จากกรณีตำรวจ สภ.ปลายพระยา จ.กระบี่ รับแจ้งจากชาวบ้านพบโครงกระดูกปริศนา คาดว่าเป็นของผู้ชาย อยู่ภายในป่าพื้นที่บ้านทะเลหอย หมู่ 10 ต.ปลายพระยา ตำรวจจึงต้องประกาศตามหาญาติผู้เสียชีวิต กระทั่ง น.ส.ทิพานัน สิทธิสังข์ อายุ 21 ปี ชาว อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช เดินทางมาที่ สภ.ปลายพระยา
โดยน.ส.ทิพานัน ระบุว่า ต้องการพบกับพนักงานสอบสวนในคดีนี้ เนื่องจากสงสัยว่าโครงกระดูกที่พบน่าจะเป็น นายอรุณ สิทธิสังฆ์ อายุ 47 ปี ผู้เป็นพ่อ ที่หายตัวไปตั้งแต่เดือน พ.ค.63 ที่ผ่านมา และประกาศผ่านทางเฟซบุ๊กเพื่อติดตามหาตัว แต่ยังไร้วี่แวว
ทั้งนี้น.ส.ทิพานัน จุดธูปขอให้ดวงวิญญาณของพ่อ ช่วยค้นหาสิ่งของที่เหลือ ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่พบชิ้นส่วนกระดูกเพิ่มเติมอีกหลายชิ้น อาทิ กระดูกส่วนหน้าแข้ง กระดูกเชิงกราน และเศษกระดูกข้อนิ้วต่าง ๆ รวมทั้งยังพบแหวนอีก 4 วง ที่พ่อสวมใส่ติดตัวเป็นประจำ
ทั้งนี้ในระหว่างเจ้าหน้าที่กำลังช่วยกันค้นหาชิ้นส่วนเพิ่มเติม น.ส.ทิพานัน ก็ปล่อยโฮร้องไห้เสียใจ ต่อการจากไปของพ่อ จนเป็นลมหมดสติ เจ้าหน้าที่จึงต้องรีบเข้าไปช่วยกันประคองไว้
น.ส.ทิพานัน บอกว่า พื้นที่ดังกล่าวเหมือนตนเคยเห็นมาแล้วในความฝันเมื่อ 4 วันที่ผ่านมา ก่อนที่ตนจะได้รับการแจ้งจากตำรวจให้มาตรวจสอบ ซึ่งพ่อมาเข้าฝันบอกว่าอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเมื่อตนไปเห็นพื้นที่จริงก็ตรงกับในฝันทั้งหมด แสดงว่าพ่อน่าจะไปบอกในฝัน แต่ตนเห็นว่าเป็นเพียงความฝัน จึงไม่อยากเล่าให้ใครฟัง
ส่วนเหตุที่ตนต้องเดินทางไปที่เกิดเหตุวันนี้ เพราะตนต้องการดูให้เห็นกับตาว่า พื้นที่ดังกล่าวเหมือนกับที่ตนเคยฝันเห็นพ่อหรือไม่ ในส่วนของคดีหลังจากผลตรวจดีเอ็นเอยืนยันชัดเจนแล้ว ตนก็อยากให้ตำรวจช่วยติดตามคดีนี้อย่างเร่งด่วน เพราะยังเชื่อว่าพ่อถูกฆาตกรรม
ล่าสุดวันที่ 30 ต.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ สภ.ปลายพระยา จ.กระบี่ ได้พบกับ นางสุจิต แก้ววิหก อายุ 47 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนได้พูดคุยกับสามีครั้งสุดท้ายเมื่อ 5 เดือนก่อน เป็นวันที่ 26 พ.ค.63 เวลา 03.00 น. สามีได้ออกไปนอกบ้าน ตนซึ่งตื่นขึ้นมาและกำลังจะไปกรีดยาง ไม่พบสามีอยู่ที่บ้าน จึงได้โทรศัพท์ไปหาสามี โดยเจ้าตัวบอกว่ากำลังจะไปบ้านแม่ ในพื้นที่หมู่ 2 ต.กะหรอ อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นหมู่บ้านติดกับบ้านของตน
