จากกรณีการเสียชีวิตกะทันหันของนายสมภาร สุรัญกุล หรือ เสี่ยเต้ย อายุ 40 ปี อดีตสามีของนางวรรณลี ปัญญาใส หรือ เจ๊อ๋อ อายุ 48 ปี สาวผู้โชคดีเคยถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย. 2561 หมายเลข 149840 จำนวน 15 ใบ 90 ล้านบาท ด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือดนั้น
วันที่ 24 พ.ย. 63 ที่บ้านเจ๊อ๋อ ม.10 บ้านหนองเหี้ย ต.หนองหว้า อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี นางสาววรรณลี ปัญญาใส อายุ 48 ปี เปิดใจครั้งแรก ตนรู้สึกเสียใจที่อดีตสามีเสียชีวิตอย่างกะทันหัน เพราะเขาเป็นคนดี เราเคยอยู่ด้วยกันมานานถึง 5 ปี โดยจดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เริ่มตั้งแต่เราคบหากันก่อนที่จะเข้าพิธีแต่งงาน ซึ่งตนขออโหสิกรรมที่เคยล่วงเกินหรือทำตัวไม่ดี ทั้งกาย วาจา ใจ ทำให้เขามีความทุกข์ ในส่วนที่เสี่ยเต้ยเคยทำไม่ดีกับตัวเอง ก็ขออโหสิกรรมให้ เพราะอยากให้ดวงวิญญาณเขาสงบไปสู่สุคติ
ทั้งนี้ ตนจะไปร่วมงานในวันฌาปนกิจศพพรุ่งนี้เพียงวันเดียว โดยจะไม่ขออะไรมาก เพียงแต่อยากไปส่งดวงวิญญาณอดีตสามี โดยการเคาะโลงศพเพื่อบอกกล่าวดวงวิญญาณ ในตอนนี้เราต่างคนต่างอยู่แล้วแยกทางกัน เหมือนกับไม่รู้จักกันแล้ว ขออย่าได้จองเวรกรรมกัน เพื่อตนจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ และดูแลลูกหลานให้ดีที่สุด
ส่วนเรื่องที่มีบุตรบุญธรรมด้วยกันนั้นเป็นเรื่องจริง และดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ใช้เวลาดำเนินการ 1 ปีเศษ ในการเดินเรื่องซึ่งบุตรบุญธรรมชื่อ น้องนิวเวียร์ อายุ 5 ขวบ เป็นบุตรสาวที่เกิดจากลูกสาวของตน ดำเนินการตามขั้นตอนการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรม ในขณะนั้นเซ็นกำกับรับรองเป็นบุตรบุญธรรมเพียงคนเดียวของอดีตสามี ใช้นามสกุลของเสี่ยเต้ย โดยมีสิทธิในทรัพย์สินมรดกของเสี่ยเต้ยอย่างถูกต้องตามกฎหมายด้วย
ส่วนที่อดีตสามีได้ทำพินัยกรรมไว้ก่อนเสียชีวิต หากในพินัยกรรมเขียนระบุจะมอบหรือแบ่งส่วนให้กับใคร ลูกหลานหรือญาติพี่น้องของเขา ตนก็ต้องทำตามพินัยกรรมที่ระบุเอาไว้ แต่ในส่วนของเราก็รับในฐานะบุตรบุญธรรมที่อยู่ในความดูแลของตนในปัจจุบัน
นอกจากนี้ อยากจะบอกทุกคนด้วยว่าการที่เราไปคาดหวังอะไรแบบมั่ว ๆ มันก็ไม่ดี หากไม่ได้มาก็จะเส้นเลือดในสมองแตก อย่าทำเลยจะดีกว่า ทำตัวแบบสบาย ๆ เหมือนกับฉันมี ก็ทำบุญ มีกินก็กิน และหากพินัยกรรมของเสี่ยเต้ยระบุไว้ว่ายกทรัพย์สินทั้งหมดให้ญาติพี่น้องของเขา พวกเขาก็ควรรับเอาไป เพราะตนเองเป็นเพียงคนกลาง ได้ได้คาดหวังอยากได้สิ่งใด
