เป็นอีกหนึ่งคนที่อุทิศตัวให้กับเรื่องสิ่งแวดล้อมหนุ่ม "โตโน่ ภาคิน" ล่าสุดที่เพิ่งปิดโปรเจกต์ไปก็คือการว่ายน้ำตัวเปล่าข้าม 12 เกาะ ONE MAN & THE SEA หนึ่งคนว่าย หลายคนช่วย เพื่อหาเงินซื้ออุปกรณ์การแพทย์และเครื่องมือแพทย์ในการช่วยเหลือสัตว์ทะเลและโรงพยาบาลริมชายฝั่ง ซึ่งของที่ได้จากนำเงินบริจาคไปซื้อถึงมือของ "โตโน่" เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- “โตโน่” พักโครงการ ONE MAN & THE SEA ชั่วคราว เผยยอดบริจาคแตะ 2.5 ล้านบาท
- เก็บรักษ์ “โตโน่” เข้าป่าเก็บขยะพลาสติกในเขตห้ามล่าสัตว์ป่า..!!
ล่าสุดวันนี้เจอหนุ่ม "โตโน่ ภาคิน" ก็เลยเข้าไปอัปเดต เจ้าตัวก็เผยว่า ตอนนี้ของมาถึงแค่บางส่วน โดยของที่ได้มาล็อตนี้ตนจะนำไปมอบให้กับศูนย์สัตว์ทะเลหายากฝั่งอ่าวไทย ที่จ.ระยอง
ก่อนหน้าที่ตนจะเข้ามาช่วยเหลือ ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามันมีเครื่องเลเซอร์ที่เอาไว้สมานแผลสัตว์ทะเล แค่ 1 เครื่อง อีกทั้งรถพยาบาลที่เอาไว้ดูแลสัตว์ทะเลโดยตรงก็ไม่มีเลย แต่พอตนเข้ามา ตนสามารถซื้อเครื่องเลเซอร์ได้เพิ่มอีก 3 เครื่อง และรถอีก 2 คัน รวมไปถึงเครื่องผ่าตัดหัวใจ เครื่องเอ็กซเรย์ เตาเผา ตู้เย็นที่เอาไว้เก็บอาหารสัตว์ หรือแม้กระทั่งเรื่องของโซล่าเซลล์ที่เอาไว้อนุบาลพวกเต่าทะเลบนเกาะ ตนก็สามารถหาให้ได้
ถามว่าตรงตามเป้าหมาย หนุ่มโตโน่ ยอมรับว่า แอบเสียดายที่ไม่ได้ว่ายเต็มเวลาทั้งหมด 18 วัน ไม่งั้นคงจะได้เงินบริจาคเยอะกว่านี้ ซึ่งตนว่ายแค่ 5 วัน ได้ 15 ล้าน ก็เลยคิดว่าถ้าเหนื่อยขึ้นกว่านี้อีกสองเท่ามันก็น่าจะได้เยอะกว่านี้ แต่ตนก็เข้าใจได้กับสถานการณ์โควิดในช่วงนั้น โดยตนจะสานต่อโครงการนี้ต่อไป แต่อาจจะเริ่มอีกทีในปี 65 เพราะปีนี้และปีหน้างานแน่นมาก ทำงาน 7 วัน
“มาถึงบางส่วนครับ ทั้งหมดน่าจะแบ่งเป็นประมาณ 3 ครั้ง ครั้งนี้เราจะไปมอบให้กับศูนย์สัตว์ทะเลหายากฝั่งอ่าวไทย ที่จ.ระยองครับ ก็ดีใจครับ ผมขอบคุณทุกคนมากเลย ถึงแม้ว่าจะว่ายไปได้ 5 วันแล้วเจอโควิด แต่ว่าเงินบริจาคของทุกคนมันช่วยให้เราซื้อเครื่องให้กับสัตว์ทะเลเหล่านี้ได้แทบจะทุกอย่างที่จำเป็น ที่เขาต้องการอย่างเร่งด่วน”
ได้มากี่เครื่อง ?
“ถ้าหลัก ๆ เท่าที่จำได้ แต่เดิมเรามีเครื่องเลเซอร์ที่เอาไว้สมานแผลสัตว์ทะเล ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน เรามีแค่เครื่องเดียว เพราะฉะนั้นเราจะหาเพิ่มให้ได้อีก 3 เครื่อง หรือรถพยาบาลที่เอาไว้ดูแลสัตว์ทะเลโดยตรง เราไม่มีเลย ครั้งนี้เราอาจจะหาให้ได้อีก 2 คัน และเครื่องผ้าตัดหัวใจ เครื่องเอ็กซเรย์ เตาเผา ตู้เย็นที่เอาไว้เก็บอาหารสัตว์ หรือแม้กระทั่งเรื่องของโซล่าเซลล์ที่เอาไว้อนุบาลพวกเต่าทะเลบนเกาะ ก็สามารถหาให้ได้ ขอบคุณทุกคนมากๆ เลยครับ”
สมดังเป้าหมายที่เราหวังไว้เลยใช่มั้ย ?
