เปิดใจ “ทนายอนันต์ชัย” ห่วงเยาวชนนำม็อบอนาคตจบที่คุก ย้ำสักวันคนก็ลืม (คลิป)

4 พ.ย. 63

กรณีทนายอนันต์ชัย ไชยเดช (ทนายกระดูกเหล็ก) โพสต์เฟซบุ๊กเผยแพร่บทความเตือนสติ ในฐานะผู้มีประสบการณ์เป็นทนายผู้ชุมนุมทางการเมือง ในความตอนหนึ่งว่า ผู้มีบทบาทที่เรียกว่า “แกนนำ” ตอนขึ้นขึ้นปราศรัยบนเวที ต่างจากตอนยืนหน้าบัลลังก์ จึงเตือนเพื่อเป็นอุทาหรณ์ เพราะเมื่อวันนั้นมาถึง ท่านจะโดดเดี่ยวและเดียวดาย ไม่มีประชาชนเคียงข้างเลย

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

หลังชนฝาแล้ว! "คณะราษฎร" ประกาศเลิกเจรจารัฐบาล จนกว่า "ประยุทธ์" จะลาออก

887206

ล่าสุดวันที่ 4 พ.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปพบกับทนายอนันต์ชัย เปิดใจว่า ปกติตนไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ให้สังเกตแต่ละโพสต์ของตน ก็จะไม่มีเรื่องการเมืองเลย เพราะการเมืองไม่ใช่เรื่องของตน แต่การเมืองในปัจจุบันนี้ ตนมองแล้วมีความห่วงใยในฐานะทนายความที่เคยว่าความให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มหนึ่งในอดีตที่ผ่านมา เห็นผู้ชุมนุมที่ขึ้นศาลทุกคน บนเวทีปราศรัยมักจะเป็นฮีโร่ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าศาลมักจะเดินอย่างเดียวดาย บางคนมีความยากจน หรือแม้แต่ไม่มีเงินเดินทางมาขึ้นศาล และเวลาจะไปต่างประเทศ ก็จะต้องขออนุญาตศาลทุกครั้ง และนั่นคือความยากลำบากที่เคยเกิดขึ้น

ทั้งนี้ตนขอยืนยันได้เลยว่า การชุมนุมของนักศึกษาที่หลายคนยังเรียนไม่จบ ยังใช้เงินพ่อแม่อยู่ และต้องมีอนาคตอีกยาวไกลนั้น สิ่งที่ตามมาอย่างที่ทุกคนเห็นนั่นคือการถูกดำเนินคดีจากเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งจากนั้นก็มีอีกหลายขั้นตอนที่จะต้องสู้ต่อสู้ โดยเฉพาะการขึ้นศาลต้องใช้ระยะเวลานานมาก ในฐานะที่ยังพึ่งพาเงินพ่อแม่อยู่ จะเอาเงินที่ไหนใช้จ่ายในการต่อสู้ดำเนินคดี รวมถึงในอนาคตการทำงานต่าง ๆ ใครจะเข้ารับทำงาน จึงยืนยันได้ว่าในอนาคตก็จะเป็นเช่นในอดีตที่ผ่านมา “เพราะงานเลี้ยงต้องมีวันเลิกลา” แต่จะเลิกราด้วยวิธีไหนตนไม่ทราบ คาดการณ์ว่าอาจจะมีการปฏิวัติก็เป็นได้ ซึ่งอนาคตไม่มีใครสามารถตอบได้

184692

ดังนั้นสำหรับการออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย ตนเห็นด้วยและอยากเข้าไปร่วมด้วยทุกครั้ง แต่เมื่อย้อนกลับไปดูบริบทของการชุมนุมในแต่ละครั้ง โดยเฉพาะข้อเรียกร้องต่าง ๆ เกินกว่าการเรียกร้อง และไปกระทบจุดของความศรัทธาของคนกับสถาบัน ซึ่งทำให้คนที่ไม่เห็นด้วยมีอยู่เยอะมาก

แต่อย่างไรก็ตาม อยากให้ย้อนดูประวัติศาสตร์ไทย ทหารก็จะออกมาปฏิวัติทุกครั้ง ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่บางครั้งเห็นด้วย บางครั้งไม่เห็นด้วย และนั้นคือ วัฏจักรที่วนเกิดขึ้น ทำให้ตนมองว่านักเรียนนักศึกษาจะไม่สามารถพลิกฟ้าพลิกดินได้ แต่ต้องใช้ความศรัทธาในความเป็นประชาธิปไตย เรียกร้องให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย และละเมิดกฎหมายให้น้อยที่สุด อย่าเอาตัวเองให้เข้าไปผูกภาระมากเกินไป สุดท้ายแล้วคุณจะเดินคนเดียว

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม