จากกรณีเรื่องการเปิดบัญชีรับบริจาคเงิน เพื่อการสร้างพญานาคที่บริเวณข้างบ้านลุงพล บ้านกกกอก จ.มุกดาหาร ที่มีกระแสข่าวอยู่ในขณะนี้
โดย "อุ๊บ วิริยะ" นักปั้นมือทอง ที่ก่อนหน้านี้มีความสนิทสนมกับครอบครัวของลุงพล และช่วงหลังห่างหัน มีการโพสต์ข้อความและไลฟ์เฟซบุ๊กประกาศไม่ขอร่วมงานกับลุงพล เนื่องจากมีความไม่สบายใจส่วนตัวนั้น อีกทั้งมีเฟซบุ๊กที่ระบุถึงกระแสที่ "หมอปลา" มีการเตือนลุงพลเรื่องการเปิดรับบริจาค ห่วงว่าเปิดบัญชีรับเงินแล้วอาจจะเกิดปัญหาตามมาในภายหลังหรือไม่
วันที่ 28 พ.ย. 63 "อุ๊บ วิริยะ" เปิดเผยว่า เรื่องการเปิดรับบริจาคเงิน ตนเองคิดว่าจะต้องมีปัญหาตามมาในภายหลัง เพราะมีดาราดังที่เคยประสบปัญหาในลักษณะนี้มาแล้วก่อนหน้าหลายราย โดนทัวร์ลงชาวเน็ตถล่ม เพราะมีบุคคลที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ที่ไม่เข้าใจว่าจุดประสงค์ของการรับเงินบริจาคพื่ออะไร เพื่อเชิงพาณิชย์หรือเชิงธุรกิจส่วนตัว
ซึ่งความเป็นจริงแล้วเรื่องการขอเปิดรับเงินบริจาค จะต้องไปทำเรื่องให้ชัดเจนถูกต้อง โดยเฉพาะหากเป็นบุคคลธรรมดา ก็อาจจะเกิดปัญหาบานปลายไปถึงเรื่องคดีความในอนาคตได้ ซึ่งล่าสุดกรณีของลุงพล ก็เป็นเรื่องส่วนตัว ตนเองก็ไม่อยากจะยุ่งหรือแสดงความคิดเห็นมากนัก ประสบการณ์เท่าที่ผ่านมาที่พบเห็นก็จะต้องมีเสียงถามว่าทำเพื่อจุดประสงค์อะไร โปร่งใสไหม ทำเพื่อตัวเองหรือไม่ ก็จะกลายเป็นกระแสมีผู้คนจับจ้อง และอาจเกิดดราม่าตามมาในภายหลังได้เช่นกัน
ส่วนกรณีเรื่องการทะเลาะกับลุงพลนั้น สำหรับตนเองอยากชี้แจงว่า "ขอจากกันด้วยดี เนื่องจากทำงานร่วมกันแล้วไม่แฮปปี้ทั้งสองฝ่าย ก็คงต้องยกเลิกในการทำงานร่วมกัน ต่างคนต่างอยู่จะดีกว่า เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จึงไม่ขอลงรายละเอียยมาก"
นายไชย์พล วิภา เปิดเผยว่า ที่เปิดบัญชีเองเพราะมีความจำเป็น เรื่องดังกล่าวเป็นความเชื่อส่วนบุคคล หากไม่เชื่อไม่ได้บังคับ แต่หากเชื่ออยากร่วมบุญก็ยินดี การเปิดบัญชีรับเงินบริจาคสร้างพยานาคนั้น ก็เป็นความเชื่อความศรัทธาส่วนบุคคล เจตนาที่ตนเองเปิดบัญชี เพราะต้องการทำตามความต้องการของเจ้าปู่พญานาค ที่มีจุดประสงค์ต้องการร่วมบุญ ตนจึงมีความจำเป็นต้องสร้างสรีระสังขารของเจ้าปู่พญานาคขึ้นมา
โดยหากมีคนบริจาคเข้ามาร่วมสร้างบุญ โอนผ่านบัญชีของยูทูเบอร์ที่บ้าน มีมากกว่า 10 ช่อง จึงเกรงว่าจะไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเงินที่ถูกโอนมาส่งตรงถึงตนจริงหรือไม่ จึงมีความจำเป็นต้องทำการเปิดบัญชีด้วยตัวเองเพื่อความปลอดภัยของเงินที่มีผู้บริจาคมาร่วมสร้างบุญในครั้งนี้ ตนจึงอยากชี้แจงให้สังคมทราบ
ส่วนกรณีหากผู้ที่บริจาคต้องการจะมาตรวจสอบสมุดบัญชีเพื่อความโปร่งใส ตนเองก็ยืนยันว่าสามารถตรวจสอบบัญชีที่รับโอนเงินได้ เพราะตนเองเปิดบัญชีจากธนาคารออมสิน เช็กยอดเงินได้ตลอดเวลา ส่วนการเปิดบัญชีของตนในครั้งนี้ อาจจะมีคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ตนมองว่าความศรัทธาและความเชื่อของแต่ละบุคคลไม่สามารถที่จะไปก้าวล่วงได้ ทั้งนี้ ตนยินดีเสมือนว่าเป็นการต่อดวงต่อชะตาของคนที่มีความเชื่อได้มาร่วมบุญกัน ครั้งนี้ไม่ได้เป็นการเปิดรับบริจาค แต่เป็นการร่วมสมทบทุนร่วมสร้างบุญกันมากกว่า
ทนายรัชพล ศิริสาคร ที่ปรึกษาด้านทนายความ เปิดเผยว่า การขอเปิดรับบริจาคเงินทางเฟซบุ๊ก หรือช่องทางออนไลน์ ยกตัวอย่างเช่นคดีพี่คล้าว 2018 ซึ่งอัยการก็สั่งไม่ฟ้อง หมายความว่าการเปิดรับบริจาคทางออนไลน์สามารถทำได้ แต่ว่าเงินที่ได้รับบริจาคมาจะต้องนำไปใช้ให้ถูกวัตถุประสงค์ เช่น รับบริจาคมาเพื่อการหนึ่ง แต่นำไปใช้อีกการหนึ่งก็อาจจะเป็นการเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน พ.ร.บ.คอม และความผิดฐานฟอกเงิน
นอกจากนั้น การใช้บัญชีรับบริจาคจะมีความโปร่งใสก็ควรสามารถชี้แจงกับผู้ที่รับบริจาคได้ เช่น หากสมมติรับบริจาคมาในช่วงวันที่ 1-30 พ.ย. 63 ในช่วงที่เราเปิดรับบริจาคก็ไม่ควรถอนออกไปใช้ในเรื่องส่วนตัว อีกทั้งควรมีความโปร่งใส สามารถให้คนตรวจสอบได้ว่ารับบริจาคมาเท่าไรแล้ว ถอนเงินไปเท่าไร เสมือนวัตถุประสงค์ชัดเจน อีกทั้งไม่ควรใช้บัญชีส่วนตัว แต่ควรเปิดบัญชีใหม่เพื่อความโปร่งใสด้วย
Advertisement