จากกรณี วันที่ 1 พ.ย. 63 นายชัชวาล อินทุมาร หน.ขสป.ภูเขียว (เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกษตรสมบูรณ์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และกู้ภัยมังกร พร้อมญาติ ๆ รวม 28 คน ได้ออกติดตามค้นหาผู้สูญหายที่ออกจากบ้านไปกับเพื่อน 2 คน ทราบว่าชวนกันไปเก็บหาของป่า บริเวณป่าภูเขียวในเขตรักษาป่าภูเขียว
โดยออกหาเก็บของป่าตั้งแต่วันที่ 17 ต.ค. 63 ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้รวมการค้นหา 15 วัน พบศพพ่อเฒ่าวัย 82 ปี กลายเป็นศพทราบชื่อคือ นายกุล จิตรโคตร อายุ 82 ปี ชาวบ้านหนองแต้ ตำบลบ้านยาง อำเภอเกษตรสมบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ
บริเวณที่พบศพเป็นหน้าผาสูงชันประมาณกว่า 100 เมตร คาดว่าน่าจะเดินเลาะหาเห็ดบริเวณหน้าผา ซึ่งมีก้อนหินขนาดใหญ่อยู่หน้าผา แล้วเกิดเดินสะดุดเสียหลักลื่นตกลงหน้าผา สภาพศพเน่าขึ้นอืด ส่งกลิ่นเหม็น มีหนอนขึ้นทั่วร่าง
วันที่ 2 พ.ย. 63 ทีมข่าวลงพื้นที่บ้านเมืองเก่า สถานที่ตั้งศพของนายกูล จิตรโครต อายุ 82 ปี บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า นายบุญที บุญตาแสง อายุ 60 ปี ชาวบ้านที่เข้าไปหาของป่ากับผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 63 ตนเอง นายจันทร์ชัย และนายกูล ผู้เสียชีวิต รวม 3 คน ได้เดินทางไปหาของป่าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว โดยออกเดินทางจากบ้านเวลา 18.00 น. จากนั้นพวกตนก็เดินขึ้นเขาได้ประมาณ 3 กิโลเมตร และได้นั่งพักกินขนมเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันที่ 18 ต.ค. 63
จากนั้น เวลาประมาณ 02.50 น. พวกตนได้กินขนมเสร็จ และจะออกเดินทางต่อ เพื่อไปหาของป่า ระหว่างนั้นนายกูล ได้บอกกับตนว่า "ลูก ๆ ไปรอพ่อที่บนหน้าผ้าหินนะ เดี๋ยวพ่อเดินตามไป" ซึ่งเนินผาหินดังกล่าวคือจุดที่พรานป่าเขาชอบไปค้างแรมกัน
ทั้งนี้ นายกูลยังบอกพวกตนอีกว่าให้พวกตนเดินนำหน้าก่อน ไม่ต้องเป็นห่วงเขา เขาไม่ชอบให้ใครมาเดินตามหลัง จากนั้นพวกตนจึงออกเดินทางต่อเพื่อไปยังจุดพักแรม โดยมีนายจันทร์เป็นคนเดินนำคนแรก ถัดจากนายจันทร์ประมาณ 100 เมตร เป็นตนเองที่เดินตามหลัง และถัดจากตนไปประมาณ 100 เมตร เป็นนายกูล ที่เดินตามหลัง
นายบุญที เล่าต่อว่า ตนเดินออกมาจากจุดที่พักประมาณ 150 เมตร สังเกตว่าจะไม่เห็นแสงไฟส่องกบของนายกูล ซึ่งพวกตนจะติดไฟส่องกบไว้ที่ศีรษะกันทุกคน ตนจึงเป่าหลอดยานัดเพื่อให้เกิดเสียงดัง ซึ่งเสียงดังกล่าวจะเป็นสัญญาณที่พวกตนใช้เรียกกัน แต่ไม่ได้ยินเสียงนายกูลตอบกลับ ตนจึงเรียกให้นายจันทร์ชัยไปช่วยตามหานายกูล ตรงจุดที่นั่งกินขนมกันตอนแรก ซึ่งก็ไม่เจอนายกูลแล้ว
