วาทะเดือด! แม่ค้าตบนักเรียนไม่ยืนเคารพธงชาติ พยานเผยโดนด่าสวน “ไม่ใช่แม่” (คลิป)

จากกรณีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่ง โพสต์คลิปที่หญิงวัยกลางคนกำลังต่อว่านักเรียนหญิง 2 คน กลางสถานีรถไฟ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยตะโกนว่า "เป็นเด็กนักเรียนซะเปล่า ใส่ชุดนักเรียนเนี่ย" ซึ่งเจ้าของคลิปชี้แจงว่าหญิงในคลิปได้เข้าไปตบนักเรียน สาเหตุมาจากไม่ยืนเคารพธงชาติ เหตุเกิดที่สถานีรถไฟ จ.พระนครศรีอยุธยา

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

- ป้าตบเด็กได้กลับบ้าน! เพจดังระดมเงินช่วย ยอดทะลุ 1.8 หมื่น

- ส.ส.วิโรจน์ พรรคก้าวไกล ประสาน ตร.สางคดี ตบ นร.หญิงไม่ยืนเคารพธงชาติ

ล่าสุดวันที่ 28 ต.ค.63 ที่สถานีตำรวจภูธรพระนครศรีอยุธยา อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ป้ามือตบนักเรียนไม่ยืนเคารพธงชาติ เดินทางเข้ากราบขอโทษพ่อและลุงของนักเรียนผู้เสียหาย 

น.ส.ปู อายุ 45 ปี (สงวนนามสกุล) เปิดเผย เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น เกิดจากเพียงอารมณ์ชั่ววูบ เมื่อเห็นเด็กนักเรียนคนดังกล่าวไม่ยืนเคารพธงชาติ จึงได้เข้าไปสอบถามว่าเป็นคนไทยหรือเปล่า ทำไมถึงไม่เคารพธงชาติ แต่กลับโดนเด็กย้อนกลับว่าเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล ทำให้ตนโมโหเกิดอารมณ์ชั่ววูบ เดินเข้าไปทำร้ายร่างกายเด็กนักเรียนคนดังกล่าว

ทั้งนี้ตนยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ตนเป็นคนทำมาหากิน ไม่เคยเกี่ยวกับการเมือง เพียงแต่ฝังใจว่าตั้งแต่เล็กจนโตเกิดมาทุกคนก็ต้องยืนเคารพธงชาติ ซึ่งวันที่เกิดเหตุเด็กคนดังกล่าวไม่ได้ยืนเคารพธงชาติ ทำให้ตนไม่พอใจ และทุกครั้งที่เห็นใครไม่ยืนเคารพธงชาติ ตนก็จะถามทุกครั้ง ซึ่งหลังจากนี้ตนก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวอีก พร้อมยกมือไหว้ขอโทษพ่อและลุงของเด็กนักเรียนคนดังกล่าว ขอให้อภัยกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น และตนก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน 

ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายพิพัฒน์ โป่วตระกูล อายุ 39 ปี ลุงของ น.ส.แก้ม (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (27 ต.ค.63) ช่วงเย็นเพื่อนรุ่นพี่ของหลานสาวโทรศัพท์มาบอกว่า หลานถูกทำร้ายกำลังเดินทางไปสถานีตำรวจภูธรพระนครศรีอยุธยา ตนจึงตามไปสมทบ

โดยสอบถามหลานสาวทราบว่า เหตุเกิดช่วงเวลา 18.00 น. ซึ่งหลานกำลังนั่งรอรถไฟเพื่อเดินทางกลับบ้านที่บางปะอิน เมื่อเพลงชาติดังขึ้นหลานสาวไม่ได้ลุกขึ้นยืน เพราะปวดท้องประจำเดือน

จากนั้นคู่กรณีก็เข้ามาต่อว่าหลานสาวก็ตอบโต้ไปว่า เป็นสิทธิ์ของตัวเอง โดยไม่ได้บอกว่าเป็นประจำเดือน คู่กรณีจึงด่าไปถึงบุพการี จากนั้นจึงมีการโต้เถียงกัน จนคู่กรณีเข้ามาตบที่ใบหน้าหลานสาว 1 ครั้ง และกระชากผมทั้ง 2 ข้าง

