ต้องบอกเลยว่ากระแสของภาพยนตร์เรื่อง เฮ้ย ! ลูกเพ่ นี่ลูกพ่อ ที่แสดงโดยพระเอกนางเอกแนวหน้าอย่าง โป๊ป ธนวรรธน์ , เต๋อ ฉันทวิชช์ และแซมมี่ เคาวเวลล์ กลับไม่ปังอย่างที่คิดไว้ เพราะหนุ่มเต๋อ แสดงที่ไรก็กวาดรายได้เป็นร้อยล้านแทบทุกเรื่อง วันนี้ (12 พฤศจิกายน 2563) ได้เจอสาวแซมมี่ หนึ่งในนักแสดงของหนังเรื่องนี้ ก็เลยเข้าไปถามสักหน่อยว่ารู้สึกยังไงบ้าง เจ้าตัวก็บอกว่าไม่นอยด์ ที่รายได้อาจจะน้อยกว่าที่คิดไว้ เพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่โดยส่วนตัว ได้เล่นภาพยนตร์เป็นครั้งแรก ก็มีความสุขมากๆแล้ว ส่วนกระแสจะบวกหรือลบก็เป็นกำไร อีกอย่างการทำอะไรก็ตามแต่ตนคิดเสมอว่าต้องมีทั้งคนชอบและไม่ชอบอยู่แล้ว จากนี้ก็ยังอยากรับงานหนังอีก เพราะสนุกมาก เรียกว่าติดใจได้เลย
ส่วนความรัก สาวแซมมี่ ก็บอกว่ายังเหมือนเดิม เรื่อยๆ ไม่มีอะไรคืบหน้า ยังคงสถานะแค่คนคุย เป็นเพื่อนกันอยู่ โดยยังไม่รีบที่จะเลื่อนเป็นแฟน ซึ่งตนก็ไม่ได้ปิดบังอะไร ไปไหนด้วยกันก็ทำตัวปกติ ไม่ได้หลบๆซ่อนๆ แต่ยังรู้สึกว่าไม่ถึงเวลาที่ลงรูปด้วยกัน
กระแสหนังเป็นยังไงบ้าง?
“ถามว่าคาดหวังไหม เราไม่ได้คาดหวังขนาดนั้น เราแฮปปี้กับการได้เล่นแล้ว ส่วนกระแสเป็นอะไรที่กำไรนะ ในความรู้สึกหนู หนังเรื่องแรกด้วย ทุกวันนี้ยังมีแฟนคลับที่แท็กรูปตั๋ว มาทุกวันแสดงว่าทุกคนไปดูหนังกันมาทุกวัน ก็ดีใจบางคนดูเกิน2 รอบด้วย”
เสียดายจังหวะในการฉายไหม นักแสดงแต่ละคนตัวใหญ่ทั้งนั้นอาจจะเปรี้ยงกว่านี้?
“มันเป็นสิ่งที่เราคอนโทรลมันไม่ได้แล้ว มันอยู่นอกเหนือการควบคุมของพวกเราทุกคน แต่เราเต็มที่กับมันจริงๆ ไม่มีใครรู้สึกเสียดายหรอก ทุกคนแฮปปี้กับยอด กับอะไรหลายๆอย่าง”
มีเช็คในเรื่องของรายได้ไหม?
“เราไม่ได้นั่งเช็ค บางทีเจอพี่ทีมงานก็มาบอกว่าตอนนี้ได้เท่านี้แล้ว”
ได้ดูผลงานการแสดงของเราหน้าจอไหม?
“ดูๆ หนูก็ซื้อตั๋วเข้าไปดู เหมือนกันรอบสอง มันก็เขินๆ นะ ตอนที่นั่งดูรอบสื่อมวลชนก็ยังเขินตัวเองเลย และก็ไปอุดหนุนหนังตัวเองอีกรอบนึง ก็ยังเขินเหมือนเดิม มันไม่ชิน ส่วนตัวก็พอใจนะ สำหรับหนังเรื่องแรกของหนู แฮปปี้ได้เจอพี่ๆ และผู้กำกับ ที่เราไม่น่าจะมีโอกาสได้เจอบ่อยๆ มันก็ถือว่าเป็นประสบการณ์”
เล่นกับเต๋อ ฉันทวิชช์ คาดหวังจะเป็นนางเอกร้อยล้านบ้างไหม?
