กรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความระบายความรู้สึกที่ถูกกลุ่มคนบริเวณที่จอดรถวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ยัดเยียดดอกไม้ไหว้พระ ระบุว่า "มีดอกดาวเรืองกับทอง 4 แผ่น ขายชุดละ 80 บาท พอไม่ซื้อก็แอบขีดข่วนรถยนต์จนเสียหาย" ทั้งนี้ยังเตือนผู้ที่จะไปกราบไหว้องค์พระธาตุพนม ควรระมัดระวังคนกลุ่มนี้ เพราะจะเข้ามารุมให้ซื้อดอกไม้เป็นฝูง ซึ่งเหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 พ.ย.63 ที่ผ่านมา
หลังจากโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไปในโลกโซเซียลฯ ก็มีผู้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ต้องการให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจัดการกับบุคคลกลุ่มนี้อย่างจริงจัง เพราะสร้างความเสื่อมเสียและกระทบกระเทือนจิตใจพุทธศาสนิกชนเป็นวงกว้าง ต่างรู้สึกเสียใจที่คนบางกลุ่มเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ต่อผู้มีความศรัทธา และที่มาท่องเที่ยวใน จ.นครพนม
ล่าสุดวันที่ 19 พ.ย.63 ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสังเกตการณ์บริเวณลานจอดรถวัดพระธาตุพนมฯ ปรากฏว่ากลุ่มคนที่สร้างความเสื่อมเสีย ด้วยการยัดเยียดขายดอกไม้ และเรียกเก็บค่าจอดรถกับผู้มากราบไหว้ได้อันตรธานหายไป ซึ่งแหล่งข่าวเผยว่าเป็นการหายไปเพียงชั่วระยะหนึ่ง หลังข่าวได้ซาลงก็จะกลับมารวมตัวสร้างความเสื่อมเสียใหม่ เป็นเช่นนี้มาหลายปี แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปพลาง ๆ
โดยแหล่งข่าว ยังบอกอีกว่า ผู้ที่เข้ามากราบนมัสการองค์พระธาตุพนม บริเวณทางเข้าจะมีซุ้มดอกไม้ ธูปเทียนที่ทางวัดจัดมาวางไว้บริการโดยไม่กำหนดราคา จะมากจะน้อยอยู่ที่จิตศรัทธา เชิญหยอดเงินใส่ตู้บริจาค หรือไม่ใส่เลยก็ไม่มีใครตำหนิ ที่จอดรถก็ฟรีไม่เก็บค่าจอดแม้แต่บาทเดียว แต่กลายเป็นช่องว่างให้พวกเห็นแก่ได้ เรียกเก็บหรือยัดเยียดขายดอกไม้ในราคาที่แพงเกินจริง จึงย้ำว่าทางวัดไม่ได้มีการเรียกเก็บเงินใด ๆ ทั้งสิ้น
ทั้งนี้ทางฝ่ายปกครองร่วมกับตำรวจองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกรรมการวัด ได้ประชุมหารือกันร่วมแก้ไขปัญหาที่สะสมมานาน จนได้ข้อสรุปว่า 1.กรรมการวัดจะแถลงข่าวขอโทษต่อผู้เสียหาย 2.ติดกล้องวงจรปิดเพื่อใช้เป็นหลักฐานทางกฎหมาย และ 3.เดินตรวจโดยมีเจ้าหน้าที่ร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม หลังจากมีข่าวได้รับการนำเสนอออกไป ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไล่จับกลุ่มผู้เร่ขายดอกไม้บริเวณรอบวัดพระธาตุพนมฯ โดยจับกุมดำเนินคดีทุกราย เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ยืนยันว่าจะไม่มีกลุ่มคนเหล่านี้มารบกวนอีกแน่นอน