โดยเมื่อวานนี้คู่กรณีก็เข้ามาที่สถานีตำรวจและมีการพูดคุยอธิบายเหตุผลกัน จนอีกฝ่ายยกมือไหว้ขอโทษตนกับหลานสาว ซึ่งตนคิดว่าน่าจะเป็นความเข้าใจผิดกัน ที่หลานตนไม่ยืนเพราะปวดท้องประจำเดือน ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการเมือง ตนก็ไม่อยากให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ แต่คิดว่าเหตุการณ์แบบนี้ไม่ควรเกิดกับใครทั้งสิ้น ต่อให้หลานสาวตนจะไม่ยืนด้วยสาเหตุใดอีกฝ่ายก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามาทำร้ายร่างกาย ทั้งนี้จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพื่อให้เป็นคดีตัวอย่าง ให้ทุกคนใช้สติกันให้มากขึ้น

ด้านพ.ต.อ.ประเวศ ศรีนาค ผกก.สภ.พระนครศรีอยุธยา ระบุว่า ขณะนี้กำลังสอบปากคำผู้เสียหาย และรอผลตรวจร่างกายจากแพทย์ เบื้องต้นผู้ก่อเหตุได้เข้ามาให้ปากคำและรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง ซึ่งหลังจากนี้จะเรียกมาแจ้งข้อหาทำร่างกายเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย

ทีมข่าวเดินทางมายังสถานีรถไฟพระนครศรีอยุธยา โดยจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณทางเดินระหว่างรางรถไฟ สอบถามนายเอ (นามสมมติ) เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย กล่าวว่า เมื่อวานนี้ช่วงเวลา 18.00 น. ขณะที่กำลังร้องเพลงชาติ ตนอยู่บริเวณเสาธง หน้าสถานีรถไฟเพื่อชักธงลงจากเสา และเก็บธงชาติ หลังจากนั้นเดินกลับไปที่ชานชลา ทราบว่ามีเหตุทะเลาะกัน แต่เหตุการณ์สงบแล้ว มีคนเข้าไปช่วยห้าม จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟได้เรียกทั้ง 2 ฝ่ายเข้าไปพูดคุยในห้อง ก่อนจะออกไปสถานีตำรวจเพื่อแจ้งความ

โดยตนไม่ทราบรายละเอียด เพราะไม่อยู่ในเหตุการณ์ แต่ปกติจะเห็นน.ส.แก้ม มารอขึ้นรถไฟเป็นประจำ ที่ผ่านมาก็เห็นว่ายืนเคารพธงชาติตามปกติ ส่วนน.ส.ปู ผู้ก่อเหตุ เป็นแม่ค้าขายโรตีสายไหมบนรถไฟ ซึ่งปกตินิสัยดี ไม่เคยด่าหรือหาเรื่องใคร ตั้งข้อสังเกตช่วงเกิดเหตุอาจจะเป็นช่วงอารมณ์หงุดหงิด หรือโมโหบางอย่างหรือไม่ ที่ผ่านมาผู้ที่อยู่บริเวณชานชาลาจะยืนตรงเคารพธงชาติทั้งหมด หากพบว่ามีคนที่ไม่ยอมยืน ตนก็ไม่เคยเข้าไปต่อว่าหรือตักเตือน เพราะเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล

ด้านนายพิษณุ มณเฑียร อายุ 53 ปี ญาติน.ส.ปู ซึ่งขายโรตีสายไหมที่สถานีรถไฟเช่นเดียวกัน กล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุตนกลับเข้าบ้านไปก่อน มาทราบตอนค่ำหลังเจ้าหน้าที่รถไฟโทรศัพท์ไปสอบถาม ซึ่งตนก็พยายามโทรหาน.ส.ปู แต่ติดต่อไม่ได้ จึงไม่ทราบรายละเอียดใด ๆ

โดยน.ส.ปู เป็นแม่ค้าขายโรตีสายไหมบนรถไฟ ที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีพฤติกรรมเข้าไปต่อว่าหรือทำร้ายผู้อื่น ซึ่งตนก็เข้าใจผู้ปกครองของเด็กที่ถูกทำร้ายหากจะเอาเรื่อง เพราะถ้าเด็กในคลิปเป็นลูกของตน ตนก็ไม่ยอมเช่นเดียวกัน น.ส.ปู ไม่มีสิทธิ์ไปตบคนอื่น ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ตนไม่ปกป้องญาติ คิดว่าครั้งนี้น.ส.ปูทำผิดจริง

