เรียกว่าเป็นคู่รักที่ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ด้วยกันมาเยอะจริงๆ สำหรับนางแบบ-เน็ตไอดอลดัง "ปุ้มปุ้ย พรรณทิพา" ศรีภรรยาสุดแซ่บของนักร้องหนุ่ม "กวินท์ ดูวาล" เพราะกว่าจะตัดสินใจแต่งงาน ทั้งคู่ก็เคยเลิกกันมาแล้ว เพราะทัศนคติการใช้ชีวิตที่ต่างกันมาก แต่สุดท้ายเพราะหัวใจที่ไม่เคยเลิกรักกัน จึงทำให้ทั้งคู่กลับมาคืนดีและลงเอยด้วยการแต่งงาน แต่ล่าสุดทั้งคู่กำลังเจอปัญหาชีวิตคู่ที่หาทางออกไม่ได้ เพราะ "กวินท์" ติดเกมหนัก ทำให้ทะเลาะกันบ่อย บั่นทอนชีวิตรักทั้งที่ยังรักกัน จึงต้องขอคำปรึกษาจาก "พี่อ้อย พี่ฉอด" หาวิธีแก้ไขอย่างไรไม่ให้รักต้องเจอทางตัน ภายใต้ความกดดันที่คนจับตาคู่รักเน็ตไอดอลต้องมีความสุขตลอดเวลา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "กวินท์ - ปุ้ยปุ้ย" ไม่ยอมกัน!! โพสต์ครบรอบแต่งงาน1 ปี พร้อมแคปชั่นเด็ด!!
- เปย์เมียถือว่าทำบุญ "กวินท์" ลั่น!! สุดภูมิใจในตัว "ปุ้มปุ้ย"
- ดูบังเกิดเกล้าย้อนหลัง ละครแซบอมรินทร์ทีวี ที่นี่
ปุ้มปุ้ย : อยากมาขอคำปรึกษาพี่อ้อย พี่ฉอดมาก ยอมรับชีวิตหลังแต่งงานเจอปัญหาหนัก หน้าฉากที่คนเห็นโมเมนต์น่ารัก แต่ชีวิตจริงไม่ใช่ ไลฟ์สไตล์ความต่างทั้งเรื่องมุมมองความคิด การมีเวลาให้กัน โดยเฉพาะปัญหาสามีติดเกม ทำให้มีเรื่องทะเลาะกันบ่อยครั้งบั่นทอนชีวิตรักของทั้งคู่ และยังหาทางออกไม่ได้ เพราะต่างคนก็มีเหตุผลของตัวเอง
ปุ้มปุ้ย : เรื่องเล่นเกมส์เป็นเรื่องหนึ่งที่ปุ้ยรู้สึกว่าตั้งแต่ย้ายมาอยู่บ้านใหม่ บ้านหลังใหญ่ขึ้น แต่กลายเป็นว่าขนาดเราแต่งงานแล้ว เรายังเหมือนคนที่เหงาที่สุดเลย มีบ้านหลังใหญ่ ประสบความสำเร็จ แต่ทำไมต้องมานั่งอยู่ในห้องนอนคนเดียว ขณะที่แฟนเล่นเกม
ถาม ชีวิตคู่ของคนจริงๆ ไม่ได้มีภาพที่หวานสวยที่สุดหรอก ข้างหลังมันอาจจะมีอะไรก็ตามที่เป็นชีวิตจริงของคน ไม่ใช่ไม่รักกันนะ แต่คนสองคนมีความต่าง ยังไงก็ตามมันอาจจะใช้ความเข้าใจเยอะมาก แต่เวลามีปัญหาเราเลือกที่จะไม่พูดดีกว่า บ้านมันอาจจะเงียบ แต่ความกรุ่นๆ ข้างใน มันอาจจะเก็บกดก็ได้นะ
กวินท์ : ผมมาถึงจุดที่ไม่ได้แล้ว เป็นแบบนี้ไม่ได้แล้ว เขาไม่ชอบไม่เป็นไร แต่มันจะต้องคุยกัน สมมติว่าเราทะเลาะกัน หลังจากนั้นเราต้องเคลียร์กัน เพราะว่าถ้าไม่เคลียร์กันก็จะไม่เข้าใจกัน
