กรณีพ.ต.ท.สฤษดิ์ สิทธิ์นะศรี รอง ผกก.(สอบสวน) สน.วัดพระยาไกร กรุงเทพฯ รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายภายในห้องเช่าแห่งหนึ่ง ย่านถนนเจริญกรุง แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมกองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช รพ.จุฬาฯ และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
สาวแค้นแทงอดีตแฟนดับกรีดข้อมือเซ่นพิษรัก ญาติสงสัยจัดฉากท้องลวงฆ่าชิงทอง
ที่เกิดเหตุเป็นอพาร์ตเมนต์แบ่งให้เช่า สูง 7 ชั้น จากการตรวจสอบในห้องชั้น 2 พบศพ นายประเวช อายุ 37 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด เจ้าของห้องเช่าดังกล่าว สภาพศพนอนหงายมีผ้าห่มสีชมพูคลุมร่างอยู่ที่พื้นข้างเตียงนอน สวมเสื้อกีฬาแขนสั้นสีส้ม นุ่งกางเกงฟุตบอลขาสั้นสีดำ มีบาดแผลถูกแทงด้วยมีดปลายแหลม เข้าที่ราวนมซ้ายตัดขั้วหัวใจ 1 แผล ข้างกันๆพบร่าง
ขณะที่น.ส.เปมิกา ผิวสอาด อายุ 32 ปี ชาว จ.ขอนแก่น แฟนสาวผู้ตาย นอนหมดสติหายใจรวยริน ในสภาพมีผ้าห่มสีชมพูอีกผืนคลุมตัวไว้ สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว นุ่งกางเกงขาสั้นสีแดง มีบาดแผลถูกกรีดที่ข้อมือด้านซ้าย 1 แห่ง และน่าจะกินยาบางชนิดเข้าไปเกินขนาด
เบื้องต้นหน่วยกู้ภัยจึงรีบนำร่างฝ่ายชายส่ง รพ.เจริญกรุง ประชารักษ์ ให้แพทย์ทำการรักษา อีกทั้งในห้องพักพบอาวุธมีดทำครัวยาว 6 นิ้ว วางอยู่ที่พื้น 2 เล่ม พร้อมกับขวดน้ำพลาสติกบรรจุของเหลว คล้ายน้ำยาซักรีดผ้าวางอยู่ 2 ขวด จึงเก็บรวบรวมรายละเอียดไว้เป็นหลักฐาน
เมื่อตรวจสอบเฟซบุ๊กของน.ส.เปมิกา พบว่ามีการโพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพเมื่อ 1 วันที่แล้ว เป็นภาพเครื่องตรวจครรภ์ที่ขึ้น 2 ขีด และภาพตัวเองกับผู้ตาย พร้อมข้อความระบุว่า “คนที่รัก คนที่คิดว่าแสนดี กลับทำร้ายกันด้วยการให้เอาลูกออก แล้วจะไปหมั้นหมายกับผญ.อื่น พี่คิดได้ยังไง"
"พ่อแม่พี่ก็สนับสนุนให้ลูกชายทำชั่ว และหาผญ.อื่นมาให้ตบแต่ง พรากพ่อแม่ลูก จิตใจต้องอำมหิตแค่ไหน ตัวฉันต้องทนทุกข์ทรมานเหมือนตายทั้งเป็น ต่อจากนี้ไปจะไม่มีใครพรากเรา 3 คนพ่อแม่ลูกได้ตราบชั่วนิรันดร์ แม่จ๋าหนูขอโทษนะ ที่หนูไม่ได้อยู่ดูแลแม่ หนูรักแม่นะ”
ทีมข่าวเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุภายในห้องพัก ชั้น 2 อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ซึ่งญาตินิมนต์พระ 2 รูป มาทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณผู้ตาย พร้อมเก็บของทั้งหมดกลับบ้านที่ จ.ร้อยเอ็ด