อย่างไรก็ตาม ตนก็เคยเจอคนที่ไม่ยืนเคารพธงชาติ ส่วนใหญ่จะเดินเข้าไปสะกิดและพูดดี ๆ ขอให้ยืนตามมารยาท แต่ไม่เคยบังคับ หากไม่ทำตามก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละคน ทั้งนี้ในช่วงเวลา 13.00 น. พนักงานสอบสวนนำตัว น.ส.ปู ส่งฟ้องศาล โดยเจ้าตัวไม่ขอให้ข้อมูลใด ๆ กับผู้สื่อข่าว

ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายน้อย ปิดตาฝ้าย อายุ 49 ปี พ่อค้าที่สถานีรถไฟ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุมีการเปิดเพลงเคารพธงชาติ ซึ่งทุกคนยืนกันหมด ยกเว้น น.ส.แก้ม ที่นั่งกดโทรศัพท์ เมื่อเพลงจบ น.ส.ปู จึงตะโกนถามน.ส.แก้ม ในทำนองว่า “ทำไมไม่ยืน เป็นคนไทยรึเปล่า” ซึ่งเด็กตอบกลับมาว่าในทำนองว่า “ป้าไม่ใช่แม่หนู ไม่ต้องมาสั่งสอน” จากนั้นก็มีการโต้เถียงกัน จนน.ส.ปู เดินเข้าไปตบเด็ก 1 ครั้ง และจิกผม จนภรรยาของตนและคนอื่น ๆ เข้าไปห้าม

ส่วนตัวคิดว่าน.ส.ปู คงโมโหที่เด็กพูดย้อนกลับมา ลักษณะเหมือนไม่เคารพ จึงก่อเหตุดังกล่าว โดยที่ผ่านมาน.ส.ปู เป็นคนนิสัยดี ไม่เคยหาเรื่องหรือทำร้ายใคร ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่า น.ส.ปู เคยตักเตือนคนอื่นเรื่องยืนเคารพธงชาติหรือไม่ เพราะเพิ่งเกิดเหตุขึ้นมาเป็นครั้งแรก 

ในเวลา 16.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมในนาม “คณะราษฎรอยุธยา” ร่วมชุมนุมบริเวณ สถานีรถไฟพระนครศรีอยุธยา มีทั้งนักเรียน นักศึกษา ประชาชนทั่วไป ร่วมกิจกรรม นั่งเรียงหน้ากระดานที่ชานชลา

น.ส.โบว์ (นามสมมติ) นักเรียนชั้น ม.3 เพื่อนของน.ส.แก้ม ผู้เสียหาย ที่ขึ้นไปพูดบนเวที ระบุว่า ไม่ควรมีใครควรถูกทำร้าย เพราะเห็นต่าง อยากให้เพื่อนดำเนินการให้ถึงที่สุด คนแบบนี้ไม่ควรมีที่ยืน ก่อนจะกล่าวทิ้งท้ายว่า “ป้าไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับใครทั้งสิ้น”

จากนั้นเวลา 18.00 น. สถานีรถไฟเปิดเพลงชาติ กลุ่มผู้ชุมนุมได้ร่วมกันนั่งลงและชู 3 นิ้ว เพื่อแสดงให้เห็นถึงสิทธิ์ในการแสดงออกโดยไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน

ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ระบุว่า ปัจจุบันไม่มีกฎหมายบังคับให้ยืนตรงเคารพธงชาติ เพราะฉะนั้นไม่มีความผิด แต่กรณี “การชักธงชาติ” มีบัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.ธง 2522 และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีปี 2529 ที่กำหนดไว้ว่า ถ้าเพลงชาติดัง และมีการชักธงชาติ จะมีหลักปฏิบัติ ยืนหันหน้าไปทางเสาธง จนกว่าการชักธงจะเสร็จสิ้น และต้องอยู่ในอาการสำรวม ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ ต้องทำวันทยหัตถ์ หรือ วันทยาวุธ ตามความเหมาะสม

แต่ถ้าอยู่ในอาคาร ไม่รู้ว่าเสาธงชาติอยู่ทางไหน ให้ยืนตรงสงบนิ่งเคารพธงชาติ ถ้าอยู่ระหว่างขับรถ หรืออยู่ในสถานที่ที่ไม่สามารถไม่สามารถยืนได้ ให้นั่งสงบ อยู่ในอาการสำรวมจนกว่าเพลงชาติจะจบ ถ้าใครฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 4,000 บาท แต่ก็ไม่เคยมีใครถูกดำเนินคดีในข้อหานี้มาก่อน