ยืนหนึ่งบนตำแหน่งเจ้าพ่อเพลงรำวงชาวบ้าน "พ่ออ๊อด โฟร์เอส" นักร้องและนักแต่งเพลงผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของนักร้องหลายๆ คนในวงการลูกทุ่งไทย ไม่ว่าจะไปงานไหน พ่ออ๊อด มักจะขนความสนุก ความสุขแบบจัดเต็ม แสง สี เสียงแบบอลังการงานสร้าง เช่นเดียวกัน เมื่อมาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ เจ้าตัวก็จัดเต็มสร้างสีสัน ทำสตูดิโอคึกคักด้วยเสียงเพลง พร้อมเล่ามรสุมชีวิตไม่มีวาสนาได้เป็นนักร้อง แถมเจอวิกฤตป่วยเป็นอัมพฤกษ์ แต่ลุกขึ้นสู้จนได้เป็นเจ้าพ่อรำวงชาวบ้านชื่อดังของเมืองไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "อุ้ย รวิวรรณ" จากจุดสูงสุดสู่คนถูกฟ้องล้มละลาย มีชีวิตใหม่ได้เพราะยึดหลักธรรมะ
- เปิดใจ "บอล เชิญยิ้ม" ถึงสัญญาใจที่มีต่อ "โรเบิร์ต สายควัน"
- "แซม ยุรนันท์" เคยหนีออกจากบ้าน เพราะอยากเข้าวงการบันเทิง!
- ปังไม่หยุด!! "เปา กิ่งกาญจน์" ปล่อยเพลงเร็วเพลงแรกในชีวิต คืนเดียวยอดวิวทะลุล้าน!!
- "หนุ่ม ศรราม" ไม่เคยเหนื่อยกับคำว่า "พ่อ" รอคำว่ารักจากปากลูกสาว
- "อิน บูโดกัน" เผยยอมให้สามีซื้อกินได้ แต่ห้ามเลี้ยงเป็นตัวเป็นตน!
- ดูเพลิงนางย้อนหลัง ละครแซบอมรินทร์ทีวี ที่นี่
ถาม ทำไมถึงได้มาเป็น เจ้าพ่อเชียร์รำวงชาวบ้านอันดับ 1 ของเมืองไทย
อ๊อด โฟร์เอส : เราได้เรียนรู้จากครูบาอาจารย์ที่เขาสอน เขาทำเอาไว้ แต่เราเป็นคนที่ทำให้เกิดกระแสรำวง เริ่มต้นคือเราไปที่เพชรบุรี ไปเป็นพิธีกร เขาก็มีรำวง เราก็ไปยืนดู ขึ้นไปรำกับเขา จุดประกายเรา เจอแล้ว เจอทางเดินของเราแล้ว เพราะอยากจะเป็นนักร้องลูกทุ่งมาหลายครั้ง แต่เราผิดหวังมาตลอด เป็นอะไรที่กดดัน เริ่มชีวิตจากชาวไร่ ชาวนา แบกไม้ ก็มาเจอเพื่อนๆ ด้วยกัน ชวนมาเล่นแตรวง เขาไม่รู้ว่าพ่อร้องเพลงเก่ง แต่บังเอิญแม่ครัวเขามาขอว่าเขาอยากฟัง พอเพื่อนได้ยินเสียงเราร้อง เขาก็บอกว่าให้เราไปทำหน้าที่ร้องอย่างเดียวเลย ตั้งแต่นั้นก็รับงานรำวง แห่นาค เป็นงานที่เพิ่มขึ้นมา ค่าตัวก็เท่าเดิมคือ 100
ถาม แต่ก่อนที่จะมายืนจุดนี้ เป็นนักแสดงตลกมาแล้ว
อ๊อด โฟร์เอส : พอเรามาเล่นแตรวง ปรากฏว่าไปเจอแม่บ้าน (ที่เป็นคู่ชีวิตของเรา) ตอนนั้นก็คุยกัน เธอก็จน ฉันก็จน เรามาอยู่ด้วยกันไหม มาร่วมกันตั้งคณะไหม ตกลงมาอยู่ด้วยกัน จากนั้นเราก็เข้ามาอยู่กรุงเทพ เข้ามาอยู่วงดนตรีลูกทุ่งวงแรกเลย สุรชัย โฟล์คซอง ด้วยความที่เราเป็นคนตกใจง่าย เป็นคนบ้าจี้ พอเขาเห็นเราเป็นคนบุคลิกแบบนี้ เลยเอามาเล่นตลกในวง พอวงหยุด รุ่นพี่ เราเขาก็ชวนเล่นตลกคาเฟ่ ตอนนั้นตลกฮอตมาก เริ่มจากตลกคณะเหรียญทอง แล้วก็มาเป็นลอยฟ้า แล้วก็มาอยู่กับชูศรี เชิญยิ้ม สีหนุ่ม เชิญยิ้ม และก่อนที่จะเลิกจากวงการตลก อยู่คณะตูมตาม เชิญยิ้ม
ถาม มีช่วงที่ พ่ออ๊อด ป่วยถึงขั้นเป็นอัมพฤกษ์
