ตร.เชียงแสนรวบหนุ่มพะเยา ลอบขนเงินออกนอกประเทศเดือนละ 150 ล้านผ่านแม่น้ำโขงข้ามไปยังฝั่งลาว เจ้าตัวอ้างไม่รู้เป็นเงินจากที่ใดแค่ถูกจ้างให้ขน
วันที่ 2 ธ.ค. พ.ต.อ.ศตศักดิ์ พิมลทิพย์ ผกก.สภ.เชียงแสน พร้อมด้วยพ.ต.ท.กิตติภูมิ กันจินะ สว.สสสภ.เชียงแสน จ.เชียงราย นำกำลังเข้าจับกุมตัวนายสุกันทา ภูมิพันธ์ อายุ 37 ปี บ้านเลขที่ 245 ม.2 ต.แม่นาเรือ อ.เมือง จ.พะเยา และนายสมจิตร อินตะสอน อายุ 52 ปีบ้านอยู่เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว พร้อมของกลางเป็นนธนบัตรใบละ 1,000บาท จำนวน 5 มัด เป็นเงิน 5,490,000 บาทและธนบัตรใบละ 500 บาท อีก 4,500 บาท รวม 5,494,500 บาท มาสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
การจับกุมครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้รับรายงานว่าจะมีการลักลอบนำเงินจำนวนมากออกนอกประเทศ ข้ามแม่น้ำโขงไปยังฝั่งประเทศลาว โดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากรและทำกันเป็นขบวนการ จึงจัดกำลังชุดสืบสวนและชุดสายตรวจออกหาข่าวกระทั่งพบนายสุกันทาหิ้วกล่องพัสดุของไปรษณีย์ไทยเดินลงไปยังท่าเรือจุดผ่อนปรนหน้าที่ว่าการอำเภอเชียงแสน โดยมีเรือหางยาวสัญชาติลาว ซึ่งมีนายสมจิตร เป็นคนขับจอดรออยู่ เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการล็อกตัวชายคนขับเรือและชายเจ้าของกล่องพัสดุ และตรวจภายในกล่องไปรษณีย์พบธนบัตรของกลางทั้งหมดซุกซ่อนอยู่
สอบสวนนายสุกันทาให้การว่า ตนทำงานให้กับบริษัทแห่งหนึ่งที่รับแลกเปลี่ยนเงินในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ ในฝั่งสปป.ลาว ทุกวันจะมีการเงินโอนเข้าสมุดบัญชีเงินฝากของตน แล้วตนจะมีหน้าที่ถอนเงินออกจากธนาคารกรุงเทพ สาขาเชียงแสน แล้วนำเงินบรรจุลงกล่องพัสดุไปรษณีย์ ส่งไปยังบริษัทฯ โดยทางบริษัทจะจ้างเรือจากประเทศลาวมารับกล่องเงินทุกวัน ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าเป็นเงินมาจากที่ใด เพียงแต่ตนได้รับเงินซึ่งตนจะได้รับเงินเดือนจากบริษัทเดือนละ 30,000 บาท แต่ละเดือนจะมีการโอนเงินมาจำนวนหลายสิบครั้ง โดย 1 เดือนจะมียอดถอนเงินออกไปประมาณ 150 ล้านบาท
ส่วน นายสมจิตร เจ้าของเรือ เจ้าหน้าที่ได้สอบสวนแล้ว และได้ให้การเป็นประโยชน์กับรูปคดี ทางเจ้าหน้าที่จึงได้กันนายสมจิตรไว้เป็นพยาน
ทั้งนี้การส่งหรือนำเงินตราออกนอกประเทศโดยนิติบุคคลรับอนุญาต และประเทศที่มีพรมแดนติดต่อกับประเทศไทย ในจำนวนไม่เกิน 2 ล้านบาทเท่านั้น โดยได้ส่งนายสุกันทาให้กับพนักงานสอบสวน สภ.เชียงแสน เพื่อให้ทางด่านศุลกากรเชียงแสนรับไปดำเนินคดีตามกฎหมายศุลกากรต่อไป