สายสัมพันธ์ที่ผูกพันกันมาอย่างเหนียวแน่นกว่า 20 ปี ของคู่เพื่อนซี้ "ลาล่า-ลูลู่" เกือบจะขาดสะบั้นไปซะแล้ว ซึ่งล่าสุดทั้งคู่ได้ควงคู่มาเปิดใจแบบหมดเปลือกเรื่องที่เกือบแตกคอกัน จนเกือบจะเสียเพื่อนเพราะผู้ชาย รวมถึงเปิดเผยความลับที่เคยทิ้งแฟน ไปหาคนใหม่ และยังเปิดในใจทั้งน้ำตาถึงมิตรภาพที่ตัดกันไม่ขาดกับ "อี๊ด โปงลางสะออน" ย้ำที่ผ่านมาไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "ลูลู่ อาร์สยาม" แค่งอน “ลาล่า” ตามประสาพี่น้อง ไม่ได้สร้างกระแสโปรโมทเพลง!!
- เตรียมฟ้องเกรียนคีย์บอร์ด "ลาล่า" สุดทน! ด่า "โสเภณี" รับไม่ได้
- "ลูลู่ อาร์สยาม" พร้อมให้อภัย "ลาล่า อาร์สยาม" หลังอีกฝ่ายติดเเฟน!!
- น้ำตาแตก!! “ลาล่า” หอบดอกไม้ขอโทษ “ลูลู่” เพื่อนรัก!!
- ดูบังเกิดเกล้าย้อนหลัง ละครแซบอมรินทร์ทีวี ที่นี่
ถาม หลายคนตกใจเพราะการประกาศแยกวง และยังเข้าใจผิดถึงตอนนี้ว่าทะเลาะกัน จนเลยเถิดมีคำที่ว่าทิ้งกัน เนรคุณกัน
ลาล่า : ด้วยความเป็นผู้หญิง ล่าอาจจะคุยกับลู่มากกว่า เราก็คุยกันว่าเราจะยังไงกันดี อายุเราก็ขนาดนี้แล้ว จะขึ้นท่าปลาโลมาได้อีกกี่ปี เราจะยังไง ปีนี้เราอายุจะ 30-40 ปีกันแล้ว เราไม่ได้วางแผนชีวิตอะไรกันเลย
ลูลู่ : เราไม่ได้เป็นนักร้องที่ขายเสียงอะไรขนาดนั้น เราแค่เอ็นเตอร์เทนคนดูให้สนุก เราก็คิดว่าเราน่าจะเล่นหนัง เล่นละครอะไรอย่างนี้ น่าจะได้ ที่เราคิดกัน
ลาล่า : เราเคลียร์คิวเข้ามาในกรุงเทพยากมาก ซึ่งมีหนัง มีละครติดต่อเข้ามาเยอะมาก แต่เพราะว่าเราออนทัวร์ต่างจังหวัด กลับเข้ามาในกรุงเทพยาก เราเลยทำยังไงกันดี จับมือกันกับลู่เป็นปีๆ สองปีกว่าเลย ที่จะกล้าไปคุยกับพี่อี๊ด เราก็เข้าไปพูดว่ามันเหมือนเด็กมัธยมที่จะจบม.6 แล้วจะต้องเลือกสายเรียนต่อแล้วว่าจะต้องเป็นอะไรต่อไปในอนาคต เพราะสิ่งที่พี่อี๊ดให้น้องเหมือนพวกหนูเป็นตุ๊กตา มีหน้าที่กลืนอย่างเดียวเลย พี่อี๊ดเขาคิดทุกอย่าง มุก เสื้อผ้า หน้าผม เขามองเห็นหมดเลย แม้กระทั่งขึ้นจีบกระโปรงนางรำไม่เท่ากันหรือรำไม่พร้อมกัน เขาเห็นหมดทุกอย่าง ทุกอิริยาบถ ดูแลดีขนาดนี้ เรามีหน้าที่ทำตามเท่านั้น
ลูลู่ : แสดงว่าเราออกไปแล้ว เราก็ทำอะไรไม่ได้ มันเลยทำให้เราตัดสินใจว่าล่าบอกพี่อี๊ดเถอะว่าเราต้องโตแล้ว ซึ่งวินาทีนั้นที่เราจะเดินเข้าไปบอก ยากมากจริงๆ ค่ะ เราก็บอกพี่อี๊ดว่าเราอยากจะมีงานรายการบ้าง เล่นละครบ้าง