จากนั้น พวกตนจึงไปรอนายกูลบริเวณเนินหิน ตั้งแต่เวลา 04.00 น. ถึงเวลา 11.00 น. ก็ไม่พบ ตนจึงคิดต่อว่านายกูลเขาน่าจะกลับบ้าน ตนเองจึงเดินทางกลับเข้าหมู่บ้าน ทั้งนี้ ตนเองคาดว่าที่นายกูลตกหน้าผาเสียชีวิตคาดว่าน่าจะมาจากนิสัยของนายกูล ที่ชอบหวาดระแวงไฟฉายของเจ้าหน้าที่อุทธยานฯ วันที่เกิดเหตุนายกูลน่าจะหลบไฟของเจ้าหน้าที่ ทำให้เขาพลัดตกหน้าผาก็เป็นได้
นางสาวจินตนา ริยะพร ลูกสาวของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ปกติพ่อของตนจะอาศัยอยู่คนเดียว ส่วนตนและน้องชายได้แยกย้ายไปมีครอบครัวอยู่ที่ต่างจังหวัด ตอนแรกญาติบอกว่า พ่อของตนหายออกตากบ้านไป 3 วันโดยไร้ร่องรอย และนายบุญที ชาวบ้านที่ไปหาของป่ากับพ่อของตน ออกจากป่ามาตั้งแต่วันที่ 18 ต.ค. เขาก็ไม่มาส่งข่าวว่าเกิดอะไรขึ้น
สำหรับพ่อของตนเป็นนายพรานเข้าป่าตั้งแต่เป็นวัยรุ่น หาของป่าตามฤดูกาล ไม่เคยหลงป่าหรือเกิดอุบัติเหตุ ทั้งยังเป็นคนที่ชำนาญพื้นที่ ตนก็คาดว่าพ่อของตนน่าจะไม่ได้เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ ทั้งนี้ เมื่อช่วงเวลา 04.00 น. ของวันที่ 20 ต.ค. 63 ตนอยู่ที่ใต้ถุนบ้านของพ่อ ก็รู้สึกเหมือนว่าพ่อกำลังเดินอยู่บนชั้น 2 ของบ้าน ทั้งที่ตอนนั้นตนเองอยู่บ้านคนเดียว ส่วนกรณีที่มีความเชื่อว่าพ่อของตนไปลบหลู่เจ้าป่าเจ้าเขา ตนคิดว่าพ่อน่าจะรู้ดีว่าสิ่งไหนควรทำ สิ่งไหนไม่ควรทำเวลาเข้าป่า ตนถึงไม่เชื่อเรื่องนี้
นอกจากนี้ วันที่ 17 ต.ค. 63 ก่อนพ่อตนหายไป ได้ไปซื้ออาหารตามสั่ง แม่ค้าเห็นว่าพ่อตนพกเงินไว้ในพุงยาจำนวนมาก ซึ่งพ่อตนเพิ่งได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกร 15,000 บาท แต่หลังจากพบศพพ่อ พบว่ามีเงินในซองยาแค่ 400 บาท ตนก็ติดใจเรื่องนี้เช่นกัน
ด้านนายจันทร์ชัย เอ้กัญหา ชาวบ้านที่ไปหาของป่ากับผู้ตายอีกราย เปิดเผยว่า ตนมาทราบว่านายกูล ขาดการติดต่อกับตนและนายบุญที ตอนเวลา 02.50 ถึง 03.00 น. และสาเหตุที่นายกูลเสียชีวิต ตนคาดว่าเขาน่าจะประสบอุบัติเหตุพลัดตกหน้าผา เนื่องจากนายกูลเขามีนิสัยกลัวไฟของเจ้าหน้าที่อุทธยาน เขาอาจดับไฟของเขาเอง เพื่อหลบไฟของเจ้าหน้าที่ และเกิดพลัดตกหน้าผาจนเสียชีวิต เพราะตอนนั้นพวกตนได้ส่องไฟไปยังด้านล่างหน้าผา ก็ไม่เห็นแสงของผู้ตาย
เหตุที่เกิดขึ้น ตนขอยืนยันว่าไม่ได้ก่อเหตุ และไม่เกี่ยวข้องกับการตายของนายกูล และตนก็ไม่รู้ว่านายกูลผู้ตาย พกเงินไปด้วยหรือไม่ เพราะตนไม่ได้ไปดูข้าวของที่อยู่ในย่ามของผู้ตาย