อ๊อด โฟร์เอส : เพราะเราไม่ค่อยได้พักผ่อน ไม่ได้นอนเลย ตอนนั้นขับรถไปเล่นตลกที่ลำปาง แล้วพาครอบครัวไปเที่ยวด้วย ช่วงนั้นเป็นช่วงสงกรานต์ เราก็ขึ้นไปหาคุณพ่อทุกปี พอรดน้ำดำหัวเรียบร้อย เราก็ดื่มน้ำปกติ แต่ความรู้สึกตอนนั้นคือหน้าชา ก็ลองตบหน้าตัวเองว่ายังไง เราเป็นอะไร แล้วก็ขับรถกลับกรุงเทพฯ เราขับมาได้ถึงนครปฐม แวะเข้าห้องน้ำ แล้วเราก็ดื่มน้ำ ทีนี้คือหน้าเบี้ยวไปทั้งแผงเลย หน้าชาไปหมดเลยตอนนั้น ตั้งแต่นั้นมาการพูดของเราก็ติดๆ ขัดๆ ตบมุกตลกไม่ลง
อ๊อด โฟร์เอส : ตอนนั้นอยู่กับเชิญยิ้ม เป็นช่วงที่เราเพิ่งซื้อรถใหม่ได้สองวัน กำลังนั่งกินข้าวอยู่ก่อนไปทำงาน แล้วผู้จัดการโทรมาหาเราว่ายุบวงแล้วนะ พอเราได้ฟังใจหายเลย เพราะว่าเราเพิ่งซื้อรถมาเอง พอเรารู้ว่าวงไม่มี ชีวิตเราต้องไปต่อ เราขายค้าเลย ลงทุนไปซื้อผักตามป่า ตามสวน ไปนั่งขายตลาดนัด เราก็นั่งขายตรงนี้ คนไปเดินแถบที่เราไม่ขาย แล้วพอเราย้ายไปขายอีกฝั่ง เขาก็มาเดินอีกฝั่งที่เราไม่ได้ขาย (หัวเราะ)
อ๊อด โฟร์เอส : เราก็มานั่งนึกถึงเพลง เราก็แต่งเพลงพอได้ เลยลองแต่งแล้วอัดเสียงไปเสนอค่ายดู 20 เพลง มีโอกาสได้คุย เราก็เล่าประวัติความเป็นมาของเราให้เขาฟัง ซึ่งตอนนั้นคือเราก็มีภาระหนี้สิน 6 เดือน ติดค่างวกรถ บ้านก็ติดธนาคาร ทางค่ายเพลงก็บอกเราว่าจะซื้อสัก 4 เพลง ด้วยความเมตตาของนายห้าง ไปๆ มาๆ เขาซื้อเพลงเรา 18 เพลง ตอนนั้นเพลงละ 5000 บาท ได้เงินกลับมาบ้าน 90000 บาท เป็นเงินก้อนแรกในชีวิตที่เรามีเงินเยอะ ได้มาจากสติปัญญาของเราเอง ทำให้เรารู้สึกปลื้มใจมาก เราก็เอาเงินไปเคลียร์รถ เคลียร์บ้านจบหมด แล้วที่เหลือเราก็เอามาลงทุนทำกับข้าวต่อ
ถาม แล้วอะไรที่พลิกผันทำให้กลายมาเป็นนักร้อง
อ๊อด โฟร์เอส : เราแต่งเพลงให้นักร้องชายร้อง แล้วเขาร้องไม่ได้ ชื่อเพลงว่า อุ้มหมอนตอนบวช แล้วทีนี้นายห้างเขาก็โทรมาหาเราว่าให้เราร้องเพลงชุดนี้ดีกว่า เราก็เข้าไปอัดร้อง 11 เพลง สองชั่วโมงครึ่ง ถ่าย MV เสร็จสรรพ พร้อมจะออก ปรากฏว่านายห้างโทรมา อ๊อด เพลง อุ้มหมอนฯ อย่าร้องเลย ให้ เอกชัย ศรีวิชัย ร้องเถอะ แต่เราเข้าใจเขานะ เพราะเขามองการณ์ไกล เราก็เข้าใจในเรื่องของการทำธุรกิจ แล้วคือในยุคนั้น นักร้องหล่อทั้งนั้น อย่าง ก๊อท จักรพันธ์ , ไชยา ฯลฯ แต่เราเตี้ยก็เตี้ย หล่อก็ไม่หล่อ อายุก็เยอะ เขากลัวขายไม่ได้ เราเข้าใจมันเป็นเรื่องของธุรกิจ พอจบจากตรงนั้น ก็พาลูกๆ หลานๆ ไปเต้นตามวงคนอื่นอย่างเดียว จนเราไปเจอรำวงที่เป็นทางเราแน่ ขับรถกลับมา เราก็นึกถึงนายห้างที่เขาไม่รู้จะเอาจุดไหนของเราเป็นจุดขาย เราคิดว่าถ้าเราเอาคำว่ารำวงออกสู่จอทีวีคนแรก คนที่จะได้รับความสุข คือคนที่เป็นรุ่นพ่อรุ่นแม่เรา เราก็ไปเสนอเขาเลยว่าเรามีโปรเจกต์งานอยู่งานหนึ่ง สนใจไหม ตอนนี้ รำวงมันมีนะ แต่ไม่เป็นกระแส ถ้าเราทำก่อน เราได้เปรียบ ถ้าเราออกสู่จอทีวีมันจะเป็นกระแส เขาก็บอกว่าใครจะร้อ งผมไง เราก็บอกเขาว่าช่วยทำให้ฝันเราเป็นจริงหน่อยได้ไหม ถ้าเราทำให้เขาเจ๊งขาดทุน เอาเราไปยิงทิ้งที่ไหนก็ได้ ยอมขายชีวิตเลย
อ๊อด โฟร์เอส : ตอนนั้นเขาก็ดูดวงของเรา ดูเองเลยว่าดวงเรากำลังมา ก็เรียกนักดนตรีมาเลย เราก็ขอเขาวางงานเอง เขาก็ให้ทำเลยเต็มที่ เราก็ได้สมหวังและได้ทำตามฝันที่เราอยากจะทำได้เสร็จ
Advertisement