ปุ้มปุ้ย : แล้วผลของการเคลียร์กัน
กวินท์ : ผลของการเคลียร์กัน ไม่ใช่นั่งโทษกันว่าใครถูกหรือผิด แต่แค่มาเคลียร์กันว่ามุมมองของคุณเป็นยังไง มุมมองของผมเป็นยังไง และเราจะทำยังไงให้เราได้เจรจา ให้มันสามารถอยู่ด้วยกันได้ ไม่ตีกัน นี่คือสิ่งที่เราพยายามจะทำ
ปุ้มปุ้ย : แล้วเขาติดเกม เราไม่โอเคกับการที่เรากลับบ้านมา เราไม่อยากเห็นเขานั่งเล่นเกม ถึงเราไม่ได้มีอะไรคุยกันเหมือนเมื่อก่อนเพราะเราอยู่ด้วยกันมานาน แต่อย่างน้อยมานั่งข้างๆ กันก็พอ แต่เรารู้สึกว่าการเล่นเกมเอาเขาไปอยู่อีกโลกหนึ่ง แล้วเราไม่ได้อยู่ตรงนั้นด้วย สิ่งที่เขาจะแก้ไขคือโอเคเราจะไม่เล่น แต่ก็ไม่เคยที่จะไม่เล่น แล้วสุดท้ายพอมาเคลียร์กันแล้วมานั่งคุย นั่งปรับกันสุดท้ายเขาพูดออกมาเลยว่าเธอ เราติด เราเลิกเล่นไม่ได้
กวินท์ : แต่คำว่าเราติด เราเลิกเล่นไม่ได้ เพราะเราติดจริงๆ ปุ้ย เขาคิดว่าผมไม่ทำงาน ซึ่งเราทำงาน ถ้าผมไม่ทำงาน ผมจะหาเงินมาจากไหน แต่ผมมีช่วงเวลาส่วนตัวของผม ผมเล่นเกมในช่วงเวลาของผม บางทีเราก็เล่นยาวไป จนเราไม่ได้ดูเวลา มันเลยกระทบชีวิตคู่ของผมกับปุ้ย ซึ่งเวลาปุ้ยเดินเข้ามาแล้วไม่พอใจ เพราะว่าปุ้ยเก็บมาหลายรอบแล้ว พอไม่ไหวเขาก็เดินเข้ามาดึงประตู แล้วทำหน้าเหวี่ยง ผมก็พูดกับเขาไปว่าอย่าทำแบบนี้ มันทำให้เรารู้สึกแย่ แทนที่จะพูดว่าเลิกเล่นเกมนะ จะได้ไปกินข้าวกัน แต่มันไม่มีประโยคนี้ เพราะมันต้องเลิกทันที เพราะผู้หญิงเขาเป็นแบบนี้ ต้องการอะไรทันที ห้ามรอ 5 นาที 10 นาที กินข้าวตอนนี้ ต้องลุกครับผม
ปุ้มปุ้ย : ชีวิตประจำวันของเราคือ 6 โมงเช้า เราต้องตื่นแล้ว กินข้าว ทำงาน ใช้แรงงาน ถ่าย Vlog คิดคอนเทนต์ เดินทางกว่าจะถึงบ้าน 2 ทุ่ม บางวันเราแทบไม่มีเวลากินข้าว และเราต้องมากินข้าวเย็นกับเขา การที่เราเหยียบเท้าเข้ามาในบ้าน คนที่ไม่ได้กินข้าวแล้วทำงานหนักมาทั้งวัน ต้องมารอเขาที่ต้องเล่นเกมเสร็จตานี้ก่อน ถึงได้กิน แล้วเราย้ายบ้านไปอยู่แถวราชพฤกษ์ ร้านอาหารไม่ได้เปิดดึกเหมือนทองหล่อ 2-3 ทุ่ม คือไม่มีอะไรให้กินแล้ว หนูเลยมีความรู้สึกว่าการกินข้าวเย็นมันไม่ต้องรอให้เล่นเกมเสร็จ