น.ส.เยาวเรศ ชาวิเศษ อายุ 33 ปี น้องสาวผู้เสียชีวิต กล่าวว่า พี่ชายคบกับน.ส.เปมิกา ประมาณ 1 ปีเศษ และเลิกรากันไปประมาณ 1 ปีแล้ว โดยผู้หญิงก็มีผู้ชายคนใหม่ก่อนพี่ชายตน โดยเมื่อ 1 เดือนที่แล้ว พี่ชายเล่าให้ตนฟังว่า ฝ่ายหญิงกลับมาหาและขอให้พาไปเที่ยว เพื่อขอเวลาทำใจ ซึ่งพี่ชายไม่ได้เล่ารายละเอียด
กระทั่งก่อนเกิดเหตุ 1 วัน ฝ่ายหญิงมาบอกว่าท้องกับพี่ชาย โดยมีการพูดคุยกัน พี่ชายตนยืนยันว่าจะรับผิดชอบแค่ลูก ไม่ได้ปัดความรับผิดชอบ แต่ตนมองว่าฝ่ายหญิงเตรียมการไว้หมดแล้ว ก่อนเกิดเหตุได้เตรียมผ้าห่มวางไว้บริเวณประตู ไม่ให้เลือดไหลท่วมออกไปเพื่อไม่ให้คนอื่นรู้
โดยก่อนเกิดเหตุ ช่วงค่ำพี่ชายโทรหาตนพูดเป็นลางว่า ฝากดูแลพ่อกับแม่ กระทั่งเวลา 01.30 น. พี่ชายส่งแชตเฟซบุ๊กมาหาตน ถามว่านอนหรือยัง พร้อมรูปสติกเกอร์กอดเข่า คล้ายกำลังกลุ้มใจ แต่ตนไม่ได้ตอบ จากนั้นเวลา 02.00 น. พี่ชายโทรศัพท์หาแม่ แต่มีเสียงผู้หญิงแทรก พูดในทำนองจะโทรหาแม่ทำไม
โดยพี่ชายตนไม่ใช่คนติดเหล้าหรือดื่มหนัก คิดว่าผู้หญิงน่าจะวางยาพี่ชายให้นอนหลับสนิทก่อนจ้วงแทง 1 ครั้ง แล้วจึงพยายามฆ่าตัวตายตาม ซึ่งผู้หญิงเป็นคนใจเด็ด เคยประชดพี่ชายตนด้วยการพยายามผูกคอตายแล้ว 1 ครั้ง ทั้งนี้ยืนยันว่าพี่ชายตนไม่ได้บังคับให้อีกฝ่ายทำแท้ง รวมถึงพ่อแม่ก็ไม่ได้บังคับพี่ชาย ส่วนเรื่องผู้หญิงคนใหม่นั้น เป็นคนที่ผู้ใหญ่แนะนำ และเพิ่งเจอกันแค่ 1 ครั้ง ยังไม่ได้หมั้นหมายตามที่มีข่าว
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.โบว์ (นามสมมติ) อายุ 21 ปี น้องสาว น.ส.เปมิกา กล่าวว่า พี่สาวไม่เคยเล่าอะไรให้ฟังก่อนเกิดเหตุ แต่ช่วงเช้าเวลา 07.00 น. วันที่ 8 พ.ย.63 พี่สาวส่งไลน์มาสั่งเสีย บอกว่าให้ไปเก็บของรวมถึงทรัพย์สินที่ห้องพักของตัวเอง พร้อมฝากดูแลแม่ด้วย เพราะจะไม่อยู่แล้ว จะฆ่าตัวตาย ตนจึงรีบไปหาพี่สาวที่ห้องพักย่านเจริญนครในเวลา 08.00 น. เมื่อไปถึงพังประตูเข้าไปไม่พบพี่สาว จึงโทรสอบถามเพื่อนร่วมงานถามหาที่พักของนายประเวช
เมื่อได้ที่อยู่จึงไปตามหาพี่สาว กระทั่งไปถึงอพาร์ตเมนต์ผู้ตายในเวลา 10.00 น. เห็นรถจักรยานยนต์ผู้ตายจอดอยู่ แต่ไม่สามารถขึ้นไปบนห้องได้ เพราะเจ้าของที่พักไม่อนุญาต จากนั้นจึงเดินทางมาที่โรงพักเพื่อแจ้งความ แต่ยังไม่สามารถแจ้งได้ เพราะยังไม่เกิดเหตุการณ์ จึงกลับมารอที่อพาร์ตเมนต์ ก่อนที่ญาติฝ่ายชายจะเข้ามาและแจ้งความอีกครั้ง จนเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาช่วงเที่ยง โดยได้พังประตูเข้าไปดู แต่ตนไม่กล้าเข้าไป เพราะคิดว่าพี่สาวอาจจะเสียชีวิตแล้ว
โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่า ฝ่ายชายเสียชีวิตแล้ว แต่พี่สาวตนยังมีชีพจรอยู่ ตนจึงรีบนำตัวพี่ส่งโรงพยาบาล ซึ่งอาการของพี่ปลอดภัยแล้ว แพทย์ตรวจพบว่าท้องจริง อายุครรภ์ 1 เดือนเศษ แต่ยังไม่รู้ว่าอาการของเด็กในท้องเป็นอย่างไร ทั้งนี้พี่สาวตนได้กรีดข้อมือแต่ไม่ลึกมาก รวมถึงกินยาพาราไป 1 แผง ยาแก้แพ้ 100 เม็ด และน้ำยาเช็ดกระจกไปด้วย แต่โชคดีน้ำยาเช็ดกระจกไม่ได้เป็นกรด จึงไม่ได้รับอันตรายรุนแรง
โดยตนคิดว่าพี่สาวน่าจะแทงฝ่ายชายจริง แต่ไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งทางบ้านก็ทราบเรื่องว่าพี่สาวท้องจากการโพสต์เฟซบุ๊กก่อนเกิดเหตุ ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนคุยกับพี่สาวเมื่อวันศุกร์ พี่สาวยังพูดคุยกับตนปกติ ก่อนหน้านี้พี่สาวตนบอกว่าเลิกกับนายประเวชแล้ว แต่ยังติดต่อกัน เพราะช่วงเดือนส.ค.63 ตนไปเที่ยวกับพี่สาว นายประเวชก็ไปด้วย ซึ่งพี่สาวบอกว่ากำลังพยายามจะคืนดี แต่ยังไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่เท่าที่สังเกตทั้ง 2 คนก็ยังทำตัวเหมือนเป็นแฟนกัน โดยตนก็ไม่ทราบว่าฝ่ายชายมีคนใหม่แล้วหรือไม่ รวมถึงพี่ตนก็ไม่ได้บอกว่ามีคนใหม่แล้ว เพราะในเฟซบุ๊กก็ไม่ได้ลงรูปคู่กับใคร
สาเหตุในครั้งนี้พี่สาวตนน่าจะเครียด เพราะไม่ค่อยพูดหรือบอกใครเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว โดยญาติก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนพี่สาวก็เอาแต่นอนร้องไห้ พูดแค่ว่าตัวเองเป็นคนผิด แต่ไม่ได้พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยพี่สาวเคยพูดว่ารักผู้ชายคนนี้มาก ไม่อยากเสียผู้ชายคนนี้ไป
ทั้งนี้ตนยืนยันพี่สาวตนไม่ได้ขโมยทอง 4 บาทตามที่มีข่าว เพราะพี่สาวบอกให้ไปเอาทรัพย์สินที่ห้องพักตัวเอง มีสร้อยคอกับสร้อยข้อมือของพี่สาวที่เจ้าตัวใส่อยู่ประจำ ไม่ใช่ของฝ่ายชาย โดยหลังจากนี้ต้องรอให้พี่หายดี แล้วจะพามาสอบปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะที่พนักงานสอบสวน สน.วัดพระยาไกร ระบุ อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เตรียมสอบปากคำน.ส.เปมิกา หากพบว่าก่อเหตุจริงจะแจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
อย่างไรก็ตาม เมื่อตรวจสอบเฟซบุ๊กของนายประเวช เมื่อวันที่ 7 พ.ย.63 แชร์ภาพคำคม ระบุว่า "พ่อแม่ครูอาจารย์ด่า เท่ากับเอาดอกมะลิขว้าง พ่อแม่ครูอาจารย์ทำลายลูกศิษย์ไม่มี"
Advertisement