“อุ๊ย! ไม่กล้าคาดหวังหรอกค่ะ อย่างที่บอกมันเป็นเรื่องที่เราควบคุมไม่ได้ ไม่นอยด์เลย เราแฮปปี้ด้วยซ้ำ มีแล้วเรื่องนึงก็อยากจะลองเล่นอีกเรื่อยๆ”
มีโอกาสได้อ่านเพจที่วิจารณ์เรื่องหนังของเราบ้างไหม?
“ไม่ได้ดูเลยค่ะ แต่ก็จะเห็นจากที่ แท็กมาในอินสตาแกรม จริงๆแล้ว ฟีดแบ็กก็ดีนะ ที่เขียนมาก็โอเคนะคะ 90 เปอร์เซ็นต์ถือว่าเป็นคำชม”
ด้านลบ เราอ่านไหวไหม?
“ก็ไหวนะ ด้านลบที่เจอผ่านๆ เขาวิจารณ์โดยไม่ได้มีอคติอะไร วิจารณ์ตามเนื้อผ้า เนื้องานจริงๆ ซึ่งแน่นอนมันจะมีทั้งด้านดีและด้านลบ ในทุกเรื่องที่เราทำ”
ทำใจมาก่อนหน้านี้แล้วว่าจะต้องโดนกระแสด้านลบ? “ไม่ว่าจะทำอะไรมันก็มีหมดแหละทั้งสองด้าน เราแค่เลือกโฟกัสดีกว่า ด้านลบเราก็กลับมามองตัวเอง”
อยากรับงานหนังอีกไหม?
“ อยากค่ะ รู้สึกชอบวิธีการทำงาน วิธีการถ่ายทำ การแสดงมันก็ไม่เหมือนกัน เรียกว่าติดใจก็ได้ค่ะ”
ความรักเป็นยังไงบ้าง?
“ไม่มีอะไรอัปเดตเลยค่ะ ยังไม่มีอะไรให้เปิดเลย นอกจากรูปเข้าป่าขึ้นเขา ก็จะอยู่ทะเลซะส่วนใหญ่”
คนพิเศษไปด้วยไหม?
“ไม่ค่ะ ไปกับคุณแม่ คือต่างคนต่างใช้ชีวิต ต่างคนต่างทำหน้าที่ ทำงานกันไป ถามว่ามีเวลาให้กันไหม ก็ปกตินะ เวลาหลักๆ ของเราก็คืองาน เพราะฉะนั้นคิวไปเที่ยวเราก็รอจากงานที่ไม่ได้ใช้คิวถึงจะไป”
เจอกันบ่อยไหม?
“เรื่อยๆ ไม่ได้บ่อยมาก”
มีแพลนทริปด้วยกันไหม?
“ด้วยสถานการณ์ตอนนี้มันไม่มีอะไรแน่นอนเลยไม่กล้าแพลนอะไรเท่าไหร่”
ที่ไม่เที่ยวด้วยกันเพราะไลฟ์สไตล์ไม่เหมือนกันรึเปล่า? “ไม่ใช่ประเด็นค่ะ เป็นเรื่องของเวลา การใช้ชีวิตที่อยู่กับเพื่อน หรืออยู่คนเดียว ถามว่าเขาเข้าใจไหมก็เข้าใจค่ะ เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่”
ติดอะไร?
“ไม่ติดอะไรเลย ปล่อยให้เวลาทำหน้าที่ของมันไป ถามว่าปิดบังไหม ไม่ได้ปิดนะ ถามว่าไปไหนกับใคร ก็ไปปกติ ไม่ได้แอบอะไร”
เขารีบเป็นแฟนไหม?
“ไม่ค่ะ”
ถามเขาถามถึงสถานะ?
“ยังไม่ได้คิดขนาดนั้น จะลองกลับไปคิดดู”