นายสนอง สุรัญกุล อายุ 50 ปี พี่ชายของเสี่ยเต้ย เปิดเผยว่า ช่วงกลางดึกเมื่อคืนที่ผ่านมา ตนได้ไปนอนคว่ำหน้าที่โซฟา ก็รู้สึกเหมือนถูกของแข็งมากระแทกที่ชายโครงฝั่งขวาอย่างแรง หลังจากนั้น ก็ไม่สามารถขยับตัวได้ ซึ่งตนพยายามดิ้นไปมา พูดว่า "ไป ไป ไป" จนสุดท้ายหลุดออกจากภวังค์ จึงได้รีบหนีและเปลี่ยนที่นอนทันที
โดยส่วนตัวเชื่อว่าอาการทั้งหมด เกิดขึ้นจากวิญญาณเสี่ยเต้ยมาหา เพราะโซฟาตัวดังกล่าวเป็นโซฟาตัวโปรดของเสี่ยเต้ย และตนไปนอนค่ำหน้า ทำให้เสี่ยเต้ยไม่รู้ว่าเป็นพี่ชาย จึงได้มาทำให้ตนรู้สึกตัว และตนคิดว่าเสี่ยเต้ยอาจจะอยากบอกอะไรบางอย่าง
นายสนอง กล่าวต่อว่า สำหรับสิ่งที่เจ้อ๋อขออโหสิกรรม ตนก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อวิญญาณของเสี่ยเต้ย ซึ่งตนก็อยากให้เจ้อ๋อมาร่วมงานศพ จะได้สบายใจทั้ง 2 ฝ่าย เรื่องจะได้จบไป และกรณีที่เจ้อ๋อบอกว่าจะไปเคาะโลงเสี่ยเต้ยเพื่อขออโหสิกรรมนั้น ถ้าเขาอยากมาก็มา เรื่องทำบุญคงห้ามกันไม่ได้ และถ้าจะเคาะโลงญาติก็ไม่ขัดข้อง เพราะมันเป็นเรื่องของคนสองคน
สำหรับเรื่องมรดกนั้น ตนมองว่าลูกบุญธรรมของเสี่ยเต้ยมีสิทธิ์ในมรดกอยู่แล้ว แต่เจ้อ๋อไม่มีสิทธิ์อะไร ถ้ามรดกเป็นของลูกบุญธรรม เจ้อ๋อก็จะเป็นแค่ผู้รักษามรดกไว้ แต่ถ้าพินัยกรรมระบุว่ามรดกเป็นของญาติพี่น้อง ก็ต้องเป็นไปตามพินัยกรรม เพราะครอบครัวก็ผ่านอะไรมาเยอะ และอยู่กับความทุกข์ยากมาตลอด สร้างมาด้วยความสามารถ และรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง อย่างไรก็ตาม หลังงานจะเป็นอย่างไรตนก็กังวล เพราะญาติพี่น้องนั้นหยิบยืมเงินมาจัดงานศพให้เสี่ยเต้ย ตอนนี้ยังไม่ระบุวันเปิดพินัยกรรม
ซึ่งบรรยากาศงานศพเป็นไปอย่างโศกเศร้า มีตัวแทนของเจ้อ๋อเดินทางมาร่วมงานศพ แม่ของเจ้อ๋อ และ น้องฟาง ลูกสาวคนโตของเจ๊อ๋อ ซึ่งเป็นแม่แท้ ๆ ของลูกบุญธรรมเสี่ยเต้ยด้วย
มีสุนัข 1 ตัว นอนเฝ้าโลงศพเสี่ยเต้ย ญาติให้ข้อมูลว่าสุนัขตัวดังกล่าวชื่อ เจ้าแดง เป็นสุนัขเพศผู้ สีแดง อายุกว่า 10 ปี เป็นสุนัขของเสี่ยเต้ย ตั้งแต่เสี่ยเต้ยเสียชีวิตไป เจ้าแดงก็มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป จากที่เคยสดใสร่าเริงก็เริ่มซึมเศร้า ตรอมใจ ไม่ยอมกินข้าว และได้มานอนเฝ้าที่หน้าโลงเสี่ยเต้ยตั้งแต่มีงานศพวันแรก
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ น.ส.ลำพอง สุรัญกุล พี่สาวของเสี่ยเต้ยจะเป็นคนดูแลเจ้าแดงต่อจากเสี่ยเต้ย สำหรับค่าจัดงานทั้งหมด ตกวันละประมาณ 30,000 บาท ซึ่งจัดไป 4 วันแล้ว เป็นยอดเงินกว่า 120,000 บาท และคาดว่าค่าใช้จ่ายรวมวันเผาในวันพรุ่งนี้ จะใช้เงินประมาณ 150,000 บาท ซึ่งเงินที่ใช้จัดงานศพนั้นเป็นเงินของญาติพี่น้องทั้งหมด บางคนก็ไม่หยิบยืมมา ไม่ได้ใช้เงินของเสี่ยเต้ยแม้แต่บาทเดียว เพราะไม่สามารถถอนเงินจากธนาคารได้
ที่วัดเทพสถิตย์นิมิตรมงคล บ้านคำบอน อ.หนองแสง จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นวัดบ้านเกิดของเสี่ยเต้ย ซึ่งทั้งเสี่ยเต้ยและเจ้อ๋อ ก็เคยมาทำบุญบูรณะวัดนี้ไว้ มีชื่อของเสี่ยเต้ย และเจ้อ๋อ ติดอยู่ที่หอระฆังของวัด ขณะเดียวกันที่บริเวณเมรุของวัด ได้มีการจัดเตรียมสถานที่ กางเต็นท์ จัดผ้าประดับเมรุเพื่อเผาศพเสี่ยเต้ยในวันพรุ่งนี้
พระทองพูน สิริวรรณโณ เจ้าของอาวาสวัดเทพสถิตย์นิมิตรมงคล เปิดเผยว่า เสี่ยเต้ยและเจ้อ๋อเคยมาทำบุญที่วัด ทำบุญหลายครั้ง รวมเป็นเงิน 1 ล้านกว่าบาท
ได้นำเงินไปพัฒนาวัด ร่วมกับเพื่อน ๆ สร้างซุ้มประตูวัด 2 ซุ้ม, หอระฆัง, เมรุ, ศาลาการเปรียญ และห้องน้ำ ซึ่งหลังจากเสี่ยเต้ยและเจ้อ๋อเลิกกัน พวกเขาก็จะแวะมาทำบุญอยู่เรื่อย ๆ แต่จะไม่ได้มาด้วยกัน
ก่อนหน้านี้ เสี่ยเต้ยเคยขอให้นำโกฐกระดูกของพ่อแม่เขามาตั้งไว้ในซุ้มประตูวัด แต่เสี่ยเต้ยกลับเสียชีวิตไปเสียก่อน ซึ่งหลังจากเผาศพเสี่ยเต้ย ญาติ ๆ เขาก็จะนำโกฐกระดูกของเสี่ยเต้ยและพ่อแม่ตั้งไว้ในซุ้มประตูวัด ซึ่งอาตมาก็เตรียมเจาะเสาประตูวัดเพื่อเก็บโกฐกระดูก อย่างไรก็ตาม เสี่ยเต้ยเป็นคนดี มักจะช่วยทำบุญงานศพกับคนที่ไม่มีเงิน และทำบุญให้วัดอยู่ตลอด ก็รู้สึกเสียดายที่เขาเสียชีวิต
ที่บ้านหนองเหี้ย ต.หนองหว้า อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่เจ้อ๋ออยู่อาศัย นายเสน่ห์ ทาปลัด อายุ 49 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหนองเหี้ย เปิดเผยว่า ในช่วงที่เจ้อ๋อบริจาคเงินสร้างวัดโคกศรีสว่างกว่า 5 ล้านบาทนั้น ตนได้เป็นแกนนำคนงานสร้างวัด โดยเจ้อ๋อจะเลือกเฉพาะคนในหมู่บ้านให้มาทำงาน แม้จะก่อสร้างไม่เก่ง แต่พอจะทำงานเป็นก็จะให้มาทำ เพื่อที่จะให้ชาวบ้านมีรายได้ในช่วงที่รอเก็บเกี่ยวพืชผล
มีการจ้างคนในหมู่บ้านวันละ 300 บาท ใช้คนงาน 30-100 คนต่อวัน แล้วแต่วันไหนงานมากงานน้อย ซึ่งตลอดเวลา 4 เดือนในการสร้างวัด ตั้งแต่ในช่วงเดือนสิงหาคม - กลางเดือนพฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา จ่ายค่าจ้างคนงานไปเกือบ 2 ล้านบาท ซึ่งเจ้อ๋อก็จ่ายเต็มที่ เพราะต้องการจะทำบุญ และให้คนในหมู่บ้านได้มีรายได้
ช่วงที่ทำการก่อสร้างนั้น เจ้อ๋อได้กำชับมาเลยว่าส่วนไหนของวัดที่ไม่ดี ก็ให้บูรณะวัดให้เกิดความสวยงามทั้งหมด โดยที่งบประมาณไม่จำกัด ซึ่งเจ้อ๋อเป็นคนดีมาก ช่วยพัฒนาหมู่บ้านแทบทั้งหมด