กวินท์ : ซึ่งมันไม่ได้เป็นแบบนั้นตลอด แต่ผู้หญิงคิดว่ามันเป็นทุกวัน ในมุมมองผม ก็จะรู้สึกว่าอะไรอีกแล้ว เขาจะชอบบอกว่าเราไม่ชอบพาเขาออกไปกินข้าวข้างนอก เพราะว่าเราชอบบ่น แต่ที่เราบ่นเพราะรถมันติด กรุงเทพฯ มันเป็นอย่างนี้ แต่ถามว่าเราเคยปฏิเสธไหม ไม่เคย พาไปทุกรอบ
ปุ้มปุ้ย : ตัดภาพไปตอนคบกันแรกๆ เธอ เราชอบรถติดมากเลย เพราะมันได้ใช้เวลากับเธอมาก (หัวเราะ) บ้านอยู่ทองหล่อ ขับไปรับเราที่เมืองทอง พาไปทานข้าวที่พระราม 7 เรายังบอกเลยว่าเราเกรงใจ เดี๋ยวเราไปเจอกันที่ร้านได้นะ เขาก็บอกว่าไม่ เขาชอบขับรถเพราะจะได้ใช่เวลาบนรถไปกับเธอ
กวินท์ : อันเราจำได้ แต่บางทีเราคบกันมานานแล้ว มันสั่งอาหารเดี๋ยวนี้มันส่งที่บ้านแล้ว
ปุ้มปุ้ย : มันจะมีไม่กี่อย่างที่ทำให้หนูเห็นแล้วสามารถปรี๊ดได้เลยก็คือ หิวข้าว แล้วสิ่งที่หนูต้องการคือเขาต้องสแตนบายแล้วออกไปกินข้าวด้วยกัน เพราะเวลาที่เราอยู่ด้วยกันมันน้อย กิจกรรมเดียวที่หนูมีกับเขาคือการได้ไปกินข้าวเย็น ถ้าวันหนึ่งที่หนูสามารถกินข้าวเองคนเดียวโดยที่ไม่ต้องกินกับเขา หนูไม่จำเป็นต้องมีเขาแล้ว หนูรู้สึกแบบนี้เลย
กวินท์ : ผมปรับเพื่อเขาได้อยู่แล้วครับ แต่การกระทำมันอาจจะไม่ทันที
ปุ้มปุ้ย : ความสุขในชีวิตหนูมันมีไม่กี่อย่าง หนูทนความลำบากได้ ความยากจนได้ หนูพร้อมที่จะซัพพอร์ตเขาทุกอย่าง แต่สิ่งที่หนูขอในชีวิตไม่กี่อย่างคือเรื่องกิน เพราะหนูทำงานหนัก หนูเลยรู้สึกว่าหนูต้องได้กินในสิ่งที่หนูอยากกิน กับเรื่องเซ็กซ์ แค่นั้นที่หนูขอเพราะสองอย่างนี้ ไม่มีต้นทุน ไม่ต้องใช้เงิน แต่ใช้ความรักความเอาใจใส่
กวินท์ : แค่ปุ้ยพูดและเปลี่ยนวิธีคิด การกระทำ อย่างเช่น แค่พูดว่าเธอเลิกเล่นได้แล้วนะ ไปกินข้าวกันได้แล้ว เรารักเธอแค่นั้น
ถาม คนเราอยู่ด้วยกันไม่มีใครสมบูรณ์แบบ มันไม่ได้เป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิต อย่าเพิ่งไปคิดว่าฉันจะเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิตหรือเปล่า ชีวิตมันจะเริ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
กวินท์ : เธอต้องดู เพราะจากที่เราคบกันวันแรกจนถึงวันนี้ มันแตกต่างกันเยอะเลยนะ การทำร้ายข้าวของ มันไม่มีแล้ว เราก็เป็นคู่วัยรุ่นที่ปรับปรุงกันมาเรื่อยๆ เพื่อให้ถึงเป้าหมายที่ดีขึ้นสำหรับคู่เรา
