สืบเนื่องจากกรณีที่มีดราม่าเกิดขึ้นกับ "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" หลังออกมาแสดงจุดยืนปกป้องสถาบัน พร้อมตำหนิการกระทำของกลุ่มคณะราษฎร จากเหตุการณ์ที่ไปขัดขวางขบวนเสด็จแล้วชูนิ้วเดียวใส่ หลังจากนั้นทัวร์ลง ชาวโซเชียลบางส่วนที่รักประชาธิปไตยไม่เห็นด้วย กระทั่ง "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" ประกาศผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ ขอลาออกจากการเป็นอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู และรวมพลังคนรักสถาบันยืนหยัดขัดขวางคนจาบจ้วง
วันที่ 27 ต.ค. 63 มาเรียม อับดุลเลาะ อายุ 34 ปี กรรมการชุมชนวัดบรมนิวาส แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน ที่ "ท็อป-คุณไทด์" เคยลงพื้นที่ช่วยเหลือในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา บอกว่า ในชุมชนมีประมาณ 250 ครัวเรือน รวม 500 คน ในตอนนั้นทั้งคู่ได้มอบเงินสดให้ครัวเรือนละ 500 บาท ผู้ป่วยคนละ 1,000 บาท พร้อมมอบถุงยังชีพให้กับชาวบ้าน ข้าวสารอาหารแห้ง น้ำดื่ม ยาสามัญประจำบ้าน รอบที่ 2 ก็เข้ามามอบเงินให้กับเด็กคนละ 200 บาท ประมาณ 50 คน
ช่วงที่ทั้งคู่พร้อมทีมงานลงมาช่วยเหลือ ตนและชาวบ้านต่างพากันรู้สึกดีใจมาก แต่เมื่อหลังจากเห็นกระแสโจมตีในคอมเมนต์อย่างหนัก ส่วนตัวแล้วก็รู้สึกสงสารมาก โดยเฉพาะช่วงที่ "พี่บิณฑ์" ออกมาไลฟ์ประกาศจะขอลาออกจากทีมมูลนิธิร่วมกตัญญู มีอยู่หลายช่วงที่ทำให้ตนแอบน้ำตาซึมตาม วันนี้อยากจะใช้พื้นที่ปกป้องทั้งคู่พร้อมให้กำลังใจ "สู้ ๆ เข้มแข็ง อย่าท้อนะพี่" แต่ใจหนึ่งก็คิดว่าทางที่ดีทั้งคู่ไม่น่าจะออกมาแสดงความคิดเห็นตั้งแต่แรก
คุณศิริพร ทักษ์ศิริ หรือ จุ๋ม อายุ 53 ปี อาชีพค้าขาย สมาชิกของชุมชนวัดบรมนิวาสวรวิหาร ย่านปทุมวัน ที่เคยได้รับเงินช่วยเหลือช่วงโควิด-19 เปิดใจว่า ตนยังจำได้ดีว่าตอนนั้นทั้ง 2 คน ให้เงิน ถุงยังชีพ ข้าวสารอาหารแห้ง อาหารเสริม ที่บ้านมีคนป่วย 1 คน ได้เงิน 1,000 บาทจากพี่บิณฑ์ ที่บ้านอยู่กันทั้งหมด 5 คน ได้เงิน 500 บาทจากพี่บิณฑ์
จากกระแสข่าวที่โดนโจมตีว่าจะไปตบเด็กชู 3 นิ้ว เป็นความคลาดเคลื่อนจนเกิดดราม่า ยอมรับว่าเพิ่งได้ดูข่าวว่าโดนโจมตีหลังออกมาปกป้องสถาบัน ตนสงสารเขามาก น้ำตาไหลไปกับเขาด้วย ตอนที่คุณบิณฑ์เขาร้องไห้ ไม่อยากให้คนดี ๆ ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ เพราะว่าได้ช่วยเหลือประชาชนมานาน สุดท้าย อยากฝากให้กำลังใจคุณบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ "สู้ ๆ อย่าท้อกับปัญหาชีวิตที่เกิดขึ้น พี่เป็นคนเก่งยังไงก็ต้องผ่านไปได้ด้วยดี ขอเป็นกำลังใจให้ เราเองขอสนับสนุนและติดตามผลงานทั้งคุณท็อป คุณไทด์ ตลอดไป"
สำหรับอดีตนักร้องรุ่นเก๋า "แสงสุรีย์ รุ่งโรจน์" อายุ 67 ปี ที่ได้รับเงินช่วยเหลือในช่วงสถานการณ์โควิด-19 รวม 3 ครั้ง เป็นจำนวน 30,000 บาท พร้อมข้าวสาร อาหารแห้งอีกเยอะมาก อีกทั้งคุณบิณฑ์อาสารีโนเวตบ้านใหม่ ด้วยการทุ่มงบส่วนตัวกว่า 200,000 บาท พร้อมกับการดำเนินยื่นเรื่องขอให้ตนเข้ารับการผ่าตัดรักษาต้อกระจกที่ดวงตาด้านขวาฟรี และช่วยรักษาโรคลำไส้ใหญ่อักเสบ โรคเบาหวานจนดีขึ้นเยอะมาก
นายแสงสุรีย์ บอกว่า กระแสโจมตีมายัง "เจ้านาย" ซึ่งเป็นชื่อที่ตนใช้เรียก"พี่ท็อป-พี่ไทด์" เพราะเชื่อว่าในชาติก่อนเคยมีความสัมพันธ์กันในลักษณะเจ้านายและลูกน้อง ถ้าฟังการสัมภาษณ์ดี ๆ ก็จะรู้ว่าทั้งคู่ไม่ได้จะตำหนิคนที่แสดงสัญลักษณ์ชู 3 นิ้วเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย แต่จริง ๆ แล้วน่าจะบอกว่าอยากเข้าไปทำโทษคนที่ชูนิ้วกลางขณะที่มีขบวนเสด็จฯ มากกว่า และเชื่อว่าด้วยนิสัยของทั้งคู่แล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำร้ายคนอื่น
ทั้งนี้ ตนอยากจะขอเป็นกำลังใจให้กับทั้งคู่ เพราะมองว่าตลอดที่ผ่านมาทั้ง 2 คนคอยช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยากมาโดยตลอด ที่สำคัญคืออยากจะให้ทั้งคู่เดินหน้าต่อสู้ช่วยเหลือคนอื่นต่อไป อย่าเพิ่งคิดน้อยใจ คิดท้อ แล้วเลือกที่จะหยุดทำสิ่งดี ๆ เหล่านี้ ก่อนที่จะขอฝากไปยังชาวเน็ตที่เข้ามาโจมตีว่าอยากให้เข้าใจใหม่ คาดว่าที่ทำให้เกิดเรื่องดราม่าขึ้นอาจจะมาจากการเข้าใจผิดมากกว่า