วันที่ 3 ธ.ค. 63 สถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.นครศรีธรรมราช หลังจากมีฝนตกหนักต่อเนื่องมาหลายวัน ทำให้หลายพื้นที่ยังคงวิกฤต ที่อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ได้รับผลกระทบ จำนวน 17 ตำบล 109 หมู่บ้าน 72 ชุมชน
ส่วนเมื่อวานนี้ เวลา 19.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจและทีมกู้ภัยรับแจ้งเหตุ ว่ามีชาวบ้านจนน้ำหลักเกิดเหตุเรือล่ม ขณะที่กำลังออกจากบ้านในพื้นที่น้ำท่วม ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่นักประดาน้ำงมใต้น้ำราว 40 นาที พบศพ น.ส.จริยา สังข์อินทรีย์ อายุ 27 ปี และ ด.ช.นฤบดินทร์ ลูกชายวัย 5 ขวบ ซึ่งผู้เป็นแม่ยอมสละชีพช่วยลูกที่ตกน้ำ แต่สุดท้ายเสียชีวิตทั้งคู่
ล่าสุด ทีมข่าวลงพื้นที่ศูนย์จราจร สภ.พระพรหม หรือ 5 แยกนาพรุ หมู่ 1 ต.นาพรุ อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช ที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของ น.ส.จริยาและลูกชายวัย 5 ขวบ โดยมีการตั้งโลงศพเพียง 1 โรง
ด้านในบรรจุร่างของ น.ส.จริยา และลูกชาย ลักษณะให้ลูกอยู่ในอ้อมกอดแม่ฝั่งขวา ญาติต้องการที่จะให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน จึงไม่ได้มีการแยกโลงศพ ส่วนสถานที่ในการตั้งบำเพ็ญกุศลศพนั้น มีความจำเป็นต้องใช้ศูนย์จราจร สภ.พระพรหม เพราะเนื่องจากบ้านของผู้ตายยังคงมีน้ำท่วมสูง
ด้านนายนิกูล สังอินทร์ และนางนภาพร ฉิมอินทร์ พ่อแม่ของผู้ตาย ซึ่งอยู่ในอาการโศกเศร้า เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ครอบครัวยังทำใจไม่ได้ เพราะไม่คิดว่าลูกสาวจะจากไปด้วยเหตุการณ์แบบนี้
โดยช่วงเวลาเกิดเหตุ ตัวเองทราบว่าลูกสาวนั่งเรือออกไปพร้อมกับหลานชาย ออกจากบ้านที่มีน้ำท่วมสูง เพื่อจะขึ้นไปอยู่บนถนน แต่ระหว่างทางเกิดเหตุเรือล่ม
สำหรับเหตุการณ์น้ำท่วม ยอมรับว่า เป็นมวลน้ำที่ไหลเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทุกคนไม่ทันได้ตั้งตัว แม้ว่าลูกสาวจะย้ายไปอาศัยอยู่บ้านข้างเคียง คิดว่าปริมาณน้ำจากขึ้นไม่ถึง เพราะเป็นบ้าน 2 ชั้น แต่สุดท้ายก็เอาไม่อยู่ จนต้องหาเรือลำเล็กแล้วพากันอพยพ พาเด็กที่ติดอยู่ในบ้านออกไปด้วยกัน โดยเรือเพียงลำนิดเดียว แต่มีคนโดยสารไป 6 คน ทำให้เรือล่มในระหว่างพากันออกมา
ขณะที่ก่อนลูกสาวจะเสียชีวิต ตอนที่ออกมาจากบ้านน้ำท่วม ผ่านบ้านตนเอง ลูกสาวได้โบกมือและพูดว่า "บ๊ายบายแม่" ซึ่งโดยปกติลูกสาวออกไปไหนจะไม่ทำตัวแบบนี้ แต่ด้วยพฤติกรรมดังกล่าว ตนเองจึงชื่อว่าเป็นลางบอกเหตุ ก่อนที่ลูกสาวจะมาจบชีวิต ส่วนเหตุผลที่ไม่แยกร่างทั้ง 2 คนละโลงศพนั้น เป็นเพราะว่าทั้งคู่รักกันมาก ด้วยญาติเห็นว่าตายพร้อมกัน จึงอยากให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน
ส่วนสถานการณ์ล่าสุดที่ ต.ท้ายสำเภา อ.พระพรหม มีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม 13 หมู่บ้าน กว่า 1,500 ครัวเรือนได้รับผลกระทบ อีกทั้งยังมีโรงเรียน ตลาด และรถส่วนบุคคลจมน้ำ ได้รับเสียหายตามไปด้วย บางพื้นที่น้ำเริ่มลดลงกว่า 1 เมตรแล้ว
สำหรับพื้นที่ใน ต.ท้ายสำเภา ส่งผลให้มหาวิทยาลัยรามคำแหง โรงเรียนวัดราชเจริญวราราม ถูกน้ำท่วมเสียหาย รั้วบริเวณด้านหน้า ถูกกระแสน้ำชัดจนกำแพงและป้ายโรงเรียนพังเสียหาย ตลาดโกส่องที่บริมาณน้ำเข้าท่วมตลาด พ่อค้าแม่ค้าเก็บข้าวของหนีน้ำไม่ทัน บางส่วนลอยไปตามกระแสน้ำ รถยนต์ส่วนตัวจมอยู่ในน้ำ
ทีมข่าวยังได้เข้าไปภายในหมู่บ้านทุ่งวัดใหม่ ดินลุยน้ำเข้าไปความสูงน้ำประมาณ 1 เมตร บางจุดสูงถึง 2 เมตร เนื่องจากด้านในมียายวัย 72 ปี อาศัยอยู่กับลูกวัย 53 ปี ที่ป่วยเป็นโรคลมชัก ไม่ยอมย้ายออกไปอยู่ข้างนอก แม้ว่าจะมีปริมาณน้ำท่วมล้อมบ้านแล้วก็ตาม
ยายสำนึก บอกว่า ตนยังคงใช้ชีวิตอยู่กับลูกสาว เพราะไม่รู้จะย้ายไปอยู่ที่ไหน เนื่องจากบ้านญาติในละแวกใกล้เคียงก็โดนน้ำท่วมเหมือนกัน และช่วงค่ำวันนี้ประทังชีวิตด้วยอาหารแจกจากฝ่ายปกครอง คือ ปลาทูทอด หมูยอ และไข่เจียว แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาดูแล ดังนั้น ตนเองจึงต้องอยู่ดูแลลูกที่ป่วย ประกอบกับตัวเองก็ป่วยด้วยโรคไขข้อกระดูก จึงไม่สามารถย้ายออกไปอยู่ข้างนอกได้ ส่วนทรัพย์สินที่เสียหาย เบื้องต้นมีปั๊มน้ำจำนวน 2 ตัวที่ย้ายหนีน้ำไม่ทัน หากน้ำลดแล้ว ก็ต้องหาเงินมาซื้อใหม่ หากเป็นไปได้สิ่งที่ต้องการในตอนนี้คือเงินที่จะใช้จ่าย รวมถึงซื้อทรัพย์สินที่เสียหาย
แฟนข่าว Amarin TV ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม จ.นครศรีธรรมราช และจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ ได้ที่
ชื่อบัญชี อมรินทร์รวมใจช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม
ธนาคารกสิกรไทย เลขที่บัญชี 061-8-88293-4
Advertisement