ลาล่า : ซึ่งพี่อี๊ดเขาก็บอกเราว่า แล้วเราจะดูแลตัวเองยังไง จะกินจะอยู่ จะอะไรยังไง เพราะด้วยความเป็นพี่ เวลาพี่อี๊ดเขาทำงาน พวกเรามีหน้าที่รอ แล้วก็ทำหน้าที่ไป เบื้องหลังเราไม่รู้เลยว่าพี่เราโดนเขาด่า โดนเขาว่าอะไรใดๆ เราไม่รู้ เพราะเขาจะไม่เอาความทุกข์ใดๆ มาไว้ที่น้องเลย ไม่แชร์ความทุกข์เลย เพราะเขาจะรับอยู่คนเดียว พอเรามารู้อีกที ถ้าพี่อี๊ดต้องมาแบกภาระตรงนี้ไว้ แล้วไม่ได้มาแชร์กัน แล้วน้องจะทำงานเป็นไหม น้องจะไปคุยกับคนอื่นยังไง เราก็คิดว่ามันไม่ได้แล้ว เราต้องโตแล้ว อย่างวันหนึ่งถ้าเรามีครอบครัว แม้กระทั่งเรื่องส่วนตัว เรื่องบ้านของพวกเรา เรื่องการมีแฟนของพวกเรา ทั้งหมดก็เป็นเรื่องส่วนตัวของพี่อี๊ด เขาดูแลทุกอย่างหมดเลยจริงๆ เพราะเราเหมือนครอบครัวเดียวกันเลย เรายอมให้พี่เขาเข้ามาตรงนี้ด้วย เพราะเรารู้สึกว่ามันคือความสุข เพราะเราทำงานเป็นทีม
ถาม นอกเหนือจากความเป็นห่วง เขาเข้าใจความรู้สึกที่น้องๆ เป็นอยู่ไหม
ลาล่า : รู้สึกว่าเราสัมผัสเขาได้ ณ วันที่เราพูดกับเขา ใจของเขากับปากที่เขาพูดไม่ได้ตรงกันเลย เขาห่วงน้องมาก เขากลัวคนทำร้ายน้อง เขากลัวทุกอย่าง แต่เราไม่รู้ว่าเขาโกรธเราหรือเปล่า แต่เขากลัวว่าน้องจะลำบาก กลัวว่าน้องจะทำอะไรไม่เป็นตรงนั้นมากกว่า เพราะพวกเราเหมือนถูกพ่อดูแลมาตลอด พ่อเลยไม่อยากให้ลูกไปเผชิญโลก
ถาม ถ้าเป็นอารมณ์ของคนในครอบครัว เหมือนพ่อห่วงด้วย โกรธด้วย ที่ลูกจะมาขอย้ายออกจากบ้าน แล้วทะเลาะกันไหมตอนนั้น
ลาล่า : ณ ตอนนั้นไม่ได้ทะเลาะค่ะ จากกันด้วยดี แต่มันก็ได้กลิ่น รู้สึกว่าเขาน่าจะนอยด์
ลูลู่ : เขาน้อยใจมากกว่าว่าทำไมจู่ๆ น้องต้องออกไปจากเราด้วย ซึ่งแกก็ไม่เคยคิดว่าน้องจะไป
ถาม ถึงขั้นไม่คุยกันกี่ปี
ลาบ่า : ถ้าถามไม่คุยกันคือนานมาก ตามที่เห็นเป็นข่าวที่เรากลับไปฐานทัพตรงนั้น กลับไปบ้านตรงนั้น น่าจะประมาณ 7 ปีค่ะ
ถาม กลับมาได้คุยและคืนความรู้สึกที่ดีต่อกันเมื่อไหร่
ลาล่า : วันที่ทุกคนได้เห็นภาพนั้นเลยค่ะ ช่วงโควิดทำให้เรากลับมาเจอกันจริงๆ อันนี้ก็ต้องขอบคุณโควิดในวันนั้น ได้กลับไป พี่อี๊ด ได้กลับไปฐานทัพเดิม ห้องเดิมที่เป็นห้องปรับทุกข์ ห้องร่วมทุกข์ร่วมสุขมันจะอยู่ในห้องนั้นหมดเลย ได้คุยกันทุกอย่างเปิดใจกันใหม่เลย ที่กลับไปเพราะวันนั้นพี่อี๊ดเขาโทรหา