“ผมเสียดายที่เราไม่ได้ว่ายเต็มเวลา เพราะถ้าว่ายเต็มเวลาเราคงช่วยได้มากกว่านี้ แต่เราก็เข้าใจได้ว่านั่นคือกฎหมาย นั่นคือพรก.ฉุกเฉินที่ออกมาในเรื่องของโควิดในตอนนั้น แต่แค่นั้นเราก็ได้เห็นแล้วถึงความใส่ใจ ถึงความมีน้ำใจของทุก ๆ คน เสียดายที่จบลงเร็วกว่าที่ตั้งไว้ แต่ดีใจที่ได้เริ่ม และดีใจที่ได้ช่วยครับ”
แสดงว่าในใจตั้งเป้าไว้อีกเป้าหนึ่งเลย ?
“จริง ๆ มันต้องว่าย 18 วันครับ มันถึงจะถึง แต่นี่เราว่ายไปได้แค่ 5 วัน แต่เราได้ 15 ล้าน ก็เลยคิดว่าถ้าเหนื่อยขึ้นกว่านี้อีกสองเท่ามันก็น่าจะได้เยอะกว่านี้ แต่เข้าใจได้กับสถานการณ์ครับ”
จะสานต่อโครงการนี้ยังไง ?
“ก็ตั้งใจนะ แต่จะเป็นจุดเดิมหรือจะเป็นจุดใหม่ก็คงต้องดูที่การวางแผนครับ แต่ปีหน้าคงไม่ได้ เพราะเราต้องถ่ายละคร ถ่ายหนัง คิวเต็มไปจนถึงปีหน้าแล้ว ดังนั้นถ้าเริ่มคงจะเป็นปี 65 ครับ”
แต่ก็ยังคงช่วยท้องทะเลอยู่ใช่มั้ย ?
“ใช่ ผมคิดว่าเขาก็ยังต้องการความช่วยเหลืออยู่ดีนะ ทำไมเราถึงมอบเลยไม่รอว่ายต่อให้จบก่อน เพราะผมก็มองว่าเขาก็ยังตายอยู่ทุกวัน คุณหมอ คุณพยาบาลเขาก็ยังต้องช่วยอยู่ตรงนั้น อะไรที่เราช่วยได้เลยก็ช่วยเลยไม่ต้องรอ"
จะมีแพลนไปมอบที่ไหนบ้าง ?
“ก็จะมีฝั่งอ่าวไทยคือระยองนะครับ แล้วก็มีฝั่งอันดามันคือที่จ.ภูเก็ต และมีโรงพยาบาลของคน ที่ช่วยคนตามชายฝั่งก็คือที่เกาะกูด ก็คือ 3 เป้าหมายหลักที่เราอยากจะช่วย ก็คือศูนย์สัตว์ทะเลหายากทั้งสองฝั่ง รวมถึงโรงพยาบาลเล็กๆ ตามเกาะและชายฝั่งที่บางทีเขาไม่มีอุปกรณ์ แล้วเวลาพ่อแม่พี่น้องเราเจ็บไข้ได้ป่วย ต้องนั่งเรือกว่าจะมาถึงแผ่นดินใหญ่ได้ต้องใช้เวลาหลายชม. หลายนาที ก็เลยคิดว่าเราพยายามช่วยให้ได้มากที่สุดครับ”
แสดงว่าจะมีการกระจายต่อไปด้วย ?
“ใช่ครับ ผมตั้งใจจะไปมอบด้วยตัวเองทุกครั้งนะครับ รวมถึงจะไปขอบคุณคุณหมอ คุณพยาบาลทั้งที่ดูแลสัตว์ทะเล รวมถึงที่ดูแลคนด้วย”
ทุกครั้งที่เราทำอะไรต่าง ๆ ก็มักจะเจออุปสรรคตลอด ?
