กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก "อลงกรณ์ พยัคฆ์บูรพา" ได้โพตส์ภาพพร้อมบรรยายข้อความ ภายหลังนายนิวัตร์ แสนคำ ได้หายออกจากบ้านแถววัดท่อใหญ่ ต.หนองอิรุณ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ไปวันที่ 4 พ.ย.63 เวลา 04.00-05.00 น. กระทั่งมีคนไปพบเป็นศพในป่าอ้อย อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี
ทั้งนี้พ.ต.อ.ทวี กุดแถลง ผกก.สภ.บ้านบึง พนักงานสอบสวน ชุดสืบสวน แพทย์เวร รพ.บ้านบึง และหน่วยกู้ภัยศีลธรรมสมาคม ร่วมกันตรวจสอบผู้เสียชีวิตที่ได้แจ้งหายและได้ออกตามหากันประมาณ 10 วัน หลังชาวบ้านที่พบแจ้งว่าได้กลิ่นเหม็นเน่า จึงเดินลัดป่ามาจนมาพบผู้เสียชีวิต สภาพไม่สวมใส่เสื้อผ้า นอนหงายอยู่ในป่าอ้อย ใกล้เคียงที่พักประมาณ 300-400 เมตร
จากการตรวจสอบจากแพทย์เวร ยังไม่สามารถระบุการตายได้ จึงต้องรอส่งไปสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจก่อน เพื่อผ่าหาสาเหตุการเสียชีวิตต่อไป
ล่าสุดวันที่ 16 พ.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ บริเวณป่าอ้อยแถววัดท่อใหญ่ ต.หนองอิรุณ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี เมื่อไปถึงพบว่าบริเวณจุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เก็บรวบรวมหลักฐานไปตรวจสอบเกือบหมดแล้ว แต่ยังมีเศษเส้นผมของเสียชีวิตบางส่วนหลงเหลืออยู่ในจุดเกิดเหตุ
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายสมเกียรติ สวัสดิ์ดี อายุ 38 ปี น้องชายผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิต คือ นายนิวัตร์ แสงคำ อายุ 51 ปี ชาวบ้านตาลดำ ต.หนองอิรุณ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี แต่มาอยู่เลี้ยงควายกับตนแถววัดท่อใหญ่ ต.หนองอิรุณ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ได้ประมาณ 4 ปี ปกติแล้วนายนิวัตร์ เป็นคนนิสัยดี ชอบดื่มสุรา ถือเป็นมือวางอันดับ 1 นักแข่งขันประเพณีวิ่งควายจ.ชลบุรี
เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 พ.ย.63 นายนิวัตร์ ได้บอกกับคนที่บ้านว่า จะออกไปทำงานที่บ้านน้องชายแถว ต.ทุ่งเหียง อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี เพราะติดหนี้ร้านค้าไว้จำนวนหลักร้อยบาท จะไปทำงานมาใช้หนี้ ในตอนแรกตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร เนื่องจากคิดว่าไปทำงาน แต่เมื่อโทรศัพท์ติดต่อนายนิวัตร์ ก็ไม่รับ จึงโทรสอบถามน้องชายคนที่นายนิวัตร์ บอกจะไปทำงานด้วย ปรากฏว่าไม่ได้ไป คนในครอบครัวก็เริ่มเอะใจ จึงช่วยกันออกตามหาแต่ก็หาไม่พบ
กระทั่งวันที่ 8 พ.ย.63 จึงเข้าไปแจ้งความคนหายกับตำรวจที่ สภ.บ้านบึง ให้ช่วยออกตามหา จนวันที่ 14 พ.ย.63 ตนและคนในครอบครัวช่วยกันออกตามหาอีกครั้ง ขณะที่ตนขับรถยนต์ออกค้นหา กระแสแลสมได้พัดกลิ่นเหม็นเน่าออกมาจากป่าอ้อยที่อยู่ห่างจากบ้านที่เลี้ยงควายประมาณ 200 เมตร จึงตัดสินใจเข้าไปดู ก็ไปพบร่างของนายนิวัตร์ อยู่ในสภาพเปลือยกลาย ร่างดำแห้ง เสื้อผ้าถูกทอดทิ้งห่างจากศพประมาณ 30 ซม. จึงรีบประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยเข้าทำการตรวจ
จากการตรวจสอบพบว่า ศพของนายนิวัตร์ มีร่องรอยของมีคมบาดที่บริเวณหน้าอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมข้อมูลไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำศพส่งสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ เพื่อผ่าหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดอีกครั้ง ก่อนนำศพกลับมาประกอบพิธีกรรททางศาสนาที่วัดแถวบ้าน