กวินท์ : เราก็พยายามที่จะปรับตัวในในเรื่องกิน เรื่องเล่นเกม และเรื่องเซ็กซ์ เราจะใส่ใจมากขึ้น
ถาม บ่อยครั้งที่เราไม่คุยกัน ให้มันเงียบๆไปดีกว่า แต่พอปัญหามันถูกสะสมมันจะก้อนใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เราก็จะรู้สึกว่าไม่ต้องพูดอีกต่อไปแล้ว จนมันเกิดอคติ พอเราได้คุยกันเราทั้งคู่ อาจจะรู้ว่าเราต้องการอะไร
กวินท์ : ผมอยากให้คนทางบ้านได้รู้ว่าจริงๆ ชีวิตเรามันมีทั้งทุกข์ ทั้งสุข มันมีเศร้า มันมีทุกอย่าง อย่ามองว่าทุกอย่างสดใสไปหมด แต่เราทั้งคู่มีเป้าหมายเดียวกันที่จะไปด้วยกันในจุดๆ นั้น แต่ในระหว่างทางมันก็ไม่ได้ง่ายนะ
ถาม แต่กว่าจะเริ่มฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ นานามาด้วยกันขนาดนี้ ช่วงแรกที่คบกันคู่นี้เคยเกือบเลิกกันมาแล้วเพราะอะไร
กวินท์ : ตอนนั้นเราเป็นทหาร แล้ววันนั้นเป็นวันเกิดเพื่อนของปุ้ย เลยอยากจะไปเที่ยวกันต่อ ผมรู้สึกว่าเราอยู่ในค่ายมานานมากแล้วถึงแม้ว่าเราไม่มีเงิน แต่เราอยากจะไปกินเหล้ากับเพื่อน ปุ้ยไม่พอใจ ปุ้ยอยากให้กลับบ้านวันนั้น เพราะปุ้ยต้องทำงานตอนเช้า เราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมแค่ไปกินเหล้ากับเพื่อนคุณ จะนอนก็นอนสิ แล้วเช้าอีกวัน ผมเลยโทรไปง้อ เขาก็ทำเสียงไม่ดีใส่ ผมตัดสินใจว่าจะไม่ทนกับคำพูดแบบนี้ตลอดไป เพราะคู่เราไม่ควรจะเป็นแบบนี้ และเราตัดสินใจว่าจะเลิกกับเขา ถึงรู้ว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิด และผมก็ได้เห็นบางสิ่งบางอย่างในตัวเขา ซึ่งถ้าผมไม่ได้เลิกอาจจะไม่เห็นสิ่งนั้นในตัวเขา อย่างเช่น ถ้าผมไม่มีผู้หญิงคนนี้ในชีวิตของผม ผมก็ไม่อยากอยู่ เราได้เห็นศักยภาพที่เขาทำให้เราเป็นคนดีขึ้น (น้ำตาคลอ)
ถาม รูปที่ขึ้นมาคือ
กวินท์ : รูปดอกไม้ (น้ำตาคลอ)
ปุ้มปุ้ย : เวลาที่กวินท์ให้ดอกไม้ปุ้ย เราจะชอบเอาไปใส่หนังสือให้มันแห้งแล้วมันสวยดี เราเลย tag เขาไปในตอนนั้น
