วันที่ 5 ธ.ค. 63 สถานการณ์น้ำท่วมหนักหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ หนักสุดที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานีนั้น
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เอชดี ช่อง 34 นำโดย คุณพุทธ อภิวรรณ, คุณจิตดี ศรีดี, คุณนภจรส ใจเกษม และคุณธนญญ์นภสสร์ น้อยเวียง ผู้ประกาศข่าว "รายการทุบโต๊ะข่าว" ลงพื้น จ.นครศรีธรรมราช เพื่อมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย จากการบริจาคของทุกคนที่ร่วมสมทบช่วยเหลือผ่านทางอมรินทร์ ทีวี
ทีมข่าวได้เดินทางมาถึงวัดทุ่งเฟื้อ หมู่ 5 และหมู่ 11 ต.สวนหลวง อ.เฉลิมพระเกียรติ โดยมีการนำถุงยังชีพบรรจุบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมปัง นม ปลากระป๋อง เทียนไข และยากันยุง จำนวน 200 ชุด พร้อมกับเสื้อชูชีพ จำนวน 45 ตัว มาแจกจ่ายให้กับชาวบ้าน ซึ่งมารอมากกว่า 200 ครัวเรือน
ส่วนที่หมู่ 6 ต.สวนหลวง อ.เฉลิมพระเกียรติ ใกล้โรงเรียนบ้านบางไทร ระดับน้ำลึกสูงสุดถึงระดับคอจนถึงศีรษะ ประมาณ 2.5 เมตร ได้แจกจ่ายถุงยังชีพแก่ชาวบ้าน นำเสื้อชูชีพจำนวน 200 ตัว และถุงยังชีพทั้งหมด 1,000 ชุด แจกจ่ายให้กับชาวบ้าน
ทีมข่าวโดยสารเรือ เพื่อสำรวจความเสียหาย และพบชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบที่บ้านของ นางสมคิด เกรียงสง อายุ 59 ปี บอกว่า ในช่วงน้ำไหลท่วมบ้านเรือนนั้น ชาวบ้านต่างไม่ได้ทันตั้งตัว บางรายก็ขนของหนีขึ้นชั้น 2 หรือที่สูงไม่ทัน
ทำให้มีทรัพย์สินเสียหาย ขณะนี้ไฟฟ้าใช้งานไม่ได้ หลังจากที่ไฟเพิ่งตัดเมื่อเช้าที่ผ่านมา ซึ่งต้องปิดคัตเอ้าต์บริเวณชั้นล่าง แล้วย้ายขึ้นไปใช้ขีวิตบนชั้น 2 ทั้งประกอบอาหารและหลับนอน เพื่อป้องกันอันตรายจากกระแสไฟฟ้า
โดยสิ่งที่ขาดแคลนขณะนี้คือ น้ำดื่ม และข้าวสาร อาหารแห้ง เพราะหายาก การใช้ชีวิตในช่วงวิกฤตนี้จะต้องนั่งเรืออกไปรับของบริจาค และถุงยังชีพจากจุดที่ระดับน้ำไม่สูง แล้วนำกลับเข้ามาภานในบ้าน ซึ่งสาเหตุที่ไม่ทิ้งบ้านออกจากพื้นที่วิกฤต เพราะไม่มีที่ให้ไป
นอกจากนี้ ตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้รับเเจ้งมีชาวบ้านพบศพชายลอยในน้ำที่บ้านหลังหนึ่ง ในชุมชนท่ามอญ ตำบลท่าวัง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ทราบชื่อคือ นายเสริม นิลอัฐ อายุ 65 ปี ที่เกิดเหตุเป็นบ้าน 2 ชั้น ครึ่งไม้ครึ่งปูน มีน้ำท่วมสูง 1 เมตร พบศพลอยคว่ำหน้าอยู่ผิวน้ำ ห่างจากตัวบ้าน 3 เมตร โผล่ขึ้นมาเพียงศีรษะ สภาพศพไม่สวมเสื้อ นุ่งผ้าขนหนูสีแดง
จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ใช้ผ้าขาวคลุมเเล้วใช้เชือกมัดศพไว้ ก่อนนำใส่เรือลากออกมาด้านนอกเพื่อให้แพทย์ทำการชันสูตร เบื้องต้นทราบว่าผู้ตายมีลูกชายอยู่ที่จังหวัดพัทลุง จากการตรวจสอบในห้องพักซึ่งเป็นไม้ สภาพเต็มไปด้วยโคลน เนื่องจากถูกน้ำท่วมก่อนหน้านี้ ตรวจสอบไม่พบเอกสารสำคัญ มีเพียงซองยารักษาโรคประจำตัว โรคกระเพาะ และพบขวดสุรา 1 ขวดอยู่ภายในห้อง
