วันที่ 4 ธ.ค. 63 หน่วยกู้ภัยสว่างพรกุศล จุดสำนักทอง รับแจ้งเด็กหายและขอกำลังเสริมเจ้าหน้าที่พร้อมอุปกรณ์ไฟฟ้าเวลา 18.00 น. นำกำลังขึ้นยอดเขาคอก หมู่ 5 ตำบลวังจันทร์ อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง เพื่อติดตามหาตัวเด็กชายกั๊ก อายุ 6 ขวบ 3 เดือน เป็นออทิสติก ซึ่งหายตัวไปตั้งเมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 3 ธ.ค. 63 พร้อมด้วยนายคะนึง เอกจีน กำนันตำบลวังจันทร์ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างพรกุศลสำนักทอง กว่า 10 นาย ระดมกันค้นหากว่า 7 ชั่วโมง
ก่อนเจ้าหน้าที่ชุดแรกที่ขึ้นไปถึงยอดเขา ได้วิทยุสื่อสารแจ้งว่าพบเด็กชายกั๊ก อาการปลอดภัยดี กำลังนำตัวลงจากเขา พร้อมเล่าว่า เมื่อไปถึงยอดเขา มีต้นตะเคียน เด็กก็เดินออกมาหาแสงไฟ เชื่อว่ามีสิ่งลี้ลับปล่อยเด็กออกมา หลังจากที่ยกมือกราบไหว้ขอขมาแล้ว
ทีมข่าวเดินทางมาที่ ม.4 ตำบลกะเฉด อำเภอเมือง จังหวัดระยอง นายบุญเรือง อายุ 50 ปี พ่อของเด็กชายกั๊ก และนางสาวแก้ว จักรทอง ป้าของน้องกั๊ก ทั้งหมดเป็นชาวศรีสะเกษ อยู่ในสวนยางของเจ้ดำ ลึกจากถนนกว่า 3 กิโลเมตร สภาพบ้านทรุดโทรม
นางสาวแก้ว ป้าของน้องกั๊ก เล่าว่า น้องชายพาน้องกั๊กมาอยู่ได้ 1 ปีแล้ว ชอบดื่มแต่เหล้า ตนบ่นก็ไม่ได้ เพราะเป็นห่วงหลาน เนื่องจากหลานพูดไม่ได้ และต้องคอยป้อนข้าวป้อนอาหาร การดื่มเหล้าของพ่อน้องกั๊กทำให้ตนเป็นห่วงว่าจะดูแลน้องไม่ดี เพราะน้องเคยเดินหายไปบนเขาภายในสวนยางแล้ว 1 ครั้ง ช่วยกันหากว่า 1 ชั่วโมง ก็พบซึ่งน้องเดินไปกับหมา
กระทั่งเช้าวันที่ 3 ธ.ค. 63 น้องกั๊กไปกับพ่อพร้อมเถ้าแก่ ออกจากบ้าน 09.00 น. ไปขายของตรงศาลเจ้าจันทร์ดี แต่ทราบว่าเถ้าแก่ใช้ให้ไปแคะขี้ยางบนเขาคอก จึงทราบข่าวจากลูกสาวประมาณ 18.00 น. ไลน์มาบอกว่าน้องกั๊กหาย ตนรู้สึกกังวลมาก เพราะน้องกั๊กชอบเดินไปเรื่อย ๆ น้องพูดไม่ได้ พ่อมักจะไม่ค่อยสนใจ ส่วนที่ชาวบ้านเชื่อว่ามีสิ่งลี้ลับปล่อยเด็กออกมานั้น ตนเองก็เชื่อครึ่งหนึ่ง เพราะโบราณว่าในป่ามักมีผี คนหลงก็มักจะบอกกันตลอดว่าผีบังตา
นายอัครเดช ล่องดุริยางค์ กำนันตำบลกะเฉด หนึ่งในทีมกู้ภัยระดมค้นหาเด็กชายกั๊ก เล่าว่า นายบุญเรือง พ่อของเด็กชายกั๊ก จะมาทำงานรับจ้างกับพ่อของตน ทุกช่วงเช้าจะมาจัดเตรียมเพื่อนำของไปขายในตลาด บางวันพ่อของตนเองจะเข้าสวนยางที่เขาคอก ซึ่งก็จะนำนายบุญเรืองไปทำงานด้วย พร้อมนำน้องกั๊กไปด้วย เนื่องจากไม่มีคนดูแล แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นตนเองก็ยังงงว่า น้องหายไปได้อย่างไร โดยจากที่พ่อบอกว่าได้จอดรถตรงทางสามแพ่งก่อนขึ้นเขา เข้าสวนยาง ได้ให้น้องกั๊กนั่งเล่นข้างรถ จากนั้นทั้งคู่ได้เดินไปดูสวน ให้คนงานเก็บขี้ยางได้ประมาณ 1 ชั่วโมง ก็กลับมาที่รถน้องก็หายตัวไป
เบื้องต้น พ่อระดมกำลังตามหาเด็กแต่ไม่เจอ จึงติดต่อมายังตน ระดมกู้ภัยเข้าไปรวมลูกน้องของตนอีกเป็น 12 คน ช่วยกันหาตั้ง 11.00-17.00 น. หาเท่าไรก็ไม่เจอ กระทั่งมีกำเสริมหากันจนฟ้ามึด เวลาประมาณ 18.00 น. พ่อของตนเองได้ลงมาที่ศาลซึ่งสร้างไว้ก่อนจะเริ่มทำสวนยาง ทำการจุดธูปขอขมาให้เจอตัวเด็ก ซึ่งเป็นเรื่องอัศจรรย์มาก หลังจากนั้นก็มีรายงานว่าเจอตัวเด็กแล้ว แต่จุดที่เจอเป็นจุดเดียวที่ทีมค้นหาหากันหลายรอบ ตนเองจึงยังไม่เข้าใจว่าก่อนหน้านี้ทำไมหาไม่เจอ ทุกคนตกใจกันหมด อึ้งกันทั้งหมด
ส่วนเรื่องความเชื่อ ไม่เคยทราบมาก่อนว่าจุดนั้นเป็นต้นตะเคียน แต่ทีมกู้ภัยบอก ก่อนทำสวน ต้นไม้ใหญ่ทุกต้นจะเก็บไว้ทั้งหมด และก่อนลงกล้าก็ทำการขมาทุกส่วน ที่ผ่านก็ทำมาหากินราบรื่นมาตลอด ต้นตะเคียนต้นนี้ใหญ่ประมาณ 2 คนโอบ สวนนี้ชาวจะไม่ค่อยขึ้นไปเพราะเป็นเขาสูง มีทางขึ้นทางเดียว
นายบุญเรือง ซึ่งอยู่ในอาการมึนเมา เล่าว่า เมื่อวานตนเองขึ้นไปแคะขี้ยางบนเขา และลงมาที่รถตรงที่ลูกเคยอยู่ก็หาลูกไม่เจอแล้วไม่รู้เลยว่าลูกเดินไปไหน และธรรมดาเมื่อลูกได้ยินเสียงตนเองจะเดินออกมาหา แต่ครั้งนี้หายไปนานมาก เมื่อกำนันจุดธูปบอกเจ้าที่เจ้าทาง น้องก็โผล่มา ซึ่งตนเองก็ยังงง แต่ปกติที่ตนเองไปแคะยางก็จะเห็นต้นตะเคียนเป็นประจำ พร้อมบอกกล่าวเป็นประจำ นอกจากนี้ ตนยอมรับมาดื่มสุราจริงแต่ไม่เยอะ และก็ทำงานได้ปกติ และเลี้ยงลูกได้