หนุ่มโมโหแม่ ให้เงินไปซื้อเหล้าร้อยเดียว คว้าไม้ไล่ตีทรุดนั่งเจ็บ

แม่ร่ำไห้! สุดทรมานหัวใจ ถูกลูกชายคว้าไม้กระหน่ำตีจนบาดเจ็บ เผยลูกติดเหล้าหนัก เมาทุกวัน ขอเงินไม่ได้ดั่งใจก่อนลงมือก่อเหตุ เล่าทั้งน้ำตา เงิน 100 บาทสุดท้ายเหลือไว้ซื้อข้าวกิน สุดท้ายลูกชายนำไปซื้อเหล้า ด้านเจ้าของห้องพัก น้ำตาคลอ สงสารอยากให้จับลูกชายคนเจ็บเข้าคุก

จากกรณีที่เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2563 ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ชาญวุติ เทียมมงคล สวป.สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี รับแจ้งจากชาวบ้านมีเหตุลูกชายทำร้ายแม่แท้ๆ ได้รับบาดเจ็บ ในพื้นที่ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ที่เกิดเหตุพบหญิงอายุ 60 ปี ได้รับบาดเจ็บถูกของแข็งตีเข้าบริเวณหัวเข่านั่งทรุดอยู่ กระทั่งทราบในเวลาต่อมาว่า ถูกลูกชายคนโต อายุ 35 ปี มีนิสัยเกเร ไม่มีงานทำ มาขอเงิน 300 บาทจะไปซื้อเหล้า แต่ให้เงินไปเพียง 100 บาท ทำให้ลูกชายไม่พอใจก่อนวิ่งไปหยิบท่อนไม้มาไล่ตีจนได้รับบาดเจ็บนั้น

วันนี้ 26 พ.ย. 2563 ทีมข่าวอมรินทร์เดินทางมายังจุดเกิดเหตุ ภายในซอยประเสิร์ฐอิสลาม 27 ห่างจากปากซอยเข้ามาประมาณ 300 เมตร ซึ่งเป็นจุดที่ "นางอนงค์ โคตรชมพู" อายุ 60 ปี ผู้บาดเจ็บ ที่ถูก "นายปรีชา โคตรชมพู" อายุ 36 ปี ผู้เป็นลูกชายที่ทำร้ายร่างกายแม่ ซึ่งจุดเกิดเหตุเป็นช่วงป่าหญ้าและต้นไม้ ก่อนถึงทางเข้าห้องพักผู้บาดเจ็บ

จากนั้นทีมข่าวเดินทางต่อมายัง ห้องเช่าไม่มีเลขที่ ซึ่งตั้งอยู่ด้านในสุดของซอยประเสิร์ฐอิสลาม 27 เป็นห้องแถวชั้นเดียว ทีมข่าวได้พบกับ "นางอนงค์ โคตรชมพู" อายุ 60 ปี ผู้บาดเจ็บ ที่ถูกลูกชายทำร้ายร่างกาย โดย นางอนงค์ เปิดเผยว่า ตนมาทำงานที่กรุงเทพนานกว่า 20 ปีแล้ว มาเช่าห้องพักแห่งนี้ อาศัยอยู่กับลูกชาย 2 คน ตนและลูกชายมีอาชีพรับจ้างทั่วไป ซึ่งนายปรีชา คนก่อเหตุ เป็นลูกชายคนโต อายุ 36 ปี มีพฤติกรรมชอบกินเหล้า ติดเหล้ามานาน และมีพฤติกรรมชอบขอเงินแม่ไปซื้อเหล้ากินทุกวัน ยืนยันว่าไม่ติดสารเสพติด ซึ่งหากวันไหนแม่ไม่ให้เงิน หรือให้เงินจำนวนน้อย ก็เกิดความไม่พอใจ ด่าทอแม่ ตะโกนต่อว่า และมีท่าทีคล้ายจะทำร้ายร่างกายมาโดยตลอด

ในวันเกิดเหตุ นางอนงค์ เล่าว่า ตนกลับจากทำงานรับจ้างตัดไม้ กำลังนั่งรถกระบะของนายจ้างกลับบ้าน กระทั่งถึงจุดเกิดเหตุ ลูกชายคนโต ซึ่งอยู่ในอาการเมา เพราะดื่มเหล้าหนักกว่าทุกวัน เดินเข้าทาขอเงินกับตน 200 บาท ตนจึงบอกไปว่า เหลือเงินติดกระเป๋าเพียง 100 บาทสุดท้ายเท่านั้น พร้อมกับยื่นเงินให้ลูกชาย จากนั้น นางอนงค์ กำลังก้าวขาเพื่อจะลงจากรถกระบะ จู่ๆ ลูกชายเดินถือขอนไม้เข้ามากระหน่ำฟาดที่ขาหลายครั้ง จนกระทั่งล้มลงกับพื้น ซ้ำยังฟาดเข้าที่หัวของตน โชคดีจังหวะนั้นตนยกฝ่ามือขึ้นมาปิดหัวได้ทัน ไม่จึงฟาดเข้าที่มือไม่โดนหัว ก่อนมีพลเมืองดีที่อยู่ใกล้เคียง เข้ามาห้ามได้ทัน พร้อมโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ก่อนที่ลูกชายจะปั่นจักรยานหลบหนีไป

