หลายคนคงจำกันได้ ครั้งดีเอสไอประสานกองปราบ บุกทลายออฟฟิศเครือข่ายแชร์ลูกโซ่ขายตะเกียงน้ำมันหอมระเหยกลางกรุง เมื่อช่วงปี 2555 หลังมีธุรกิจขายตรงบังหน้าเปิดระดมทุนจากสมาชิกรายละ 2 แสนบาท แลกกับผลตอบแทน 4 หมื่นบาทต่อเดือน จนมีผู้เสียหาย หลงเชื่อร่วมนำเงินเข้าลงทุนมูลค่ากว่า 5 พันล้านบาทพร้อมตั้งข้อหาให้กับผู้ที่ทำกระบวนการเหล่านี้ ใน
ฐานฉ้อโกงประชาชนและกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกง
ล่าสุด ( 8 พ.ค.2560) เวลา 14.15 น. นายสมศักดิ์ เลื่อนสันเทียะ
สมาชิกบริษัทขายตรงน้ำมันหอมระเหยและเพื่อนสมาชิก ได้เข้าร้องเรียนในรายการคลายทุกข์ชาวบ้านว่า เมื่อ 5 ปีที่แล้วหลังบริษัทถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เข้าจับกุมผู้บริหารบริษัท
ฐานความผิดฉ้อโกงประชาชน จากการทำธุรกิจขายตรงบังหน้า แต่กลับเปิดระดมทุนสมาชิกโดยให้ผลตอบแทนสูง พร้อมโน้มน้าวให้สมาชิกไปหาลูกข่ายมาสมัครต่ออีกทอดหนึ่ง ผ่านไปเกือบ 5 ปีหลังสมาชิกชุดแรกถูกจับกุมวันนี้พวกเขาบางรายเริ่มตกเป็นผู้ต้องหา จึงต้องการแสดงตัวตนว่าพวกเขาแม้จะเป็นแม่ข่าย แต่ถือเป็นผู้เสียหายเช่นกัน มูลค่าความเสียหายแต่ละรายไม่ต่ำกว่า 5 แสนบาท ถึง 3 ล้านบาท
สมาชิกบริษัทขายตรงน้ำมันหอมระเหย กล่าวว่า ตอนแรกตนเองเริ่มทำธุรกิจแบบแฟรนไชส์และสมัครบัตรแบบสมาร์ทการ์ด ราคา 1,600 บาท พร้อมเข้าอบรมของบริษัท ตามกระบวนการของแต่ละบริษัท และตัดสินใจที่จะทำธุรกิจ เพราะบริษัทดูน่าเชื่อถือและมีการจดทะเบียนเรียบร้อย โดยนำสินค้ามาลงแฟรนไชส์ตนเอง และทำมาเป็นเวลา 3 ปี พร้อมมีการแนะนำและบอกต่อไปยังบุคคลอื่น ตามที่บริษัทได้แนะนำ จนมีคนมาสมัครและคิดว่าตนเองถูกหลอกจึงได้มีการร้องเรียน ซึ่งตนเองไม่รู้มาก่อน เพราะทำตามระเบียบตลอดแต่กลับต้อง
ถูกข้อกล่าวหา พร้อมบอกว่า ตนเองไม่ได้ตั้งใจหลอกลวงใคร อยากจะมาขอความยุติธรรมกับทาง
รายการคลายทุกข์ชาวบ้าน เพราะกำลังจะโดนดำเนินคดี
ด้าน
ทนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ในฐานะผู้ดำเนินรายการคลายทุกข์ชาวบ้าน เปิดเผยว่า แชร์หอมระเหยเป็นที่โด่งดังเมื่อราว 5 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นบริษัทขายตรงขนาดใหญ่ ที่มีผู้เข้าร้องเรียนจำนวนมาก พบความเสียหายกว่า 5,000 ล้านบาท ดีเอสไอจึง ต้องเข้ามาดำเนินการ ซึ่งหากผู้เสียหายยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแนะนำให้ไปเขียนหนังสือขอความเป็นธรรม ส่งถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ// ปลัดกระทรวงยุติธรรม// รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมระบุ มีส่วนรู้เห็นหรือไม่มีส่วนรู้เห็นกระทำความผิด โดยให้ระบุตามความเป็นจริง พร้อมชี้แจงว่าตนเองก็ถูกหลอกเช่นเดียวกันพร้อมแนบหลักฐานประกอบการพิจารณาด้วย พร้อมแสดงความบริสุทธิ์ใจ