โดยสามีพูดว่า "พี่ไปธุระ ไม่ต้องโทรมา" และตนก็ทราบภายหลังว่า สามีไปพบกับหลานชายที่บ้านแม่จริง ๆ หลังจากนั้นสามีก็ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านแม่ โดยบอกกับหลานชายว่าจะไปธุระ หลังจากนั้นตนก็โทรไปอีกครั้งในเวลา 04.00 น. ซี่งโทรติดแต่ไม่มีใครรับ สุดท้ายก็ขาดการติดต่อไปเลย
กระทั่งช่วงวันที่ 27 - 28 พ.ค.63 ตนก็ยังโทรติด แต่หลังจากนั้นก็โทรไม่ติดอีกเลย โดยตนพยายามไปตามบ้านเพื่อนของสามีเพื่อตามหา แต่ก็ไม่มีใครมีเบาะแส จึงตัดสินใจแจ้งความ แต่ในใจตนก็คิดว่าเขาคงจะแอบไปมีครอบครัวใหม่ และตัดการติดต่อกับตน เพราะสามีเป็นคนเจ้าชู้และเคยแอบไปมีครอบครัวใหม่ในช่วงวัยหนุ่ม
หลังจากนั้น 1 เดือน ช่วงปลายเดือน มิ.ย.63 ลูกสาวคนเล็กที่ทำงานอยู่ จ.ภูเก็ต จึงได้เริ่มโพสต์ประกาศในเฟซบุ๊ก กระทั่งสุดท้ายก็มาพบโครงกระดูกที่คาดว่าเป็นสามีที่ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ จากการตรวจสอบก็พบ แหวนเงิน 4 วง, นาฬิกา 1 เรือน, สร้อยเงิน มีพระ 6 องค์ แต่ไม่รู้รุ่น, เข็มขัดหนัง, รองเท้าหนังหุ้มข้อ, เสื้อคลุมสีเทา และกระเป๋าหนังใส่โทรศัพท์ ซึ่งเป็นของสามีของตนตกอยู่ที่โครงกระดูก จึงเชื่อว่าเป็นกระดูกของสามี ส่วนสิ่งของที่หายไป ได้แก่ กระเป๋าเงิน, โทรศัพท์ และรถจักรยานยนต์
ทั้งนี้ตนยอมรับว่า อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เป็นพื้นที่ที่สามีและครอบครัวไม่เคยมา ไม่เคยมีเพื่อน อีกทั้งอยู่ห่างจากบ้านเป็นระยะทาง 184 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางกว่า 3 ชั่วโมง จึงเชื่อว่าสามีอาจจะถูกฆาตกรรมและถูกนำศพมาอำพราง และคิดว่าอาจจะเกี่ยวกับเรื่องการพัวพันยาเสพติด เพราะสามีตนก็มีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับการเสพยา แต่ตนไม่รู้ว่าเขาขายยาด้วยหรือไม่ ส่วนอีกประเด็น คือ สามีมีนิสัยเจ้าชู้ อาจจะไปติดพันกับหญิงที่มีครอบครัวแล้วจนถูกทำร้าย
ก่อนหน้านี้ ไม่เคยมีลางสังหรณ์อะไร แต่ช่วงที่สามีหายไป ตนเคยนอนฝันว่าเห็นตัวสามีสวมชุดขาว ยืนอยู่ข้าง ๆ แม่ของเขา (แม่สามียังไม่ตาย) ยืนอยู่กลางกองไฟ แต่ในฝันสามีไม่ได้พูดอะไร ตนก็ตกใจตื่น แต่ตอนนั้นยังไม่คิดว่าสามีตายแล้ว อย่างไรก็ตาม ทางครอบครัวติดใจกับสาเหตุการตาย และอยากรู้ว่าคนที่ฆ่าสามีเป็นใคร เพราะตนเชื่อว่าสามีของตนตายอย่างทรมาน ถูกทิ้งศพใกล้กับหุบเขา ต้องเดินเท้าไปหลายกิโลเมตร