กะเทยแสบ! ซุ่มถ่ายคลิปหนุ่มปลดทุกข์ เหยื่อผวาหลักฐานอื้อ พบอดีตคนในรู้มุมกล้อง (คลิป)

กรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก Red Skull In Love ออกมาโพสต์เรื่องราวของชายคนหนึ่ง เล่าว่า ตนไปเที่ยวที่ห้างหนึ่งแถวปิ่นเกล้ากับแฟน และรับประทานอาหารจนเกิดอาการท้องเสีย จึงเดินวนเข้า-ออกห้องน้ำ ประมาณ 3 - 5 รอบ แล้วรอบสุดท้ายที่เข้าห้องน้ำ จู่ ๆ ตนเห็นกะเทยแอบถ่ายตนในห้องน้ำ คือ เห็นหมดเลย พอตนเห็นก็ตะโกนถามว่า “ถ่ายอะไร”

จากนั้นผู้ก่อเหตุก็วิ่งหนี ตนจึงวิ่งตามไปจับได้ตรงหน้าฟิตเนสแห่งหนึ่ง เมื่อเหตุการณ์เริ่มวุ่นวายเสียงดัง รปภ.ถึงเริ่มมาเชิญไปห้องเพื่อคุยกัน และโทรแจ้งตำรวจจึงเล่าทุกอย่างให้ฟัง ตำรวจจึงให้ตามไปที่ สน.บางยี่ขัน จากนั้นร้อยเวรมาถามว่า จะให้ทำอย่างไร เพราะคนที่ถ่ายคลิปไม่มีเงินเสียค่าปรับ อ้างว่าทะเลาะกับแม่เลยหนีมา กทม. จากนั้นจึงปรับไปแค่ 1,000 แล้วปล่อยกลับบ้านไป

ทั้งนี้ตนจึงบอกกับทางตำรวจว่า ขอเก็บโทรศัพท์เครื่องที่แอบถ่ายไว้เอง เพราะจะนำไปล้างเครื่อง และนำไปลบแล้วจะนำมาคืนภายหลังจากเคลียร์คลิปทุกอย่างเสร็จ โดยขณะที่ตนลบคลิป ก็เห็นคลิปในโทรศัพท์ของผู้ก่อเหตุว่า แอบถ่ายผู้ชายไว้หลายคนมาก มีทั้งเด็กมัธยม คนวัยทำงาน ปะปนกัน มีหลายพันคลิปมาก

ล่าสุดวันที่ 18 พ.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านปิ่นเกล้า เพื่อสำรวจพื้นที่จุดเกิดเหตุ พบว่าที่เกิดเหตุอยู่บริเวณข้างร้านอาหารบนชั้น 5 ของห้างสรรพสินค้า โดยมีห้องน้ำเรียงกัน 6 ห้อง และห้องที่เกิดเหตุอยู่บริเวณ ห้องที่ 1 และ 2 พบว่าบริเวณห้องน้ำมีการเปิดโล่ง ทั้งบริเวณด้านบนและบริเวณด้านล่างโดยไม่มีอะไรกั้น

ทีมข่าวมีโอกาสพูดคุยกับนางหนู (นามสมมติ) แม่บ้านที่ปฏิบัติงานในบริเวณดังกล่าว เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุ คือ เมื่อวันศุกร์ที่ 13 พ.ย.63 เวลาประมาณ 20.00 น. ขณะนั้นตนกำลังทำความสะอาดอุปกรณ์ล้างห้องน้ำ และดูแลอุปกรณ์อยู่ในห้องเก็บของด้านในห้องน้ำชาย ตนได้ยินเสียงประตูด้านหน้าห้องน้ำชาย กระทบกับกำแพงจึงออกมาตรวจดูพบว่า เห็นผู้เสียหาย ค่อนข้างหน้าตาดี อายุประมาณ 20 ปี ใช้มือหนึ่งข้างพิงประตู อีกข้างหนึ่งจับกำแพง เพื่อที่จะไม่ให้ผู้ก่อเหตุออกจากห้องน้ำ เนื่องจากผู้ก่อเหตุกำลังพยายามจะหนี

ทั้งนี้ตนจะห้ามก็ไม่รู้จะห้ามอย่างไร จากนั้นทั้งคู่ก็มีการพูดคุยกัน ทางฝ่ายของผู้ก่อเหตุ ก็ขอร้องไม่ให้มีการดำเนินคดี และบอกว่าได้ลบคลิปวิดีโอเรียบร้อยแล้ว แต่ผู้เสียหายก็บอกว่าให้มีการพูดคุยและเจรจากับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง โดยผู้เสียหายใช้มือจับที่กระเป๋าสะพายของผู้ก่อเหตุเอาไว้ เพื่อไม่ให้หลบหนี ก่อนที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะมาและพูดคุยกัน ซึ่งตนก็ไม่ทราบรายละเอียดหลังจากนี้ และมาทราบภายหลังว่าเป็นการกระทำอนาจารแอบถ่าย

