วันที่ 1 ธ.ค. 63 จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก "บอดินไม่อินเผด็จการ" ได้รายงานเหตุการณ์จากโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) กรุงเทพฯ ซึ่งพบว่า ก่อนหน้ามีการออกประกาศเรื่องการแต่งกาย พร้อมระบุว่า หากนักเรียนไม่แต่งเครื่องแบบตามระเบียบ จะมีการเชิญผู้ปกครองมาชี้แจง ทั้งนี้ พบว่าวันนี้นักเรียนมีการแต่งชุดไพรเวตมาโรงเรียน ถูกเชิญตัวไปกักในเรือนเจ้าพระยา และไม่อนุญาตให้เข้าเรียน
ที่โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) กรุงเทพฯ เวลา 15.00 น. กลุ่มบอดินไม่อินเผด็จการจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ เรียกร้องยกเลิกบังคับใส่ชุดนักเรียน โดยการโปรยกระดาษข้อความลงมาจากตึกเรียนชั้น 4 "บังคับใส่ชุดนักเรียนคือการละเมิดสิทธิ์ของนักเรียน", "My body my choice" และ "ยกเลิกกฎระเบียบล้าหลัง"
นายบาส (นามสมมติ) อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นม.6 จากกลุ่มบอดินไม่อินเผด็จการ ซึ่งใส่เสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์ขายาว รองเท้าผ้าใบ และหมวกสีดำมีตุ๊กตาเป็ดเหลืองด้านบน กล่าวว่า หลังเข้ามาในโรงเรียนตนก็ถูกจับแยกไปอยู่บนเรือนไทยกับกลุ่มเพื่อน ๆ ที่ใส่ชุดไพรเวตมาเรียน
ซึ่งผู้อำนวยการเข้ามาพูดคุยว่าหากจะขึ้นเรียนต้องไปเปลี่ยนชุดนักเรียน หรือหากจะกลับบ้านก็ให้ผู้ปกครองมารับ ซึ่งตนก็ยืนยันว่าจะขึ้นเรียนด้วยชุดไพรเวตโดยไม่กลับบ้าน จากนั้น ผู้อำนวยการลงไปคุมการเข้าแถว พร้อมส่งเครือข่ายผู้ปกครองมาพูดคุยกับพวกตน ทางผู้ปกครองบอกให้เปลี่ยนชุดนักเรียนเพื่อขึ้นเรียน แต่บางคนก็ยังไม่ยอม จึงต้องรอผู้อำนวยการเป็นเวลาเกือบ 4 ชั่วโมง
ระหว่างนั้นทุกคนห้ามลงจากเรือนไทย ไม่ให้ไปร่วมเข้าแถว และเข้าเรียนกับเพื่อน ๆ ทางเครือข่ายผู้ปกครองระบุว่าต้องรอผู้อำนวยการมาพูดคุยก่อน แม้แต่ไปเข้าห้องน้ำยังมีคนตามไปคุม ตนรู้สึกเหมือนถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว ซึ่งถือว่าผิดกฎหมาย แต่ทุกคนจะได้เห็นว่าการใส่ชุดไพรเวตมาโรงเรียนต้องเจอกับอะไรบ้าง ทั้งนี้ หลังได้คุยกับผู้อำนวยการก็ได้รับแจ้งว่าให้ขึ้นเรียนได้โดยไม่ทำโทษ แต่ให้แค่วันเดียว ตนจึงเสนอให้ทำประชาพิจารณ์ ให้เด็กลงมติอย่างเสรี ซึ่งผู้อำนวยการรับปาก แต่ไม่รู้ว่าจะทำเมื่อไร ซึ่งพรุ่งนี้ตนก็คงใส่ชุดนักเรียน ไม่ได้ต่อต้านชุดนักเรียน แต่ไม่เห็นด้วยกับการบังคับและละเมิดสิทธิ์ในร่างกาย
ดร.วิสิทธิ์ ใจเถิง ผู้อำนวยการโรงเรียน กล่าวว่า ภาพที่เผยแพร่ออกไปไม่ใช่การกักขัง แต่มีนักเรียนบางส่วนที่แต่งกายชุดไพรเวตมา ก็เปิดประตูรับ และดำเนินการตามที่ สพฐ. กำหนด คือขอดูบัตรนักเรียน และเชิญมานั่งคุยกันบริเวณเรือนไทย ซึ่งอยู่ติดหน้าโรงเรียน
แต่นักเรียนบางคนไม่ให้ดูบัตรนักเรียนในตอนแรก จนต้องให้ครูที่ปรึกษามาคุย และพยายามเชิญผู้ปกครองแต่ไม่สามารถเชิญได้ เพราะนักเรียนบางส่วนไม่แสดงตัว จึงต้องให้ผู้ปกครองเครือข่าย และศิษย์เก่าเข้ามาพูดคุยจึงต้องใช้เวลา แต่ไม่ถึง 4 ชั่วโมงตามที่มีข่าว
โดยเมื่อเสร็จสิ้นได้เข้ามาพูดคุยหาทางออกกันต่อที่ห้องประชุม ซึ่งสุดท้ายก็ปล่อยให้สามารถขึ้นเรียนได้โดยไม่มีการลงโทษ ส่วนพรุ่งนี้นักเรียนมาเรียนโดยแต่งเครื่องแบบตามปกติ เพราะเป็นระเบียบ ซึ่งหากอยากแก้ระเบียบก็ต้องเสนอผู้ใหญ่ โดยตนก็จะช่วยเสนอในเรื่องนี้ให้ด้วย แต่ยังไม่สามารถแก้ได้ทันทีเพราะเป็น พ.ร.บ.การแต่งกายที่บังคับออกมา ซึ่งตนได้อธิบายนักเรียนว่าหากต้องการสิทธิก็ต้องมาคู่กับหน้าที่ และเสรีภาพก็ต้องมาคู่กับความรับผิดชอบด้วย สังคมจึงจะอยู่ด้วยกันได้