ลูลู่ : เขาโทรมาชวน ไปงานกับพี่หน่อย ไปเป็นเพื่อนพี่หน่อย ซึ่งก่อนหน้านี้เราไม่เคยได้คุยกันเลย แกโทรมาหาเราเอง ตอนแรกหนูก็ตกใจ พอพี่อี๊ดพูดอย่างนี้ ไปเป็นเพื่อนหน่อยงานนี้ๆ เราก็อึ้งไปนะ แสดงว่าพี่เราอ่อนแอจริงๆ คือต้องการกำลังใจจริงๆ ในเมื่อพี่เขาโทรมาขนาดนี้ แสดงว่าแกก็อยากให้ไปเป็นกำลังใจแกจริงๆ เราก็ตอบว่าได้เลยค่ะ
ลาล่า : ไม่ขอลงรายละเอียดนะคะ แต่เป็นงานที่พี่อี๊ดไม่โอเคแล้ว จิตใจเขาอ่อนแอแล้ว แล้วเขาอยู่กับเพื่อนๆ หลายคน เพื่อนก็บอกเขาว่าทำไมไม่โทรหาน้อง เขาบอกว่าไม่เอาเกรงใจๆ เรื่องนี้เรามารู้ทีหลังนะคะ พอเราได้เจอพี่เขาวันนั้นคือจากราชสีห์กลายเป็นแมว ล่ากับลู่ก็เลยกอดเขา แล้วก็บอกพี่อี๊ด วันที่พี่มีความสุข พี่ไม่ต้องแชร์ให้หนูก็ได้นะ พี่เชิญสุขไปเลย แต่ถ้าพี่มีความทุกข์แล้วพี่ไม่แชร์ให้ หนูจะโกรธพี่ไปตลอดชีวิตเลย เพราะความทุกข์ตลอดมา พี่ไม่เคยแชร์ให้เรารู้เลย แต่ครั้งนี้ถ้าพี่ไม่แชร์แล้วมารู้ทีหลังอีกนะ จะเสียใจมาก และนั่นก็ทำให้รื้อเหตุการณ์เก่าในอดีต ทำให้เรารู้ว่าพี่อี๊ดต้องเผชิญอะไรมาบ้าง เกิดอะไรขึ้นบ้าง (ลูลู่ซับน้ำตา) จากแต่ก่อนที่เขาเป็นคนที่เผด็จการในความคิดของตัวเอง บางทีกำลังแสดงอยู่ พี่อี๊ดล้มแผนที่วางไว้หมดเลย ต้องเปลี่ยนการแสดงใหม่ทั้งหมด ซึ่งไม่มีใครรองรับอารมณ์พี่อี๊ดได้นอกจากเราสองคน มันก็เลยกลายเป็นภาพที่พอมาเจอพี่เขาอีกครั้ง เขาเย็นลงมาก วันนั้นล่าใส่พี่อี๊ดยับเลย แต่เขาไม่ตอบโต้อะไรเราเลย จนเราได้ยินคำว่า "ขอโทษ" จากปากพี่อี๊ด มันที่สุด เพราะมันยากมากที่จะได้ยินคำนื้จากปากเขา ที่ผ่านมาเขาจะพูดคำนี้แบบลอยๆ แต่ครั้งนี้มันออกมาจากความรู้สึกที่เขาตั้งใจฟังเราจริงๆ ที่เราระบายออกมาปังๆ ออกมาหมดแล้วเขาก็พูดออกมาว่าพี่ขอโทษ และก็เกิดเป็นภาพที่เรากอดกันออกมาในวันนั้น
ลูลู่ : เราคิดว่าเวลาคือสิ่งสำคัญ มันอยู่ที่ว่าเราจะให้อภัยกันหรือเปล่า และอยู่ที่ว่าเราจะยอมรับในสิ่งที่เราทำพลาดหรือเปล่า
ลาล่า : พอเราห่างกันไป 7 ปี มันเลยตอบโจทย์ลาล่า ลูลู่ได้ว่ามันไม่ใช่รักธรรมดา แต่มันคือชีวิต เราจะเห็นผู้ชายคนหนึ่งแบบน้องโดนลวนลาม พี่อี๊ดเขาไม่ปล่อยเลยนะคะ เขากระชากคอคนที่ทำ การ์ดต้องมารุมแยกออกจากกันเลย พี่เขาปกป้องเราทุกอย่าง มันมากกว่ารักแล้ว เพราะเรารู้สึกว่ามันคือลมหายใจของกันและกันแล้ว
ถาม ได้พี่ชายสุดที่รักกลับคืนมา แต่ลาล่าก็เกือบจะเสียเพื่อนที่รักอย่างลูลู่ไป ด้วยจากเหตุการณ์อะไร
