติดตามคดีของลูกชาย เพราะไม่อย่างนั้นคดีคงเงียบแน่นอน ก่อนหน้านี้ตนเคยบอกถึงลูกชายว่า "ถ้ามึงเฮี้ยนจริง ให้มึงกลับมาหาพ่อ" กระทั่งมาเจอศพปริศนาที่เกาะคราม เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา
สำหรับภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณทางเข้าอู่ซ่อมเรือ ห่างจากอู่เรือประมาณ 50 เมตรที่จับภาพนายกอล์ฟเดินเข้าอู่เรือวันที่ 1 ต.ค.63 เวลา 01.26 น. แต่ไม่เห็นนายกอล์ฟ เดินออกมาจากอู่นั้น ตนคิดว่าลูกชายของตนน่าจะถูกฆาตกรรมบริเวณอู่ซ่อมเรือ เพราะปกติลูกชายจะเป็นคนที่ไม่ทิ้งโทรศัพท์ จะพกติดตัวเสมอ
นายประยุทธ เล่าต่อว่า ก่อนหน้านี้นายกอล์ฟ เคยมีประวัติเสพยาเสพติดจริง แต่เขาได้สัญญากับตนแล้วว่า เขาจะไม่เสพยาเสพติดอีก และตนก็เชื่อว่าลูกชายตนไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีกแล้ว สำหรับลูกชายตนเป็นคนที่ดีกับเพื่อน ๆ เพื่อน ๆ ของลูกชายจะรักเขาทุกคน ที่ผ่านมาลูกชายตนก็ไม่เคยหายไปนานแบบนี้
ทีมข่าวได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดที่หน้าอู่ซ่อมเรือให้นายประยุทธดู ได้คำตอบว่า น่าจะเป็นนายกอล์ฟลูกชายตนเอง ที่นายบี เพื่อนสาวประเภทสองมาส่งกลับจากเที่ยวสถานบันเทิง และในคลิปลูกชายมีลักษณะเดินคล้ายคนเมา ผ่านกล้องเข้าไปในอู่ซ่อมเรือ ซึ่งกล้องตัวดังกล่าวอยู่ห่างจากประตูเข้าอู่เรือ ประมาณ 50 เมตร
หลังจากลูกชายหายตัวไป ตนได้ไปไล่ดูกล้องตัวดังกล่าวแล้ว ซึ่งไล่ตั้งแต่เวลา 02.00 น. ไปจนถึง 05.00 น. และเวลา 05.00 น. ไปจนถึง 06.00 น. ของวันที่ 1 ต.ค.63 ก็ไม่เห็นมีใครเดินออกมาจากอู่ซ่อมเรือดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งตนก็แปลกใจว่าทำไมถึงไม่มีภาพนายกอล์ฟเดินออกมา ตนจึงคิดว่าลูกชายน่าจะถูกฆาตกรรมโยนทะเลหรือไม่
นอกจากนี้ ตนก็ได้สอบถามแม่ค้าที่อยู่หน้าอู่ ซึ่งแม่ค้าคนดังกล่าวก็บอกกับตนว่า เขาเปิดร้านเวลา 05.00 - 07.00 น. ก็ไม่เห็นนายกอล์ฟเดินออกมาหน้าอู่ ซึ่งบริเวณร้านก็เป็นทางเข้า-ออกทางเดียว และถ้านายกอล์ฟเดินผ่านแม่ค้ารายนี้ เขาจะทักทายแม่ค้าทุกครั้งอีกด้วย
ทั้งนี้ถ้าผลตรวจดีเอ็นเอ ออกมาว่าศพดังกล่าวเป็นนายกอล์ฟจริง ๆ ตนเชื่อว่าลูกชายตนถูกฆาตกรรมแน่นอน เนื่องจากลักษณะโครงกระดูกที่แขนขาด ศีรษะขาดเหมือนกับถูกตัด
ทีมข่าวได้สอบถามข้อมูลเจ้าของกล้องวงจรปิดดังกล่าว ทราบว่า กล้องที่บันทึกภาพนายกอล์ฟขณะเดินเข้าอู่ซ่อมเรือ เวลา 01.26 ของวันที่ 1 ต.ค.63 ที่ผ่านมานั้น พิกัดกล้องที่อยู่ห่างจากอู่ซ่อมเรือ 50 เมตร และตอนนี้ภาพจากกล้องวงจรปิดได้ถูกลบออกโดยอัตโนมัติแล้ว เนื่องจากไฟล์ภาพสามารถบันทึกได้เพียง 15 วัน
จากการสอบถามข้อมูลนายพัน เพื่อนร่วมงานของผู้สูญหายที่อู่ซ่อมเรือ ให้ข้อมูลว่า ลักษณะการจอดเรือในวันที่เกิดเหตุ เรือของนายกอล์ฟจะจอดลำแรกติดอู่เรือ ถัดมาเป็นเรือของนายพันเป็นลำดับที่ 2 ที่อยู่ตรงกลาง และลำดับที่ 3 เป็นเรือของนายจ่อย
โดยเรือทั้ง 3 ลำจอดในลักษณะติดกัน จากระยะห่างการนอนในเรือนายพันจะอยู่ห่างกับนายกอล์ฟ 1.5 เมตร โดยที่เรือจอดติดกัน และจากระยะสายตา ถ้านายกอล์ฟลุกเดินออกจากเรือไปที่ด้านหน้าอู่ ถ้านายพันไม่นอนหลับ นายพันจะมองเห็นนายกอล์ฟในระดับสายตาได้
ทั้งนี้จากที่เรือทั้ง 3 ลำจอดติดกัน ถ้ามีคนใดคนหนึ่งลุกขึ้นยืน หรือเคลื่อนไหวในเรือ เรือลำอื่น ๆ จะรู้สึกตัวได้อย่างชัดเจน เนื่องจากการเคลื่อนไหวของคนจะทำให้น้ำทะเลเกิดคลื่น หรือเกิดการเคลื่อนไหว สั่นไหว คนที่อยู่เรือลำอื่น ๆ จึงรู้สึกได้ว่ามีใครเคลื่อนไหวในขณะนั้น
ส่วนความคืบหน้าทางคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองระยอง ให้ข้อมูลว่า อาจมีการเรียกตัวเพื่อนร่วมงานของนายกอล์ฟ ผู้สูญหายมาสอบปากคำเพิ่มเติม และวันที่ 26 ต.ค.63 เจ้าหน้าที่จะทำเรื่องส่งตัวนายประยุทธ พ่อของผู้สูญหายไปตรวจดีเอ็นเอ ที่ รพ. ตำรวจ กรุงเทพฯ ต่อไป