โคราชตื่น RSV ระบาดหนัก! กุมารแพทย์เผยเด็กติดเชื้อล้นหอผู้ป่วย รพ.มหาราช

5 พ.ย. 63

โคราชแตกตื่นโรคไวรัส RSV ระบาดล้นหอผู้ป่วย รพ.มหาราชฯ ด้าน สสจ.โคราช ระบุยังไม่ถึงขั้นล็อกดาวน์ สั่งปิดโรงเรียน หรือเนอร์สเซอรี่ เตือนผู้ปกครองเฝ้าระวังเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีอย่างใกล้ชิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 4 พ.ย. 63 นพ.จิรรุจน์ ชมเชย กุมารแพทย์เชี่ยวชาญโรคระบบหายใจ กลุ่มงานกุมารเวชกรรมโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้โพสลงในเฟซบุ๊คส่วนตัว Jiraruj Praise ถึงการแพร่ระบาดของไวรัส RSV ว่า " #เอาไม่อยู่จริงๆกับRSV ควร lock down เนอร์สเซอร์รี่ หรือ รร.ที่มีเด็กป่วยหลายคนได้แล้วหรือยัง ครูบาง รร.ยัง line บอกผู้ปกครองให้พามาเพราะจะปิดเทอมแล้ว โรงเรียนจะมีประเมินเด็ก.. เพลียจริงๆ สถานการณ์ ณ ขณะนี้ทำเอาผู้ป่วยล้นหอผู้ป่วยจริงๆ มีตั้งแต่อายุไม่กี่วัน (ติดจากแม่เป็นหวัด) ไปจนถึงเด็กโตไป รร. (ความเข้าใจ-RSV ในผู้ใหญ่-เด็กโตๆ อาจมีเพียงอาการหวัด-น้ำมูกไหล จึงทำให้หลายคนคิดว่าไม่น่ามีอะไร แท้จริงนั่นแหละครับ สาเหตุของการแพร่อย่างรวดเร็ว) ล้างมือ สวมหน้ากากโดยเฉพาะคนที่ป่วย แยกเด็กป่วย บ้านใครบ้านมันก่อน ช่วงนี้ ไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ ครับ"

ต่อมาในโลกโซเชี่ยล ได้พากันแชร์ข้อความที่โพสต์ออกไปอย่างกว้างขวาง ทำให้ผู้ปกครองของเด็กนักเรียนในพื้นที่ จ.นครราชสีมา เกิดความแตกตื่นเป็นอย่างมาก

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องกับโรค RSV
เด็กเล็กป่วย RSV พุ่ง! แพทย์แนะผู้ปกครองล็อกดาวน์ลูก
ขอนแก่นเด็กติดเชื้อ RSV ยอดพุ่ง แอดมิทแล้วนับร้อยราย แพทย์แนะล็อกดาวน์
"หมอยง" แนะวิธีป้องกันโรค RSV ระบาดหนักในเด็กเล็ก พบส่วนใหญ่ติดเชื้อจากโรงเรียน

1604487552067

ล่าสุด เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 63 นพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ได้รับรายงานเรื่องนี้จากโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาแล้ว ซึ่งข้อเท็จจริงก็มีเด็กป่วยด้วยโรค RSV เพิ่มขึ้นเฉลี่ยวันละ 5-6 ราย แต่ยังไม่ถึงกับล้นหอผู้ป่วยตามที่เป็นข่าวในโลกโซเชียล และขณะนี้ก็ยังไม่มีการประกาศให้โรงเรียน หรือเนอร์สเซอร์รี่ต่าง ๆ ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ปิดเรียนแต่อย่างใด ถึงอย่างไรก็ตาม ขอเตือนว่าเชื้อไวรัส RSV เป็นเชื้อไวรัสที่อันตราย สามารถระบาดในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ในช่วงปลายฤดูฝนต้นฤดูหนาวหรือประมาณ เดือน ก.ค.-พ.ย. เด็กที่ป่วยจะมีอาการเบื้องต้นคล้ายเป็นไข้หวัดธรรมดา มีน้ำมูก ไข้ ไอ จาม พ่อแม่จึงต้องคอยสังเกตอาการของลูกอย่างใกล้ชิด

โดยเชื้อ RSV สามารถเข้าสู่ร่างกายได้โดยผ่านทางเยื่อบุตา จมูก ปาก หรือผ่านทางการสัมผัสเชื้อโดยตรงจากการจับมือ ซึ่งการติดเชื้อดังกล่าวมักพบในเด็กเล็กซึ่งเป็นวัยที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดอาการรุนแรงและเด็กที่มีโรคประจำตัวเช่น โรคปอดเรื้อรัง โรคหอบหืด โรคหัวใจ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ทารกคลอดก่อนกำหนด เป็นต้น หากมีอาการไอ มีเสมหะจำนวนมาก หายใจเหนื่อยหอบ หายใจมีเสียงหวีด ซึ่งเป็นลักษณะอย่างหนึ่งที่บ่งบอกว่าหลอดลมตีบ หรือหลอดลมฝอยอักเสบ บางรายที่มีอาการรุนแรงอาจมีอาการถึงขั้นตัวเขียวซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันไวรัส RSV การรักษาจึงเป็นรักษาตามอาการเท่านั้น

นพ.นรินทร์รัชต์ กล่าวด้วยว่า ผู้ปกครองสามารถลดความเสี่ยงและป้องกันการติดเชื้อไวรัส RSV ได้โดยดูแลสุขภาพให้แข็งแรง หมั่นล้างมือให้สะอาดเพื่อป้องกันการติดต่อทางการสัมผัส ทำความสะอาดบ้านอยู่เสมอ เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อ สวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่ในที่แออัดหรือในบริเวณสาธารณะ ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือเป็นประจำ ให้เด็กดื่มน้ำอย่างเพียงพอเพื่อลดภาวะขาดน้ำ และช่วยขับเสมหะ แต่ถ้าหากเป็นเด็กเล็กที่ยังไม่หย่านม สามารถให้เด็กดูดนมได้มากที่สุดตามต้องการแยกอุปกรณ์และภาชนะต่าง ๆ ของเด็กไม่ควรใช้ร่วมกัน

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