วันนี้ (20 มี.ค.) พ.ต.อ.วิบูลย์ วงศ์ก้อม รองผบก.ภ.จว.อุดรธานี, พ.ต.อ.เชี่ยวชาญ มีชัย ผกก.สภ.หนองหาน, พ.ต.ท.ไกรสร พาน้อย รองผกก.สภ.สืบสวน สภ.หนองหาน, ตำรวจชุดสืบสวน สภ.หนองหาน และชุดสืบสวนกก.สืบสวน ภ.จว.อุดรธานีร่วมสอบปากคำกลุ่มวัยรุ่น อายุตั้งแต่ 17-21 ปี จำนวน 9 คน เป็นชาวบ้าน ต.ทุ่งใหญ่ อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี กลุ่มผู้ก่อเหตุ ร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงนายนันทพงศ์ รักพร้า อายุ 16 ปี นักมวยไทยดาวรุ่ง ฉายา “มีทรัพย์ต.อิทธิพร” หรือน้องฟิวส์ และยังเคยเป็นนักมวยเยาวชนสากลสมัครเล่นทีม จ.อุดรธานี เสียชีวิตที่ข้างกำแพงวัดโพธิ์ศรีใน บ้านเชียง ต.บ้านเชียง อ.หนองหาน เมื่อวานนี้ (19 มี.ค.)
โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นบ้านของนายจ๊อบ (นามสมมติ) อายุ 21 ปี ชาวบ้าน ต.ทุ่งใหญ่ อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี ผู้ที่ใช้อาวุธปืนยิงน้องฟิวส์จนเสียชีวิต พบของกลางเป็นปืนแก๊ปสั้นแบบไทยประดิษฐ์ จำนวน 2 กระบอก รถจักรยานยนต์ที่ใช้หลบหนีหลังก่อเหตุ 3 คัน พร้อมเสื้อผ้าของ 2 คนร้ายที่เป็นผู้ลงมือชกหน้าน้องฟิวส์ และของคนร้ายที่เป็นผู้ก่อเหตุ ซึ่งนายจ๊อบรับสารภาพว่า เป็นคนลงมือยิงน้องฟิวส์จนเสียชีวิต
ด้าน พ.ต.อ.วิบูลย์ กล่าวว่า ทางตำรวจได้เบาะแสจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่ผู้ก่อเหตุใช้หลบหนี จึงติดตามเข้าตรวจค้น จนพบผู้ก่อเหตุ จากการสอบปากคำเบื้องต้น ผู้ก่อเหตุยอมรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุจริง เพราะเด็กวัยรุ่นที่มาเที่ยวงานบุญผะเหวดที่วัดสระแก้ว แล้วมีเรื่องชกต่อยกัน และน้องชายถูกตี จึงแค้นใจ
บังเอิญรถจักรยานยนต์กลุ่มผู้ก่อเหตุเสียบริเวณสี่แยก ข้างรั้ววัดโพธิ์ศรีใน เมื่อน้องฟิวส์ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาถึงกลุ่มผู้ก่อเหตุ จึงเข้าไปถามน้องฟิวส์ว่าเป็นคนบ้านไหน พอน้องฟิวส์บอกว่า เป็นคนบ้านเชียง ก็ถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุทำร้าย โดยไม่ได้มีการเตรียมการมาก่อน และก็ไม่ได้เป็นการมารอดักทำร้าย ซึ่งเด็กกลุ่มนี้ได้ห้ามปรามกัน บอกว่า อย่าไปทำเขา เขามากับผู้หญิง และส่วนใหญ่ อายุประมาณ 17-18 ปีเท่านั้น
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดปืนแก๊ปสั้นแบบไทยประดิษฐ์ 2 กระบอก ที่คาดว่าจะใช้ในก่อเหตุ ส่งไปตรวจพิสูจน์อีกครั้ง รวมทั้งเสื้อผ้าที่ตรวจยึดมาของผู้ก่อเหตุ เพื่อหาคราบเขม่าดินปืน โดยหลังจากสอบสวน ตำรวจจะแจ้งข้อกล่าวหาผู้ลงมือยิงน้องฟิวส์ ฆ่าผู้อื่นตาย ส่วนจะร่วมกันฆ่าหรือไม่นั้น ต้องทำการสอบปากคำผู้ต้องสงสัยทุกคนก่อน เพราะในกลุ่มนี้ยังมีเด็กที่ไม่รู้เรื่องด้วย ส่วนการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ คงต้องดูสถานการณ์ก่อน