จากกรณี นายจรูญ มีพันธ์ อายุ 82 ปี อาชีพเก็บขยะขาย หรือคุณลุงขี่ซาเล้ง ที่ถูก นายนราธร โสดติยัง หรือ จ๊อด อายุ 21 ปี ทำร้ายร่างกาย กระทั่งวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กแฟนเพจ "แหม่มโพธิ์ดำ" โพสต์รูปภาพของลุงจรูญ พร้อมข้อความ ว่า “นี่คือสภาพคุณลุงขี่ซาเล้งที่ถูกจ๊อดกระโดดถีบ จากคนแข็งแรง ตอนนี้คือไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย นั่งไม่ได้ ยืนไม่ได้ ตัวคนก่อเหตุมาขอเจรจา ผ่อนจ่ายเดือนละ 3,000 จะไปพออะไร เดี๋ยวพรุ่งนี้จะให้พี่เต้ไปเยี่ยม และพาลูกเขาไปเปิดบัญชีช่วยเหลือเบื้องต้น เพื่อให้เงินทุกบาททุกสตางค์ไปถึงคุณลุงทั้งหมด สงสารมากเลย”
วันนี้ (22 มี.ค.)
คุณวนิดา มณีพันธ์ ลูกสาวของลุงจรูญ เปิดเผยว่า ล่าสุดลุงขยับตัวได้แค่ซีกขวา ซึ่งวันนี้ มีการพูดคุยโต้ตอบได้มากกว่าทุกวัน โดยหลักๆ ตนเองและคุณแม่ จะเป็นคนดูแล ส่วนลูกๆ คนอื่น ก็มีแวะเวียนมาดูแลบ้าง แต่ไม่ได้มานอนค้างที่บ้าน
ส่วนที่มีการเปิดบัญชีช่วยเหลือลุง ล่าสุด มีคนช่วยเหลือมาค่อนข้างเยอะ โดยมีคุณแม่เป็นคนดูแลค่าใช้จ่าย เปิดบัญชีร่วมกับทีมงานจากเพจแหม่มโพธิ์ดำ ที่มาช่วยจัดการดูแลบัญชีการใช้จ่ายทั้งหมด ส่วนที่หลายคนเกรงว่าเงินจะไม่ถึงลุงโดยตรงนั้น ตนขอชี้แจงว่า บัญชีนี้เป็นการเปิดบัญชีร่วม ลูกไม่มีสิทธิ์ได้รับผลประโยชน์ใดๆ ซึ่งทุกครั้งที่จะเบิกเงิน คนกลางจะให้เขียนแจกแจงว่านำเงินไปใช้อะไรบ้าง ก่อนที่จะไปเบิกเงินในส่วนนั้นร่วมกัน
คุณวนิดา ระบุว่า ล่าสุดวันนี้ฝั่งของคู่กรณี ได้แวะมาดูอาการของลุงจรูญ แต่ไม่มีการให้เงินช่วยเหลือ เพียงแต่ได้ช่วยเหลือตามที่ตกลงไว้ เดือนละ 3,000 บาท ระยะเวลา 27 เดือน ขณะที่ก่อนหน้านี้ ได้ให้เงินช่วยเหลือมาแล้ว 15,000 บาท โดยการที่ฝ่ายคู่กรณีมาดูอาการลุงวันนี้ ส่วนตัวมองว่า ต้องมีการกระตุ้นก่อนจึงจะมา หรืออาจจะเข้าใจได้ว่า คงจะติดงานถึงไม่ได้มาเยี่ยม
อย่างไรก็ตาม การเปิดบัญชีระดมทุนช่วยเหลือลุงจรูญนั้น คุณวนิดาระบุว่า หากคนจะมองไม่ดี ก็ไม่สามารถห้ามคนมองได้ แต่ยืนยันว่า การเบิกจ่ายทั้งหมดเป็นไปตามขั้นตอน มีการเขียนรายละเอียดชี้แจงความจำเป็นที่จะต้องใช้เงิน ให้กับทีมงานเพจแหม่มโพธิ์ดำพิจารณาก่อนทุกครั้ง
ขณะที่วันนี้ทีมข่าวพบว่า
คุณหลิน (สงวนชื่อ-นามสกุล) อาชีพพนักงานบริษัท ที่มาเป็นจิตอาสาดูแลลุงจรูญ โดยเปิดเผยว่า ตนทราบจากข่าว จึงมาเยี่ยมลุงตั้งแต่เมื่อวานนี้ และวันนี้เป็นครั้งที่ 2 ส่วนตัวตั้งแต่รู้ว่าลุงปั่นซาเล้งก็สงสารแล้ว พอลุงโดนทำร้ายยิ่งสงสาร เพราะลุงก็อายุมากแล้ว โดยตนติดตามข่าวอาการของลุงตลอด เมื่อเห็นลุงก็ทำให้นึกถึงปู่ตัวเอง เข้าใจดีว่าคนแก่พอทรุดลงแล้ว ก็ยากที่จะกลับคืนมา จึงรู้สึกเป็นห่วง แต่ปกติแล้วตนเองก็ไม่ได้ดูแลคนสูงอายุ เพราะปู่ย่าเสียชีวิตหมดแล้ว จึงอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่อยากมาดูแลลุงด้วย ซึ่งต่อจากนี้ก็คิดว่าจะมาดูแลลุงเรื่อยๆ