ลูลู่ : เวลาเราโกรธ เราจะนิ่ง เราจะไม่พูด ซึ่งลาล่าเขาก็จะรู้ดี ซึ่งที่เราโกรธเพราะเขานัดเราแล้วลืมหลายครั้ง จนถึงกระทั่งครั้งที่สาม เรานัดกันไลฟ์สดโปรโมทสินค้าของเราที่เราทำด้วยกันตอนช่วงโควิด เรามาช่วยกันตรงนี้นะ เราจะได้มีเงินซื้อขนม ซื้อข้าวอะไรบ้าง พอถึงวันนัด เราก็อ้าว!! ทำไมไม่มา ไม่เป็นไร เราไลฟ์คนเดียวก่อนได้ คุยกับท่านผู้ชมไปว่ารอล่ามาค่ะ รอล่ามา แต่วันนั้นคือไลฟ์ชนไลฟ์เลยค่ะ
ลาล่า : เราก็ไลฟ์อยู่กับพี่เล็กเหมือนกัน คือไลฟ์วันเดียวกัน เวลาเดียวกัน
ลาล่า : ตอนนั้นเราก็ยังจำไม่ได้นะคะ ว่าเรานัดเขาไว้ ยังสนุกสนานอยู่กับผู้ชายอยู่ จนแฟนๆ ก็แบบว่าทำไมพี่ลาล่าถึงปล่อยให้พี่ลูลู่อยู่คนเดียว พอเราเห็นแบบนั้นคือตายแล้ว เราลืมนัดลู่ แต่ ณ ตอนนั้นคือเราลงไลฟ์ไม่ได้ เพราะมันมีสินค้าที่เราทำคือลู่ล่าปลาร้าแซ่บเวอร์อีกอัน แล้วก็เล็กล่าหมูแดดเดียว ซึ่งเป็นสินค้าของเราทั้งสอง ถ้าทั้งสองปิดไลฟ์ มันก็ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น เราเลยเชียร์อันที่เราไลฟ์อยู่กับผู้ไปก่อน เพราะอย่างน้อยเราก็ยังขายสินค้าได้สักอย่าง แล้วเราค่อยไปเก็บเพื่อนอีกทีแล้วกัน คงไม่โกรธอะไรมาก เดี่ยวนางก็คงทำกับข้าวให้กินตามสไตล์นาง แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดเลย
ลูลู่ : สำหรับลู่คือหลายครั้งไปแล้ว เขาคงไม่มีความรู้สึกแบบเราแล้ว เขาไปฝั่งคนนั้นมากกว่า เราก็เลยพอแล้ว เราเป็นคนไม่คุยก็คือไม่คุย เพราะเราก็เป็นคนแรง รักใครรักจริง เกลียดใครเกลียดจริง เกลียดมากด้วย เราเลยยอมที่จะห่างดีกว่า ในเมื่อเขามีความสุขตรงนั้นก็ให้เขาทำไป
ถาม แล้วคิดจะเข้าไปเคลียร์ไหม
ลาล่า : เรารู้ว่าเขาเป็นคนคุยยาก เราเลยกลัว โทรไปไม่รับคือหนึ่ง ไลน์ไปอ่านแต่ไม่ตอบอะไรใดๆ คือสองแล้ว แสดงว่าเป็นการปฏิเสธที่หนักแน่น การที่เราจะไปยืนอยู่หน้าบ้าน เรารู้แน่ว่าไม่เปิดประตูบ้านให้แน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ เราก็พยายามโทรก็แล้ว ไลน์ก็แล้วเปิดอ่านแต่ก็ยังคงเหมือนเดิมคือไม่ตอบ แสดงว่ามันเริ่มหนักแล้ว จนเขาเริ่มโพสต์แบบเพื่อนไม่ดีก็ปล่อยมันทิ้ง ชีวิตเราจะไปแคร์อะไร เหมือนใช้หลักธรรมะ พูดประชดประชัน แต่มันโดนเราเต็มๆ