“ผมว่าถ้าเราทำแล้วมันสามารถช่วยพวกเขาได้ไม่มากก็น้อย ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องหยุดเลย ไม่รู้จะหยุดทำไม ถ้าหยุดแล้วจะทำยังไง พวกเขาจะอยู่ยังไง แล้วคุณหมอ คุณพยาบาลก็เหนื่อยต่อไปเหรอ เวลาที่มีมาเรียมตายก็ได้แต่ร้องไห้เสียใจ โพสต์ระบายเหรอ ขอลงมือทำดีกว่า สำหรับผมคิดว่ามันตรงกว่าประโยคหรือคำพูดใดๆ ครับ”
ไม่มีวันล้มเลิกใช่มั้ย ?
“ผมก็จะทำจนกว่าเราจะไม่ไหวนะครับ มันก็หนักเหมือนกันนะ วันนั้นก็แทบหมดสภาพเหมือนกัน (ยิ้ม) แต่เราก็ฝึกซ้อมครับ อะไรที่เราเจ็บ ที่เราเหนื่อย เราก็มาเรียนรู้ว่าเราจะทำยังไงให้เราแข็งแรงขึ้น จุดอ่อนตรงไหนที่ผมต้องไปฝึกมากขึ้น มันก็ดีเหมือนกัน ส่วนระหว่างที่ฝึกกายไปก็ปลูกจิตสำนึกไปในตัวด้วยครับ”
ปีหน้าต้องทำงานทั้งปี จะมีไปช่วยเหลือแบบอื่นมั้ย ?
“จริง ๆ แล้วผมก็ตั้งใจนะ ที่คุยกับผู้จัดการก็คือต้องการจะเดินเก็บขยะต่อไปเรื่อย ๆ ให้ได้มากที่สุด แต่ดูจากคิวแล้วเดี๋ยวต้องวางแผนดี ๆ ครับ เพราะตอนนี้มัน 7 วันเลยครับ มันไม่ใช่แค่ถ่ายละครกับหนัง แต่มันมีอัลบั้มด้วยที่จะต้องปล่อย รวมถึงละครเขาก็ต้องการกล้ามเนื้อที่ชัด มันก็ต้องหาเวลาฟิตเนสอีก ก็ต้องแบ่งเวลาครับ พยายามอยู่ครับ”
มีภาพ 3 คน โตโน่ - กัน- ริท รวมตัวกัน ?
“ผมไม่รู้ว่าเขาให้พูดหรือยังนะ แต่ในความคิดผมก็มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นประมาณ 70-80% ครับ จริงๆ มีเสียงเรียกร้องทุกปีนะว่าอยากให้จัด แต่ว่ามีปีนี้แหละที่ได้มาเจอกันทั้ง 3 คน รวมถึงทีมงานทุก ๆ คนด้วย ก็รู้สึกว่ามีลุ้นครับ และการประชุมก็เป็นไปด้วยความสนุกและอบอุ่น เพราะไม่ใช่แค่ "กันกับริท" นะครับ แต่เราได้เจอกับพี่ ๆ ทุกคนที่สร้างเรามา พี่บางคนที่ไปเดินรับสมัครเดอะสตาร์ พี่ๆ ทีมงานเอ็กท์แซ็ก มันรู้สึกอบอุ่น คิดถึง เพราะว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตัวเองก็ไปมาเยอะ ไปเล่นคอนเสิร์ตที่นั่นที่นี่ ไปถ่ายละคร ถ่ายหนัง ครั้งนี้จะได้กลับมาที่บ้าน ได้มาเจอกับน้อง ๆ ก็รู้สึกตื่นเต้นครับ”
ได้คุยอะไรกันบ้าง ?
“กับกันนี่จะได้คุยบ่อย เพราะกันจะไปเตะบอลกับเราด้วยก่อนที่ละครกับหนังยังไม่เปิด เราก็จะลดไขมันด้วยการเตะบอล ก็จะได้เจอกับกันเรื่อยๆ จนมาล่าสุดที่ได้มาเจอพร้อมกันทั้ง 3 คน”
กับ "ริท" เจอน้อยใช่มั้ย ?
“ไม่ได้เจอนานมากเลย เพราะได้ยินว่าริทไปเปิดคลินิค”
ใครที่เป็นแฟน ๆ ก็รอลุ้นโปรเจ็คนี้ได้เลย ?
“ครับ ก็อยากให้ทุกคนมีความสุขนั่นแหละ เพราะตอนนี้ผมว่าเป็นสิ่งที่สำคัญนะ ความสุข กำลังใจ ความรัก ทุกๆ อย่างผมว่าเป็นสิ่งที่พวกเราควรจะให้กัน อาชีพของพวกเรา หน้าที่ของพวกเราคือการสร้างรอยยิ้ม สร้างเสียงหัวเราะ สร้างความสุขให้กับทุก ๆ คน เรามาทำหน้าที่นั้นให้เต็มที่กันเถอะครับ”