นางอนงค์เผยทั้งน้ำตาว่า ลูกชายไม่พอใจที่ขอเงินเพื่อไปกินเหล้า 200 บาท แต่ตนมีให้เพียง 100 บาทเท่านั้น กระทั่งก่อเหตุขึ้น เงิน 100 บาทสุดท้าย ตนจะเอาไว้ซื้อกับข้าวกินในครอบครัว แต่ต้องเอาให้ลูกชายไปกินเหล้า จนทำให้ไม่มีเงินซื้อข้าวกิน อีกทั้งเมื่อวาน หลังจากถูกทำร้าย แล้วไปหาหมอ ตนก็ไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา จึงได้ใช้สิทธิบัตรทอง

โดยที่ผ่านมา นายปรีชาติดเหล้ามากว่าสิบปี ไม่มีลูก ไม่มีภรรยา ไม่มีงานเป็นหลักแหล่ง มีแม่และน้องชายดูแลเป็นหลัก แม้ตนถูกทำร้ายร่างกาย แต่ไม่กังวลกลัวอะไร เพราะยังมีลูกชายคนเล็กดูแลตนอยู่

อย่างไรก็ตาม นางอนงค์ยอมรับว่ารักลูกชายทุกคน ซึ่งคนก่อเหตุ ตนก็หาเงินซื้อข้าวให้กิน จ่ายค่าเช่าห้องพักให้ หรือให้เงินไปซื้อเหล้ากินเป็นประจำ ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ลูกชายทั้งหมด ตนรู้สึกเสียใจมาก ผิดหวังมาก ไม่คาดคิดว่าลูกชายจะคว้าไม้ฟาดทำร้ายร่างกายแม่ ถึงอย่างไรก็ตาม ตนก็พร้อมที่จะให้อภัย อโหสิกรรมให้ลูกเสมอ แม้เจ็บปวดร่างกาย จิตใจ แต่สุดท้ายก็คือลูก และที่สำคัญ ตนไม่อยากเอาผิด เอาอยากให้ลูกติดคุก เพราะสงสารลูกชาย อีกทั้งตั้งใจว่าอีก 5 เดือน ตนจะพาลูกชายทั้ง 2 คนกลับไปอยู่บ้านเกิดที่ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย เนื่องจากสร้างบ้านเสร็จแล้ว แต่กลับเกิดเหตุขึ้นก่อน

ขณะที่ด้านของ "นางมารี ต่ำแดง" อายุ 68 ปี เจ้าของห้องเช่า เปิดเผยว่า ครอบครัวนี้เช่าพักที่ห้องพักของตนมานานกว่า 20 ปีแล้ว นายปรีชา คนก่อเหตุ ชอบปั่นจักรยานไปนั่งกินเหล้าตามร้านค้าของชำคนเดียวทุกวัน เมื่อเมาก็จะกลับมาอาระวาท ด่าทอ ทำร้ายร่างกายผู้เป็นแม่ตลอด ที่ผ่านมา ตนก็เคยถูกนายปรีชา ขู่ทำร้ายร่างกาย เนื่องจากบอกให้นายปรีชาไปอาบน้ำ เพราะเมาและมีกลิ่นตัวเหม็น แต่นายปรีชา กลับโกรธ โมโห วิ่งไปหยิบลูกมะพร้าวโยนใส่ตน อีกทั้งเคยวิ่งไปคว้าไม้เดินมาจะทำร้ายตน แต่โชคดีลูกชายของตนเดินออกมาห้ามและต่อว่านายปรีชา

นางมารี เจ้าของห้องพัก ยอมรับว่า อยากไล่ออกจากห้องเช่ามานานแล้ว แต่สงสารผู้เป็นแม่ เพราะเขากำลังหาเงินสร้างบ้านที่ต่างจังหวัด จึงยอมให้เช่าอาศัยต่อ ค่าเช่าห้องพักเดือนละ 1,000 บาท จำนวน 2 ห้องพัก ซึ่งเงินค่าเช่าทุกเดือน ผู้เป็นแม่ก็จะเป็นคนหาเงินมาจ่ายทั้งหมด โดยหลังเกิดเหตุ ตนสงสารผู้เป็นแม่ที่แก่แล้ว ต้องมาเจอลูกชายทำร้ายร่างกาย ต้องร้องไห้เสียใจเป็นประจำ และยอมรับว่า ตนอยากให้ตำรวจจับนายปรีชาเข้าคุกไปเลย แต่ก็เห็นใจผู้เป็นแม่ ที่เขารักและสงสารลูกชายมาก