ลาล่า : สิ่งที่เราทำให้เขาเสียใจใหญ่ขนาดนี้ เรารู้ว่าเขาเสียใจมาก แต่ตอนนั้นเราก็พยายามเรียงลำดับอยู่ ว่าเราผิดอะไร ก็ไปนั่งคุยกับพี่ๆ เพื่อนๆ ให้ช่วยดูหน่อยว่าเราผิดอะไรบ้าง มานั่งไล่ลำดับจนรู้ว่า 1-2-3 เลยทำให้เราเข้าใจ การที่จะเอาเขากลับมา เราอยากให้เขารู้สึกประทับใจที่สุด แล้ววันนั้นที่ขอคืนดี เป็นวันที่ไปอัดรายการกับเขา เขาจะไปไหนไม่ได้แล้ว มันเหมือนล็อกเขาแล้ว เราก็เลือกเอาดอกไม้ที่เราชอบให้กับเขา (หัวเราะ) เราก็เดินเอาไปให้เขา ซึ่งตอนนั้นเราก็คิดคำพูดไว้แล้วด้วย ของขวัญที่เธอซื้อให้ฉันมากมายอะไรก็ช่า งฉันไม่เอา ปีนี้ฉันไม่เอาของขวัญ แต่ฉันขอเธอเป็นของขวัญวันเกิดให้กับฉันได้ไหม เป็นคำพูดที่เราตั้งใจขอ ถ้าเธอไม่กลับมา มันก็ไม่มีค่าอะไร ต่อให้ของขวัญร้อยล้าน พันล้านก็ไม่เอา เพราะฉันจะเอาเธอกลับมา ต้องเอาเขากลับมาให้ได้
ลูลู่ : วันนั้นเราปฏิเสธไม่ได้เพราะเขาก็บอกแล้วว่าเขาจะทำเป็นครั้งสุดท้าย เขาจะทำไม่รู้ว่าเราจะให้อภัยเขาไหม เราก็รู้สึกว่าถ้าเราไม่ให้อภัยเขา เราจะทำงานต่อด้วยกันได้ไหม เพราะเราใช้ชีวิตคลุกคลีกันมาตลอด ถ้าไม่ให้อภัยเขา ก็ไม่รู้จะให้อภัยใครเพราะว่าเรารู้ด้วยกัน ถ้าไม่ให้ใจเขาเขาก็ไม่ให้ใจเรา
ถาม เพราะความสัมพันธ์ที่ทั้งคู่มีให้กันเป็นมากกว่าเพื่อน มากกว่าพี่น้อง แต่มันคือส่วนหนึ่งของชีวิต
ลาล่า : เขาคือที่สุดแล้วจริงๆ ลูลู่กับพี่อี๊ด เสียสองคนนี้ไปไม่ได้เด็ดขาด เราอาจจะช้าหน่อยในการง้อ เพราะการง้อคือการที่จะได้อะไรกลับมา เรามีความรู้สึกว่าทุกคนต้องประทับใจในสิ่งที่เราทำทุกครั้ง เพราะความผิดเรารู้ว่ามันผิดเยอะ ความคิดน้อย เพราะฉะนั้น การที่จะได้เขากลับคืนมาเราอยากให้เขารู้ว่าเขาคือสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับเรา เขาคือลมหายใจ ถ้าไม่มีพี่อี๊ดกับลูลู่มันก็ไม่มีลาล่า ทุกคนก็จะไม่รู้จักเรา อี๊ด ล่า ลู่ มันคือลมหายใจเดียวกันนะ เรากล้าพูดคำนี้เลย
ถาม แล้วได้เรียนรู้อะไรจากกับเหตุการณ์ครั้งนี้บ้าง
ลาล่า : ความเป็นผู้ใหญ่ค่ะ เขาสอนใหญ่เราเป็นผู้ใหญ่ขึ้นอีกสเต็ป เราอยู่กับความเป็นน้องมาเยอะ สิ่งหนึ่งที่พี่อี๊ดจะสอนมาตลอดว่าพี่เป็นพี่ ต้องดูแลน้องนะ แล้วเราเป็นน้องที่เอาแต่ใจตัวเอง พอเวลาโดนดุโดนว่า พี่อี๊ดเขาจะไม่ว่าเรา แต่ พี่อี๊ด เขาจะด่าลูลู่ เพื่อที่ให้เรารู้สึกว่าต่อไปอย่าทำผิดอีก เพราะเมื่อเธอทำผิดคนที่จะโดนตำหนิคือคนนี้ ฉะนั้นเราตั้งใจแล้วว่าจะไม่ทำอะไรผิดพลาดอีก
ถาม ผ่านเหตุการณ์หลายๆ อย่างในชีวิตของกันและกันมามากมาย อย่างช่วงที่ลูลู่ทิ้งแฟนไปหาคนใหม่ ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น