กวินท์ : เรารู้สึกว่าไม่มีผู้หญิงคนนี้ในชีวิตแล้ว เรากลับไปเป็นเหมือนเดิม เที่ยวเหมือนเดิม ในจังหวะนั้นเราคิดว่าการที่เราไม่มีเขาในชีวิตเพราะเราคิดว่าเราดึงเขาลง เราไม่มีเงิน (ร้องไห้) เราทำอะไรดีๆ ให้ผู้หญิงคนนี้บ้าง เราเลยทักไปหาเขาว่าเรากำลังจะตายแล้ว ไม่เหลืออะไรแล้ว
ปุ้มปุ้ย : ตอนแรกเราคิดว่าที่เขาทักมาหลังจากบอกว่าเลิก หมาหวงก้างแล้ว พอเห็นว่าเรามีคนใหม่ก็จะกลับมาแล้ว
กวินท์ : เราก็บอกกับเขาว่าไม่เป็นไรคุยกันต่อได้เลย แต่เราจะอยู่ตรงนี้ เราจะพยายามของเรา คนนั้นอาจจะได้แต้มไปเรียบร้อยแล้วแต่ไม่เป็นไร เราก็จะอยู่กับเขาแบบนี้ เรื่องนี้เราขอโทษเธอ มันเป็นการตัดสินใจที่ผิดมากๆ แต่สุดท้ายเราได้มาแต่งงานกันแล้วเราก็ต้องทำให้มันดีที่สุดรู้เปล่า (อันนี้บอกตัวเราทั้งคู่) เพราะว่าคู่ชีวิตมันต้อง 50/50 ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งทำคนเดียว
ถาม บางคู่บอกว่าก่อนแต่งกับหลังแต่งชีวิตเปลี่ยนไปมากเลย บางคนบอกว่าหลังแต่งชีวิตชีวามันหายไป จืดชืด มันไม่ตื่นเต้นอีกต่อไป
ปุ้มปุ้ย : คู่ของเรามันได้กันมาตั้งแต่ก่อนแต่งแล้ว (หัวเราะ) เพราะฉะนั้นคนที่พูดว่าชีวิตหลังแต่งงานเปลี่ยน เขาอาจจะแค่ไปมาหาสู่กัน แต่เรา 2 อาทิตย์แรก เราย้ายเข้าบ้านผู้ชายเลย ใช้ชีวิตอยู่ก่อนแต่ง ตัวปุ้ยเองจะชอบมีคนทักมาแบบจะเป็นเหมือนพี่ปุ้ยทำยังไงแฟนถึงจะดี ปุ้ยจะอัปเดตตลอดเวลา อะไรที่ทำแล้วให้ดูดี ดูไม่เก่า ปุ้ยทำหมดเลย เพราะเราจะเป็นคนที่แต่งงานแล้วแต่ยังแซ่บอยู่
ถาม เพราะเติมความรักให้สดใสตลอด เวลาที่ทั้งคู่เซอร์ไพรส์กันจึงน่ารักมาก ให้ของขวัญอะไรกัน
กวินท์ : เราก็บลัฟกันเรื่อยๆ ครับ อันแรกที่ปุ้ยซื้อของแพงที่สุดที่เขาซื้อมาให้ผมคือนาฬิกา Rolex Daytana แล้วผมไม่รู้จะซื้ออะไรให้เขาดี ผมเลยโทรไปปรึกษารุ่นพี่ผม เลยซื้อกระเป๋า Hermes และก็ Cartier อันหนึ่งให้เขา
ปุ้มปุ้ย : ใจหนูแว๊บแรกที่เห็นคือของปลอม แกล้งหนูแน่ๆ เพราะว่าเขาชอบแกล้งเรา แต่พอเขาบอกว่าของจริง เรารีบเปิดหาใบเสร็จก่อนเลย แล้วดมดู เอ้ย ใช่ กลิ่นหนังแบบนี้ เช็กละเอียดเลย แต่พอรู้ว่าเป็นของจริง ก็รู้สึกว่าแพง รู้สึกเสียดายเงิน ตอนนั้นคิดว่าเงินเขาจะเหลือเท่าไหร่ มาซื้อให้เรา แต่เราก็อยากได้ด้วย เสียดายด้วย แล้วเราก็บอกเขาว่า เราจะขึ้นให้เขาทุกวันเลย เราก็ตอบแบบแอ๊บๆ ใสๆ ของเราไปค่ะ
Advertisement