กรณีตำรวจ สภ.ลาดใหญ่ จ.สมุทรสงคราม รับแจ้งเหตุพบศพหญิงเสียชีวิตภายในบ้านหลังหนึ่ง ต.ลาดใหญ่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ที่เกิดเหตุภายในห้องนอนชั้น 2 พบผู้เสียชีวิต ทราบชื่อ น.ส.ทญา อายุ 52 ปี ชาว อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี นอนเสียชีวิตอยู่ข้างเตียงนอน ใกล้กันมีกระทะใส่ถ่านวางอยู่
เบื้องต้นคาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 8 ชั่วโมง นอกจากนั้นยังมีกระดาษเขียนข้อความมีใจความว่า "บอกทุกคนหนูเป็นโควิดนะ จะได้ไม่วุ่นวาย แต่หนูเหนื่อยและท้อชีวิตไม่มีความสุข"
ล่าสุดวันที่ 25 พ.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาที่ บ้านเลขที่ 126/39 หมู่ 10 ต.ลาดใหญ่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ซึ่งบ้านที่เกิดเหตุถูกปิดเงียบ มีเพียงรถเก๋งสีขาวจอดอยู่ บ้านรอบข้างล็อกกุญแจไว้ เพราะส่วนใหญ่จะไปทำงาน ทีมข่าวได้เดินทางไปหาป้าคนสนิท ระหว่างที่ลงพื้นที่พบกับสุนัขของผู้ตาย เป็นสุนัขสีครีม ชื่อ ตัวเล็ก อายุ 6-7 ปี ส่วนสุนัขที่คาดว่าน่าจะตายแล้ว และเป็นชนวนเหตุ ชื่อ แตงโม เป็นสุนัขสีขาว ลายจุดสีดำ มาอยู่พร้อมกับ ตัวเล็ก
นอกจากนี้ยังพบกับสุนัขสีดำ ชื่อ ดำ มาขออาศัยอยู่กับป้าคนสนิท เพราะถูกรถชน แต่ผู้ตายมักจะนำไปเล่นที่บ้านด้วย มีอาการซึมเศร้า
นางปลูก อายุ 65 ปี ป้าคนสนิท ผู้ดูแลคนตาย เปิดเผยว่า ผู้ตายเป็นห่วงตนมาก และเกรงว่าตนจะลำบากที่พามาอยู่ที่นี่ เพราะเมื่อประมาณ 6-7 ปีที่แล้ว ผู้ตายขอให้ตนย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านเดียวกัน ตนก็ยินดีเพราะสนิทกัน และเข้ามาดูแลในฐานะเหมือนพี่น้องกัน รู้จัก 10 กว่าปีแล้ว แต่จะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของกันและกัน เพราะทุกคนมีโลกส่วนตัว
เมื่อประมาณ 7 วันที่ผ่าน ผู้ตายไปเยี่ยมแม่ในเมือง และนำสุนัขขึ้นรถไปด้วย เพราะปกติจะพาสุนัขจำนวน 2 ตัว ชื่อ ตัวเล็ก กับแตงโม ไปไหนมาไหนด้วยตลอด ระหว่างที่ขับรถอยู่ อากาศค่อนข้างร้อน เลยเปิดกระจกรถ ทำให้สุนัขทั้ง 2 ตัวกระโดดออกมาจากรถ ผู้ตายพยายามตามหา แต่มีเพียงเจ้าตัวเล็กที่กลับมาบ้านถูก ส่วนเจ้าแตงโมหายตัวไป ยังตามหาไม่เจอ กระทั่งเมื่อประมาณ 3 วันก่อน มีคนเห็นสุนัขที่มีลักษณะเหมือนเจ้าแตงโมถูกรถทับตาย
ทั้งนี้ผู้ตายทำใจไม่ได้ที่สุนัขของตัวเองตาย ตนก็พยายามปลอบว่า “ใช่หรือเปล่า อย่าเพิ่งไปตัดสินใจ ว่าเป็นสุนัขของตัวเอง” ส่วนสามีเสียชีวิตมา 3 ปีแล้ว แต่ยังคงรู้สึกเศร้ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากผู้ตายเป็นคนที่เก็บกด มีโรคส่วนตัวสูง และค่อนข้างจะเก็บตัว
นอกจากนี้ ยังพบจดหมายลาตายระบุรายชื่อลูกหนี้ด้วย ซึ่งตนยังเคยตักเตือนเรื่องการทำธุรกิจ เพราะช่วงนี้ทำธุรกิจค่อนข้างจะลำบาก เลยไม่อยากจะให้ทำอะไร แต่ผู้ตายเป็นคนไม่อยู่เฉย ๆ ร่วมลงทุนในธุรกิจตลอด ซึ่งผู้ตายอาจจะเครียดเรื่องธุรกิจด้วย ช่วงนี้ตนไม่ค่อยได้คุยกับผู้ตาย เพราะไม่สบาย มีอาการเจ็บคอกันทั้งคู่ และก่อนหน้านี้ไม่มีลางบอกเหตุ แต่เคยคุยเล่นกันทำนองว่า ใครจะตายก่อน ขอไปก่อนแล้วกัน เพราะคนที่ไปก่อนจะสบาย แต่คนข้างหลังลำบาก