ลูลู่ : เราคบกันมาประมาณ 5-6 ปี มันทำให้เราเริ่มชินเพราะเราอยู่ด้วยกันมาตลอด พอเราไปเจออีกคนหนึ่ง มันทำให้เรารู้สึกว่าทำไมมันแปลกจัง อยากเอามาเป็นของตัวเองจัง ซึ่งเราก็ไปขอเบอร์โทรเขา เราเป็นคนโทรหาเขาเอง ความหวานมันเริ่มกลับมาใหม่ แต่กลับคนเดิมกลับไปยังไงก็เจอ เราก็บอกล่าว่าไม่เอาแล้วล่า ฉันว่าฉันพอแล้วคนเก่า ฉันอยากเลิก ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เพราะเราเบื่ออยากเลิกกับชาติ ล่าก็ถามว่าจริงๆ เหรอ ตอนนั้นทุ่มเทให้ผู้ชายคนนั้นทุกอย่างเลย ถึงกับขนาดเลิกกับชาติเลย
ลาล่า : ผู้ชายร้องไห้เลย กอดขาไม่อยากเลิก คือสวยมาก ลู่เขาจะไปอย่างเดียวแล้ว
ลูลู่ : คนจะไป ร้อยเหตุผลก็จะไป ขนเสื้อผ้าไปเลย แต่ไม่ได้ไปอยู่กับเขานะคะ ไปอยู่อีกทีหนึ่ง
ถาม ตอนนั้นเราไม่รู้สึกผิดอะไรเลยเหรอ เพราะว่าเรานอกใจนะ
ลูลู่ : ไม่เลย เราคิดว่าเราจะไปอย่างเดียว จะไปคุยกับผู้ชายคนใหม่อย่างเดียวเลย ไปอยู่สักพักแบบทำไมมันเป็นแบบนี้ ความรุ้สึกมันไม่ใช่เลย ผู้ชายคนนี้ทำไมเป็นแบบนี้ พอลองคุย ลองคบ มันไม่ใช่แล้ว เพราะมันมีเรื่องเงินเข้ามา ทำให้เราคิดได้ว่าถ้าเราไม่มีชื่อเสียง ไม่มีเงิน เขาจะเข้ามาหาเราไหม เพราะเราไม่ได้สวย แล้วคนที่อยู่กับเรามา 5-6 ปี ทำไมเราทิ้งเขามาแบบง่ายๆ ขนาดนั้น เราเลยรู้สึกตัวว่าเราจะเสียคนที่รักเราขนาดนั้นไม่ได้ เราก็รีบโทรหาเขาเลย หนูขอโทษนะ หนูรู้แล้วว่าคนไหนที่รักหนูจริง
ถาม ณ วันนั้น ชาติ ก็รู้ใช่ไหมว่าเรามีคนอื่น
ลูลู่ : รู้ค่ะ เขาตามไปถึงบ้านพักเลย โทรหาเราตลอดเลยว่าเขาผิดอะไร ทำไมถึงทิ้งเขา แต่พอเรารู้ว่าคนนั้นไม่ใช่แล้ว เรารู้สึกตัวเลยว่าเราผิดเองที่ก้าวออกไปจากชีวิตเขา ซึ่งเขาไม่เคยผิดอะไรเลยเขาเป็นคนที่ดีมาก ซึ่งพอเรากลับไปเราบอกเขาว่า ชาติ ดวงขอโทษนะ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ดวงจะไม่ทำเลย พอกลับมาก็ขอโทษเขา อันไหนที่เราไม่ดี ตรงไหนที่ดวงผิดพลาด ตรงไหนที่ชาติผิดพลาดก็บอกกัน ซึ่งเราก็ได้จูนหรือว่าทำตัวใหม่ เพราะก่อนหน้านี้เราไม่เคยได้คุยรายละเอียดกันเลย และสิ่งหนึ่งที่เขาไม่เคยพูดกับเราและเราก็ไม่รู้ตัวด้วย เขาบอกว่าชาติขออะไรได้ไหม เวลาไปข้างนอก เวลาไปเจอใครตามกอง ชาติไม่อยากให้กอดคอ หอมแก้มอะไรเขามากเกินไป ถึงเขาไม่พูด แต่อยากให้นึกถึงความรู้สึกของเขาบ้าง เพราะเราใช้ชีวิตอยู่บนเวทีเล่นในชีวิตที่อยู่นอกเวทีจนเคยตัว เราก็เลยลืมนึกถึงความรู้สึกเขาตรงนั้นไป