หลังเกิดเหตุ ตนยืนยันว่ายังคงติดใจกับการเสียชีวิตของนายนิวัตร์ เนื่องจากมีร่องรอยคล้ายถูกทำร้าย และสภาพศพเปลือยกาย ถูกถอดเสื้อผ้าไว้จึงทำให้สงสัยว่าอาจจะเป็นการฆาตกรรมหรือไม่ อีกทั้งวันที่ 1 พ.ย.63 ก่อนพบศพผู้เสียชีวิตได้มีปากเสียงทะเลาะกับเพื่อนบ้านที่อยู่ห่างกันประมาณ 500 เมตร เนื่องจากทั้งคู่ขับรถยนต์สวนกัน ต่างคนต่างเมาสุรา จึงจอดรถลงมายืนทะเลาะกัน ตนที่เห็นเหตุการณ์จึงเข้าไปห้าม จึงสงสัยว่าเพื่อนบ้านรายนี้อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องรอผลจากทางนิติเวช และปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
สุดท้ายนี้ตนอยากให้วิญญาณของนายนิวัตร์ ดลใจให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเจอคนที่ทำร้าย หากมีจริง พร้อมทั้งหากเจอตัวผู้กระทำผิด ตนก็อยากถามว่า "ทำไปเพื่ออะไร ทำแบบนี้ทำไม"
นายปรีชา โพธิ์อนันต์ กู้ภัยสว่างศิลธรรมสมาคมบ้านบึง จ.ชลบุรี กล่าวว่า หลังรับแจ้งเหตุมีผู้สูญหายเป็นชาย อายุ 51 ปี บริเวณแถววัดท่อใหญ่ ต.หนองอิรุณ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี จึงช่วยกันออกทำการค้นหาพร้อมกับครอบครัวผู้สูญหาย โดยออกตระเวนเป็นวงกว้างโดยรอบพื้นที่บ้านพักที่ผู้เสียชีวิตมักจะเลี้ยงควาย แต่ก็ไม่พบจนระยะเวลาผ่านไป 10 วัน จึงได้รับแจ้งจากทางครอบครัวว่า พบศพผู้แสียชีวิตแล้วอยู่บริเวณป่าอ้อย หากจากที่พักประมาณ 200 เมตร
ทั้งนี้จึงรุดทำการตรวจสอบ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตอยู่ในสภาพ ร่างเปลือยกาย ดำเน่า ข้อแขน-ขา ทั้ง 2 ข้างหายไป คาดว่าสุนัขกัดแทะไปจนหมด เพราะจากการสันนิษฐานเสียชีวิตมานานเวลากว่า 10 วัน อีกทั่งยังพบร่องรอยรูโบ๋ที่บริเวณหน้าอก คาดว่าอาจจะเกิดจากของแข็งทำร้าย จึงนำร่างของผู้เสียชีวิตนำส่งนิติเวช รพ.ตำรวจ เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดอีกครั้ง
หลังจากนั้นทีมข่าวเดินทางไปที่บ้านของผู้ต้องสงสัย ห่างจากจุดที่ผู้เสียชีวิตเลี้ยงควายประมาณ 500 เมตร อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี เมื่อไปถึงพบว่าผู้ต้องสงสัยไม่ได้อยู่บ้าน เนื่องจากออกไปทำงานรับจ้างขับรถแบ็กโฮ
ทีมข่าวจึงได้พูดคุยกับ นางกิม (นามสมมติ) แม่ของผู้ต้องสงสัย เปิดเผยว่า ตนยอมรับว่าลูกชายของตนเคยมีปากเสียงทะเลาะกับผู้เสียชีวิตจริง เมื่อวันที่ 1 พ.ย.63 ที่ผ่านมา เพราะทั้งคู่ขับรถสวนกันด้วยความเร็ว บวกกับเมาสุราจึงเป็นเหตุให้มีปากเสียง แต่ทั้งคู่ก็จับมือจบเรื่องกันแล้วด้วยดี จากนั้นต่างคนก็ต่างทำงาน กระทั่งมาทราบข่าวเรื่องพบศพผู้เสียชีวิตดังกล่าว ตนก็รู้สึกตกใจ
แต่ก็ไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรที่จะมีคนสงสัยว่าลูกชายอาจเป็นผู้ก่อเหตุ เนื่องจากจากการสอบถามลูกชายก็ยืนยันกับตนว่า ไม่ได้เป็นคนทำ และตัวลูกชายก็ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรทั้งนั้น เนื่องจากไม่ได้เป็นคนก่อเหตุ ขณะนี้จึงไปทำงานตามปกติ
พ.ต.อ.ทวี กุดแถลง ผกก. สภ.บ้านบึง ระบุว่า หลังเกิดเหตุ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบและรอผลจากทางแพทย์หาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัด หากผลออกมาเป็นการฆาตกรรม จะมีการเรียกสอบพยานโดยรอบ และผู้ต้องสงสัยต่อไป เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย