"เจ๊อ๋อ 90 ล้าน" ยอมเปิดใจกับสื่อครั้งแรกหลังอดีตสามีเสียชีวิต ยืนยันไม่เสียใจหากพินัยกรรมจะไม่มีชื่อของบุตรบุญธรรม เพราะเรามีมากพอแล้ว ระบุจะไปเคาะโลงศพส่งวิญญาณเสี่ยเต้ยให้ไปสู่สุขคติ อย่าจองเวรกัน เพื่อจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่
เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 63 น.ส.วรรณลี ปัญญาใส อายุ 48 ปี หรือ "เจ๊อ๋อ 90 ล้าน" อดีตภรรยานายสมภาร สุรัญกุล หรือ เสี่ยเต้ย ที่เพิ่งเสียชีวิตจากการป่วยติดเชื้อในกระแสเลือดเมื่อกลางดึกวันที่ 19 พ.ย. 63 ที่ผ่านมา โดยทางญาติกำหนดวันฌาปนกิจที่เมรุวัดเทพสถิตนิมิตมงคล อ.หนองแสง จ.อุดรธานี ในเวลา15.00 น. วันที่ 25 พ.ย. 63 นี้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดเซฟอ่านพินัยกรรม 'เสี่ยเต้ย' หลังเผาศพ 25 พ.ย. เผยชีวิตวัยเด็กสุดจน-ลำบาก
- “เจ๊อ๋อ” จ่อได้สิทธิดูแลมรดก “เสี่ยเต้ย” ญาติไม่เสียดาย 50 ล้านพร้อมให้หลานบุญธรรม
- เปิดโผ! ใครได้มรดก “เสี่ยเต้ย” พี่ชายร่ำไห้ขอ “เจ้อ๋อ” ไหว้ศพน้องหวังอโหสิกรรม
โดยเจ๊อ๋อ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแบบเปิดหน้าพูดครั้งแรกระบุว่า รู้สึกเสียใจที่อดีตสามีเสียชีวิตอย่างกะทันหัน เพราะเขาเป็นคนดี เราเคยอยู่ด้วยกันมานานถึง 5 ปี จดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ก็ขออโหสิกรรมที่เคยล่วงเกินหรือทำตัวไม่ดี ทั้งกายวาจาใจ ทำให้เขามีความทุกข์ ในส่วนที่เสี่ยเต้ยเคยทำไม่ดีกับตนเองก็ขออโหสิกรรมให้เช่นกัน เพราะอยากให้ดวงวิญญาณเขาสงบ ไปสู่สุขติ และตนจะไปร่วมงานในวันฌาปนกิจเพียงวันเดียว จะไม่ขออะไรมากเพียงแต่อยากไปส่งดวงวิญญาณอดีตสามี โดยการเคาะโลงศพเพื่อบอกกล่าว เพราะตอนนี้เราสองคนต่างคนต่างอยู่แล้ว แยกทางกันแล้ว เหมือนกับไม่รู้จักกันแล้ว อย่าได้จองเวรกรรมกัน เพื่อตนจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ และดูแลลูกหลานให้ดีที่สุด
ส่วนเรื่องที่เรามีบุตรบุญธรรมด้วยกันนั้น เป็นเรื่องจริงและดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยใช้เวลาดำเนินการ 1 ปีเศษ บุตรบุญธรรมชื่อ "น้องนิวเวียร์" อายุ 5 ขวบ ดำเนินการตามขั้นตอนการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมที่ว่าการอำเภอกุมภวาปี เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 60 โดยมีนายวิชาญ ศิริพัฒนวรโชติ ปลัดอำเภอรักษาการแทนนายอำเภอกุมภวาปีในขณะนั้น เซ็นกำกับรับรองเป็นบุตรบุญธรรมเพียงคนเดียวของอดีตสามี โดยมีสิทธิ์ในทรัพย์สินมรดกของเสี่ยเต้ยอย่างถูกต้องตามกฎหมายด้วย
เจ๊อ๋อ ยังกล่าวถึงเรื่องพินัยกรรมของเสี่ยเต้ยว่า หากในพินัยกรรมเขียนระบุจะมอบหรือแบ่งส่วนให้กับใครเช่นลูกหลานหรือญาติพี่น้องของเขา ทางเราก็ต้องทำตามพินัยกรรมที่ระบุเอาไว้ เราเป็นคนแบบสบาย ๆ ไม่ยึดติดในทรัพย์สินที่บุตรบุญธรรมของเราจะต้องได้มาทั้งหมด เพราะเราจ่ายไปเยอะ หากว่าให้ก็คือให้ เนื่องจากทรัพย์สินของทางเราก็มีมากพอสมควร หากในพินัยกรรมไม่เขียนระบุถึงบุตรบุญธรรม เราก็ไม่เสียใจ เพราะเป็นผู้ให้ดีกว่าเป็นผู้รับ เพราะว่าเรามีมากพออยู่แล้ว
"อะไรที่เป็นของเราก็เป็นของเราอยู่วันยันค่ำ และอยากจะบอกทุกคนด้วยว่าการที่เราไปคาดหวังอะไรแบบมั่ว ๆ มันก็ไม่ดี หากไม่ได้มาก็จะเส้นเลือดในสมองแตก อย่าทำเลยจะดีกว่า ทำตัวแบบสบาย ๆ เหมือนกับฉันมีทำบุญก็ทำบุญ มีกินก็กิน และหากพินัยกรรมของเสี่ยเต้ยระบุไว้ว่ายกทรัพย์สินทั้งหมดให้ญาติพี่น้องของเขา พวกเขาก็ควรรับเอาไป เพราะฉันเป็นเพียงคนกลางที่อยู่ระหว่างสองขั้ว คือญาติและบุตรบุญธรรมของเสี่ยเต้ย" เจ๊อ๋อกล่าวในที่สุด