อีกทั้งตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งมีหญิงสูงอายุ จมน้ำเสียชีวิต พบร่างนางพร กงทองสง อายุ 70 ปี นอนคว่ำหน้าอยู่หลังบ้าน สภาพเป็นบ้านปูนชั้นเดียว หลังบ้านมีน้ำท่วม ระดับน้ำเพียง 5 เซนติเมตร เจ้าหน้าที่ส่งร่างไปชันสูตรที่แผนกนิติเวช โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช
นอกจากนี้ พบศพนายติยะพงศ์ อายุ 18 ปี หลังจากญาติแจ้งคนหายจากการถูกกระแสน้ำพัดตกลงไปในคลองทุ่งลาด จมน้ำหายไปที่หมู่ 2 ต.ฉวาง เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 63 ที่ผ่านมา
โดยเมื่อเช้านายสมศักดิ์ พ่อของนายติยะพงศ์ ชวนญาติพี่น้องลงค้นหาอีกครั้ง จนพบศพลูกชาย ห่างจากฝั่งที่ถูกน้ำซัดไปประมาณ 800 เมตร เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุลูกชายได้เดินออกมาจากบ้าน เพื่อไปช่วยชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมในบริเวณบ้าน และจะเดินลุยน้ำไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็มในตลาดฉวาง มาถึงที่เกิดเหตุ กระแสน้ำเชี่ยว ไม่สามารถต้านกระแสน้ำได้ จึงถูกกระแสน้ำพัดตกลงไปในคลอง ซึ่งมีชาวเห็นว่าลูกชายของตนถูกกระแสน้ำพัดจมหายไป
จากการแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ ไม่พบร่องรอยการต่อสู้ และแพทย์พิสูจน์ไม่พบบาดแผล ระบุว่าเสียชีวิตจากการจมน้ำ ญาติไม่ติดใจ จึงมอบศพไปทำพิธีทางศาสนาต่อไป
โดยบรรยากาศการลงพื้นที่วันนี้ ทีมข่าวขนของที่จัดเตรียม ลำเลียงลงเรือทั้ง 3 ลำ และนำเข้าไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้านในพื้นที่ หมู่ 1 ต.ปากพูน และ หมู่ 8 ต.ท่างิ้ว ระดับน้ำยังท่วมสูงในหลายจุด มีตั้งแต่ 20 เซนติเมตร ไปจนถึง 2 เมตร ชาวบ้านต้องสัญจรเข้าออกทางเรือเท่านั้น โดย 2 ข้างทางระดับน้ำยังคงท่วมสูงเกือบถึงชั้น 2 ของตัวบ้าน โดยมีเจ้าหน้าที่มนุษย์กบที่เดินทางไปแจกของพร้อมกับทีมข่าวด้วย
ทั้งนี้ ชาวบ้านบางส่วนได้มีการย้ายออกนอกพื้นที่ ไปอาศัยตามบ้านญาติ หรือศูนย์อพยพ ที่จัดเอาไว้ แต่ก็ยังมีบางส่วน ประมาณ 40 หลังคาเรือนกว่า 150 คน ยังคงขออาศัยอยู่กับตัวบ้าน เพราะเป็นห่วงบ้าน และอีกส่วนก็เป็นผู้สูงอายุที่ไม่ยอมทิ้งบ้าน
จากการสอบถาม นางปรีดา ผู้ประสบภัย กล่าวว่า สาเหตุที่ตนไม่ทิ้งบ้าน เพราะว่ามีเด็กเล็กและไม่สะดวกที่จะย้ายออกไปอยู่ที่อื่น อีกทั้งที่บ้านตนได้รับความเสียหายที่ขั้น 1 ทั้งหมด แต่ชั้น 2 ยังใช้งานได้ปกติ งมีห้องน้ำที่ชั้น 2 ที่สามารถใช้งานได้ และเรื่องการประกอบอาหาร ก็ยังพอมีเตาแก๊ส จึงยังสามารถดำรงชีพอยู่ภายในบ้านได้
ส่วนข่าวดีของวันนี้ คือการไฟฟ้าได้ทำการต่อกระแสไฟ ให้สามารถกลับมาพอใช้งานได้เป็นวันแรก ส่วนของที่คนดูอมรินทร์ ทีวี นำมามอบให้ ตนก็รู้สึกทราบซึ้ง ขอบคุณที่ยังมีความเป็นห่วงเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
นอกจากนี้ ตนจะเจอกับสถานการณ์น้ำทุกปี ปีละ 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 ปริมาณน้ำจะไม่มาก แต่ครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งปัจจุบันถือว่าเป็นน้ำรอบที่ 2 ของปี จากการสังเกตของทีมข่าว ระหว่างที่ล่องเรือเข้าพื้นที่ พบว่า ชาวบ้านบางส่วน นำเอาสัตว์เลี้ยงทางการเกษตร เช่น แพะ ไก่ เป็ด ย้ายขึ้นไปอยู่ภายในตัวบ้าน พื้นที่การเกษตรเสียหายหนัก