แม่สอดคุมเข้ม พบคนไทยและเมียนมา จ้องลักลอบข้ามแดนเพียบ

ทหารหน่วยเฉพาะกิจออกลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก ทั้งวันทั้งคืน หลังพบคนไทยและเมียนมาพยายามหลบหนีข้ามแดนผ่านช่องทางธรรมชาติจำนวนมาก

เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 อ.แม่สอด จ.ตาก ยังคงลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก มากขึ้น เช่นที่บ้านแม่กุใหม่ท่าซุง เป็นจุดที่ล่อแหลมจุดหนึ่งที่ต้องมีการลาดตระเวนทั้งวันทั้งคืน ขณะที่ทหารชุดกองร้อยทหารราบที่ 431 ได้ลาดตระเวนช่องทางข้ามธรรมชาติบ้านวังตะเคียนใต้ หมู่ที่ 7 ต.ท่าสายลวด ได้พบกลุ่มบุคคลชาวไทยลักลอบนั่งเรือยนต์ข้ามแม่น้ำเมยจากฝั่งประเทศเมียนมา เข้ามายังฝั่งประเทศไทยและได้หลบหนีด้วยรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าสีดำไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน

เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามรถยนต์ต้องสงสัยคันดังกล่าว จนมาถึงบริเวณลานจอดรถท่าข้ามที่ 11 บ้านท่าอาจหมู่ที่ 3 ต.ท่าสายลวด พบกลุ่มบุคคลชาวไทยกำลังขนสิ่งของสัมภาระลงจากรถยนต์ลักษณะท่าทางมีพิรุธ เมื่อคนขับรถยนต์คันดังกล่าวสังเกตเห็นเจ้าหน้าที่จึงขับหลบหนีไปแต่สามารถควบคุมตัวชาวไทยไว้ได้ 4 คนเป็นชายไทยอาศัยอยู่ที่ตำบลหนองบัวเหนือ อ.เมืองตาก จากการสอบถามบุคคลทั้งหมดให้การว่า ได้ลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมายจริง จึงได้ควบคุมตัวส่งให้กับเจ้าหน้าที่วัดไข้และตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และจะดำเนินคดีตามกฎหมาย

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เชียงรายพบอีก 2 สาวติดโควิดจาก รร.ท่าขี้เหล็ก ดันยอดรวมเป็น 11 ราย ปชช.วิตกแห่ตรวจเพียบ
- เชียงรายปิดสถานบันเทิง 4 แห่ง ที่ผู้ติดเชื้อไปทำงานและเข้าไปใช้บริการ
- เชียงใหม่เจอดีเจชาย ข้ามฝั่งมาจากท่าขี้เหล็ก ติดเชื้อโควิดอีก 1 ราย
- สิงห์บุรีพบผู้ติดเชื้อใหม่ หญิง 51 ไปเชียงราย นั่งเครื่องลำเดียวกับสาวติดเชื้อ
- สิงห์บุรีเผยพบผู้มีความเสี่ยงสูงจากหญิงติดโควิด 4 ราย และเสี่ยงต่ำ 13 ราย

รายงานข่าวแจ้งว่าเจ้าหน้าที่ทหารยังได้จับกุมหญิงชาวเมียนมา 2 คนระหว่างนั่งเรือยนต์ข้ามมาฝั่งไทยที่บ้านวังตะเคียน ต.ท่าสายลวด เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่พยายามจะโดดลงแม่น้ำเมยแต่ไม่กล้าลงไปเพราะว่ายน้ำไม่เป็น จากการตรวจสอบไม่พบเอกสารหลักฐานในการเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักร และตรวจยึดเรือยนต์ได้จำนวน 1 ลำ จากนั้นได้ประสานตรวจคนเข้าเมือง จ.ตาก ทำการจับกุมต่อไป

นางสิน อินงาม อายุ 52 ปี ราษฎรบ้านวังตะเคียนใต้ หมู่ที่ 7 ตำบลท่าสาลวด อ.แม่สอด กล่าวว่าขณะนี้ชาวบ้านรู้สึกกลัวมากเพราะในพื้นที่มีแรงงานเมียนมาจำนวนมาก แต่ก็ได้บอกให้ทุกคนใส่หน้ากากอนามัยและทุกคนก็ให้ความร่วมมือหันมาใส่กันมากขึ้นกว่าเดิม