ก่อนหน้านี้เคยเห็นผู้ก่อเหตุคนนี้ ลักษณะคล้ายกะเทยตัวใหญ่ ที่สามารถเข้าได้ทั้งห้องน้ำผู้ชายและผู้หญิง น่าจะเคยทำงานอยู่ที่ศูนย์การค้าแห่งนี้ ดูจากชุดที่สวมใส่ แต่เนื่องจากวันเกิดเหตุตนคาดว่าผู้ก่อเหตุน่าจะไม่ได้ทำงาน เพราะเสื้อผ้าที่ใส่เป็นทั่วไป โดยก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าว หรืออาจจะเกิดแล้วตนไม่ได้ทันสังเกต แต่ตนคาดว่าการแอบถ่ายลักษณะดังกล่าว จะมีเพียงห้องน้ำชายเท่านั้น เพราะหากเป็นห้องน้ำหญิง ผู้ชายก็จะเข้าไปแอบถ่ายไม่ได้ ซึ่งมาตรการรักษาความปลอดภัยล่าสุด ทางห้างได้จัดให้มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้ามาตรวจตราในทุกชั่วโมงแล้ว

นอกจากนี้ ทีมข่าวได้จำลองลักษณะวิธีที่คาดว่าผู้ก่อเหตุแอบถ่ายผู้เสียหาย คือ การใช้โทรศัพท์มือถือ แอบถ่ายจากห้องน้ำห้องข้าง ๆ บริเวณพื้นที่ว่างเหนือกำแพงกั้นด้านบน

โดยพบว่ากำแพงกั้นไม่ได้มีความสูงมากนัก สูงประมาณ 180 เซนติเมตร ทำให้บริเวณด้านบนมีช่องว่างที่สามารถจะนำโทรศัพท์มือถือ ยื่นไปแอบถ่ายบริเวณห้องน้ำห้องข้าง ๆ ได้ และหากจะแอบถ่ายก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องปีนขึ้นไปเหยียบบนชักโครก ซึ่งอาจจะทำให้ผู้เสียหายรู้สึกตัวระหว่างโดนแอบถ่าย โดยพบว่าภาพบริเวณด้านบน จะสามารถเห็นผู้ที่กำลังนั่งอยู่บริเวณชักโครกได้

ทีมข่าวยังได้มีการจำลองการแอบถ่ายห้องน้ำด้านข้าง จากบริเวณด้านล่างของช่องว่างระหว่างห้องน้ำด้วย เพราะจะมีช่องว่าง สูงประมาณ 20 เซนติเมตร กว้าง 1 เมตร พบว่าก็จะเห็นคนที่นั่งอยู่บนชักโครกเช่นเดียวกัน แต่โอกาสที่จะสามารถรู้ตัวว่าโดนแอบถ่ายสูงกว่ามุมด้านบน

ทีมข่าวสอบถามไปยัง ร.ต.อ.วรธน อิ่มวิทยา พนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน เปิดเผยว่า ในส่วนการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ คือข้อหาก่อความเดือดร้อนรำคาญตามมาตรา 397 ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ ต่อผู้อื่น อันเป็นการรังแก ข่มเหง คุกคาม หรือกระทำให้ได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท

โดยได้ปรับผู้ก่อเหตุไปเป็นจำนวนเงิน 1,000 บาท มีเพื่อนของผู้ก่อเหตุเดินทางมาที่โรงพักเพื่อจ่ายค่าปรับให้ เนื่องจากผู้ก่อเหตุไม่มีเงินจ่ายค่าปรับ ก่อนที่จะปล่อยตัวไป เนื่องจากข้อหาดังกล่าวเจ้าหน้าที่จะไม่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาได้

โดยหลังจากที่ได้เปรียบเทียบปรับเรียบร้อย ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการให้ผู้เสียหายเจราจากับผู้ก่อเหตุ เพราะทางผู้เสียหายต้องการนำโทรศัพท์ของผู้ก่อเหตุไว้กับตัวเอง เพื่อลบข้อมูลทั้งหมด และผู้ก่อเหตุก็ยินยอม โดยยังไม่ได้มีการนำโทรศัพท์ของผู้ก่อเหตุมาคืนกับเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด