กรณีโลกโซเชียลฯ แห่แชร์คลิปวงจรปิด โจรบุกทำร้ายร่างกายคนแก่ อายุ 80 ปี โดยระบุเรื่องราวว่า "#เตือนภัย วันที่ 21 พ.ย.63 เวลา 20.57 น. โจรบุกเข้าบ้านหวังขโมยทรัพย์สิน ที่คนแก่อยู่บ้านตามลำพัง สงสารคุณตา เพราะเป็นคนแก่ที่อยู่เฝ้าบ้าน ลูกหลานก็แนะวิธีป้องกันแจ้งเหตุ หรือฝากเพื่อนบ้านใกล้เคียงให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตาเอาไว้ น่ากลัวและอันตรายจริง ๆ #บุคคลอันตราย"
ล่าสุดวันที่ 24 พ.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปที่บ้านนายชุนถ่อง เอกอนันต์วิริยะ หรือ ตาชุน อายุ 83 ปี เป็นลูกชายคนที่ 2 ของอดีตเศษรฐีเมืองภูเก็ต มีบ้านหลังโต มีที่ดินกว่า 100 ไร่ และสวนยางพาราอีกกว่า 150 ไร่ ปัจจุบันได้ยกให้ลูกหลานบางส่วน และขายไปเกือบทั้งหมดแล้ว ส่วนบ้านหลังที่เกิดเหตุตาชุนได้มาอาศัยอยู่เมื่อ 20 ปีแล้ว เพราะเป็นบ้านที่เคยอยู่มาตั้งแต่เด็ก ๆ ซึ่งเจ้าตัวไม่ยอมย้ายไปอยู่กับลูกหลายที่อยู่กรุงเทพฯ บอกกับลูกหลานว่า “อยากใช้ชีวิตบั้นปลายที่นี่ เกิดที่นี่ อยากตายที่นี่”
สำหรับลักษณะบ้านเป็นบ้านไม้ ผสมปูนชั้นเดียว ด้านหน้าติดกับถนนเทศบาลเมืองภูเก็ต ยังเป็นลักษณะโครงสร้างบ้านเก่าสมัย 20 ปี สังเกตได้ว่าหน้าตายังเป็นแบบเปิดโล่ง ไม่มีบานประตูปิด แต่มีลูกกรงเหล็ก ลักษณะคล้ายเหล็กดัดติดตั้งเอาไว้ ล้อมรอบยังล้อมรั้วด้วยสังกะสี
ทีมข่าวยังสังเกตว่า ภายในบ้านได้มีการติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด จำนวน 2 ตัว ซึ่งเป็นระบบออนไลน์ โดยมีลูกหลานเป็นคนเฝ้าติดตาม และใช้สอดส่องดูแลให้กับตาชุนเมื่อวันที่ 21 พ.ย.63 ส่วนภายในบ้านมีห้อง 2 ห้อง ซึ่งห้องแรก คือ ห้องด้านหน้า ถูกใช้เป็นห้องเก็บของ เก็บทรัพย์สินบางส่วน และเก็บเสื้อผ้าของตา โดยในวันจุดเกิดเหตุ พบว่าห้องดังกล่าวถูกรื้อค้นเสื้อผ้า ออกมากองด้านนอก เพราะโดยปกติตาชุนมักจะซ่อนเงินเอาไว้ในกระเป๋ากางเกงที่แขวนเอาไว้ จึงถูกค้นห้องเพื่อหาเศษเงิน
ส่วนอีกห้องคือห้องนอนที่อยู่ด้านหลังของตัวบ้าน ใช้เป็นห้องนอนของตา และยังเป็นห้องจุดเกิดเหตุ ที่คนร้ายบุกเข้ามา โดยห้องดังกล่าวจะมีประตูไม้สีขาว ซึ่งเปิดออกไปทะลุหลังบ้าน จะเป็นสวนเกษตรขนาดเล็ก ในวันดังกล่าวคนร้ายได้ใช้ประตูด้านหลังเข้ามาก่อเหตุ ซึ่งตาลืมล็อกกุญแจ ทำให้คนร้ายเปิดประตูเข้ามาก่อเหตุได้อย่างง่ายดาย
ในระหว่างที่ทีมข่าวเจอกับตาชุน พบว่าที่ผ่านมายังคงมีสุขภาพแข็งแรง แม้ว่าจะมีอายุมากก็ตาม แต่หลังจากเกิดเหตุที่ล้มลง ทำให้ปวดกระดูกด้านหลัง และก้นกบ การเดินใช้ชีวิตภายในบ้านจึงค่อนข้างลำบากเล็กน้อย โดยต้องพยุงตัวเดินเกาะตามผนัง และยังใช้เก้าอี้สีน้ำเงิน เป็นไม้เท้าชั่วคราวสำหรับการพยุงตัว ทั้งนี้แม้ว่าตาชุนจะมีอายุมากแล้ว แต่ไม่มีโรคประจำตัว หรือเจ็บป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาหรือทานยาต่อเนื่อง ยังคงใช้ชีวิตได้ตามปกติ
นายชุนถ่อง เอกอนันต์วิริยะ หรือ ตาชุน วัย 83 ปี เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนบอกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ และเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาหลายวันแล้ว ตนจำไม่ได้ ที่สำคัญคนที่ก่อเหตุก็เป็นคนที่คุ้นเคยกัน เจอกันบ่อย และเจอกันเวลาออกจากบ้านเกือบทุกครั้ง ตนจึงไม่อยากเอาเรื่องอะไรมาก อยากให้เรื่องจบ ที่สำคัญก็ไม่ได้เจ็บตัว ต่างคนต่างก็ต่อสู้กัน และไม่จำเป็นที่จะต้องให้โจรคนดังกล่าวมาขอโทษ
แต่ยอมรับว่าที่ผ่านมาการที่ตนเจอกับนายลูกไก่ คนก่อเหตุ มักจะถูกล้วงกระเป๋า หรือจี้เอาเงิน แต่ก็ไม่เคยโดนทำร้ายร่างกาย จึงไม่ได้มีความจำเป็นต้องแจ้งความเอาผิด เพราะไม่ใช่เรื่องใหญ่ นายลูกไก่ได้เงินไปแต่ละครั้งก็ไม่ใช่จำนวนมาก เป็นเงินเล็กน้อยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ภายหลังทีมข่าวลงพื้นที่มาเจอกับตาชุน เจ้าตัวมักพูดประโยคเดิมซ้ำ ๆ ว่า “เรื่องมันจบไปแล้ว เรื่องมันผ่านไปแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่ อยากให้จบเรื่องกันไป สงสารเขา”
น.ส.หวาน (นามสมมติ) อายุ 46 ปี หลานสาวของตาชุน ในฐานะคนดูแลและจ่ายเงินให้ตาใช้จ่ายประจำ พาทีมข่าวเดินทางไปที่สวนหลังบ้าน ซึ่งพบว่าเป็นสวนกล้วย และพืชริมรั้วที่ใช้ประกอบอาหาร โดยเป็นจุดคาดการณ์ที่ว่าคนร้ายบุกเข้ามาก่อเหตุปีนรั้วเข้ามา สังเกตว่าจุดดังกล่าว จะมีการผูกเชือกไว้ที่ต้นไม้ เพื่อมีการใช้พยุงตัว ส่วนอีกจุดหนึ่งคือรั้วด้านหน้าไม่มีกล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่ และเป็นรั้วที่อยู่ติดกับป่าหลังบ้าน เชื่อว่าคนร้ายสามารถที่จะเหยียบกำแพงปูนสีขาว และปีนข้ามรั้วเข้าไปภายในบ้านของตาชุนได้ แต่หลังจากก่อเหตุแล้ว คนร้ายก็ใช้ช่องทางหลบหนีออกไปยังหน้าบ้าน ไปที่ถนนเทศบาล แต่เรื่องเส้นทางจุดที่มีกล้องวงจรปิด ซึ่งเชื่อว่าอาจมีความชำนาญและรู้พื้นที่พอสมควร
ที่ผ่านมาตนเป็นลูกหลานที่ดูแลตาชุนมาตลอด เพราะลูกหลานคนอื่นย้ายไปมีครอบครัวกันหมดแล้ว จึงมีตนเป็นคนคอยดูแลตาชุน และพี่สาวตาชุน วัย 90 ปี นอนติดเตียง-ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ตนก็จะเป็นคนส่งข้าวส่งน้ำ และคอยดูแลเรื่องความเรียบร้อยภายในบ้านให้กับตา และยังเป็นคนนำเงินใช้จ่ายประจำวันไปมอบให้กับตา โดยก่อนหน้านี้จะให้ครั้งละ 500-1,000 บาท จนช่วงระยะหลัง เห็นความผิดปกติ เวลาไปที่บ้าน จะมีเศษเงินติดตัวตา หรือนำมาวางเอาไว้บนโต๊ะให้เห็น แต่ช่วงหลัง ภายในบ้านไม่มีแม้แต่เศษเงินที่วางอยู่ ซึ่งพยายามเข็นถามตา ก็ไม่ยอมตอบว่าเงินหายไปไหนหมด จนกระทั่งยอมบอกว่า "โดนล้วงกระเป๋า" จึงติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อจับพฤติกรรมว่า เกิดอะไรขึ้นกับตากันแน่
ทั้งนี้หลังจากได้ติดตั้งกล้องวงจรปิด ทำให้ปรากฏภาพเมื่อต้นเดือน พ.ย.63 เห็นพฤติกรรมนายลูกไก่ หนูเพ็ง ล้วงกระเป๋าตา ขณะไปชื้อของกินที่หน้าโรงรับจำนำ ได้เงินหลัก 1,000 บาท ส่วน 2 สัปดาห์ก่อนเกิดเหตุ นายลูกไก่ จี้ขอเงินที่ถนนเทศบาล ขณะกลับจากซื้อบุหรี่ ได้เงิน 650 บาท กระทั่งเมื่อ 1 สัปดาห์ก่อน นายลูกไก่แอบมารื้อค้นของในบ้าน ได้เงิน 500 บาท และในวันที่ 21 พ.ย.63 เข้ามาทำร้ายตาชุล รื้อค้นของในบ้านได้เงินไป 130 บาท
อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้าทางคดี ตำรวจโรงพักเมืองภูเก็ต ได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนแกะรอยหาเบาะของนายลูกไก่แล้ว พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ได้แจกรูปหน้าตรงของนายลูกไก่ให้ชาวบ้านทราบ อีกทั้งเข้าไปพบกับตาชุน เป็นการส่วนตัว โดยให้ตาชุนชี้บุคคลที่เข้ามาก่อเหตุ ซึ่งตาชุนชี้ไปที่ภาพของนายลูกไก่ โดยหลังจากนี้เจ้าหน้าที่เตรียมออกหมายจับ ในข้อหาทำร้ายร่างกาย และปล้นทรัพย์เวลากลางคืน